โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 260

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.260 – ฝนแห่งความตาย

คลื่นยักษ์ถูกสกัดกั้นไว้โดยเกาะพิทักษ์ แม้ยังคงขยายออกไปถึงชายฝั่งของเมืองไห่ แต่อย่างน้อยก็ช่วยลดทอนความรุนแรงได้มากโข

เกาะพิทักษ์ถูกซัดสาด จมอยู่ภายใต้คลื่นทะเลโดยสิ้นเชิง หลงเหลือให้เห็นเพียงปราการศิลาดำ ตั้งตระหง่านรายล้อมไปด้วยน้ำทะเล

อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำทะเลดูเหมือนจะลดหลั่นลงอีกครั้ง บ่งบอกถึงสึนามิระลอกสองที่กำลังก่อตัวขึ้น

เมื่อน้ำทะเลลดลง บนชายหาดก็เผยให้เห็นถึงรูปลักษณ์อันดุร้ายของสัตว์ทะเลหลากชนิด ที่มากมายจนมิอาจบอกบรรยายและจดจำชื่อของพวกมันทั้งหมดได้

ยังไม่พอ เนื่องจากผงหอมวังวนสมุทรก่อนหน้านี้ เลยส่งผลให้เหล่าสัตว์ทะเลเกิดอาการคลุ้มคลั่ง

ก๊าซซซ!

เสียงคำรามสะท้านสะเทือนไปตลอดทั้งเกาะ

ณ เมืองไห่

ภายในอาคารของฝ่ายบริหารซึ่งเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงอำนาจสูงสุด

บนหน้าจอขนาดใหญ่ จอภาพนับไม่ถ้วนกำลังฉายถึงฉากสึนามิที่พัดเข้าใส่ปราการศิลาดำ

“เหอะๆ เกรงว่าการบุกของสัตว์ทะเลในคราวนี้คงสาหัสน่าดู”

“สัตว์ทะเลมีจำนวนมากเกินไป ไม่มีทางหรอกที่จะสกัดกั้นได้!”

“ใครคือคนที่ยังอยู่ในปราการศิลาดำ? เป็นฉินเฟิงงั้นหรอ?”

“จุ๊ๆ ห้ามเอ่ยถึงชื่อนั้น!”

ทุกคนหยุดพูดเรื่องของฉินเฟิง เบนไปหัวข้ออื่นแทน เพียงแต่สายตาของพวกเขา ทั้งหมดยังมุ่งความสนใจอยู่บนจอภาพ

ทั้งหมดตระหนักดีในหัวใจ

‘ฉินเฟิงคงไม่รอดแน่ๆแล้วคราวนี้!’

‘หึ! นี่แหละคือผลลัพธ์ของการไม่เห็นกลุ่มเล่ยถังของพวกเราอยู่ในสายตา’

‘ช่างน่าสงสาร ต้นไม้ที่เติบใหญ่ก่อนวัยอันควร ก็จะถูกพายุร้ายโค่นลงแบบนี้แหละ’

แต่ละคนนึกคิดแตกต่างกันไป ทว่าทั้งหมดต่างเข้าใจดี ว่าฉินเฟิงคงไม่สามารถหลบหนีจากการต่อสู้ในครั้งนี้ไปได้!

แต่ในเวลานั้นเอง หนึ่งในวิดีโอบนจอภาพก็พลันกลายเป็นสีดำ ตามมาด้วยเสียงซ่าๆ

โผล๊ะ โผล๊ะ โผล๊ะ โผล๊ะ

จอแล้วจอเล่ากลายเป็นสีดำ

“เกิดอะไรขึ้น?” สีหน้าที่แต่เดิมสะใจของหวังจื่อเฉาค่อยๆจางหาย คิ้วขมวดเข้าหากัน แสดงออกถึงความไม่พอใจ

ฝ่ายเทคนิคปาดเหงื่อและรีบซ่อมทันที

“ท่านรองเทศมนตรี อุปกรณ์พังครับ”

“พังงั้นหรือ? มันจะพังพร้อมกันทั้งหมดได้ยังไง?”

“ท่านรองเทศมนตร ดูเหมือนว่านี่จะเป็นฝีมือของมนุษย์”

สิ้นประโยคนี้ ความโกรธของหวังจื่อเฉาก็มลายหาย ปรากฏรอยยิ้มเยาะบนริมฝีปากของเขา

“คงเป็นฝีมือฉินเฟิงนั่นแหละ ช่างมัน! ตัดภาพกลับมาที่ชายฝั่ง เฝ้าดูสถานการณ์ในปัจจุบัน ตอนนี้สึนามิซัดผ่านเกาะพิทักษ์แล้ว อีกไม่นานคงมาถึงพวกเรา”

“รับทราบท่านรองเทศมนตรี!”

“ทุกหน่วยเตรียมพร้อมรบ!”

บนจอภาพ วิดีโอตัดกลับมาอีกครั้ง แต่มันมิได้ฉายอะไรเกี่ยวกับเกาะพิทักษ์อีกต่อไป

แน่นอน ว่าไม่มีใครกล่าวถึงหรือใส่ใจเช่นกัน ว่าคนที่ทำลายโดรนบนเกาะพิทักษ์จะมีชะตากรรมเช่นไร

บนปราการศิลาดำ พลังสมาธิของฉินเฟิงแพร่กระจายออกไป ทำลายโดรนสังเกตการณ์ที่กำลังสอดแนม

เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจว่าไม่มีหลงเหลือ ฉินเฟิงก็ก้มลงมองไปยังกองทัพสัตว์ทะเลที่กำลังล้อมปราการศิลาดำ

เมื่อระดับน้ำทะเลลดต่ำลง สัตว์ร้ายบางตัวก็เผยโฉมออกมา เวลานี้พวกมันกำลังคืบคลาน จ้องมองฉินเฟิงและไป๋หลีด้วยดวงตาแดงฉาน

เนื่องจากบนตัวทั้งสองถูกปกคลุมไปด้วยผงหอม เลยดึงดูดสายตาของเหล่าสัตว์ทะเล แต่เมื่อพวกสัตว์ทะเลพบว่าเบื้องหน้ามิใช่สิ่งที่พวกมันปรารถนา ตัณหาก็แปรผันเป็นความโกรธ!

ปัจจุบัน ฉินเฟิงถูกปิดล้อมโดยกองทัพสัตว์ทะเลนับไม่ถ้วน กระทั่งบนหาด ก็ยังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ หากเป็นคนธรรมดาที่พบเจอกับฉากนี้ คงกลายเป็นบ้าไปแล้ว

แต่ฉินเฟิงกลับไม่รู้สึกอะไรสักนิด มีเพียงมุมปากที่เผยยิ้มจางๆ

“ตั้งแต่เสนอหน้ามา พวกแกทุกตัวก็ชะตาขาดแล้ว จงกลายเป็นหินรองเท้าให้ฉันเหยียบย่ำ ทะยานสู่ความแข็งแกร่งในอนาคตซะ!”

ฉินเฟิงชูมือเหนือหัว วินาทีต่อมา เสาแสงสีดำก็ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า

เสาแสงนี้มีขนาดใหญ่มาก มันกว้างกว่า 2 เมตร และหลังจากทะยานขึ้นไปเชื่อมต่อกับผืนฟ้า เมฆโดยรอบก็ถูกย้อมไปด้วยสีดำ

หากพลเมืองในชุมชนผิงหยุนได้มาเห็นสิ่งนี้ คงร้องอุทานด้วยความตกใจ

เพราะนี่คือเทคนิคของปีศาจเสพวิญญาณที่เคยใช้จัดการกับฉินเฟิง!

เพียงแต่ในตอนนั้นมันเป็นช่วงเวลากลางคืน ผู้คนเลยไม่มีใครทันสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แม้ลมทะเลจะผัดผ่าน แต่ผืนฟ้าอันกว้างใหญ่ยังเป็นสีเทาในยามบ่ายคล้อย ฉะนั้นสามารถมองเห็นถึงฉากอันน่าหวาดกลัวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน

เมฆสีดำลอยล่อง ยิ่งมายิ่งปั่นป่วน ก่อตัวเป็นวังวน ทั้งยังยิ่งลดต่ำลงมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมา มันก็โปรยปรายลงด้วยเม็ดฝนสีดำ

“สายฝนแห่งความตาย!”

ฉินเฟิงประกาศกร้าวถึงชื่อของอบิลิตี้นี้ด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึก

และก็สมชื่อสายฝนแห่งความตาย ยามเมื่อสัตว์ทะเลถูกอาบโดยมัน ตามเนื้อตัวก็เริ่มแปรสภาพกลายเป็นซากศพเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว

ฉินเฟิงสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าพลังงานทั้งหมดของสัตว์ทะเลเหล่านี้ กำลังถูกดึงดูดออกไปรวมตัวกันอยู่ที่สมอง ก่อร่างเป็นแก่นพลังงานใหม่ และแก่นพลังงานที่ว่า ก็คอยควบคุมร่างศพของสัตว์ทะเล สั่งการให้พวกมันไม่หวั่นเกรงความเจ็บปวด แม้ร่างกายจะเน่าเสีย ทว่าความแข็งแกร่งเพิ่มพูนยิ่งกว่าเดิม

“เทคนิคควบคุมศพ!”

ฉินเฟิงระดมสมาธิ ใช้ประโยชน์จากอบิลิตี้ที่ปรมาจารย์หยินทิ้งเอาไว้ ควบคุมซากศพเน่าเปื่อยรอบตัวทั้งหมดทันที

ในพริบตา ราวกับจิตสำนึกของฉินเฟิงเชื่อมต่อเป็นพันธสัญญากับสัตว์ร้าย ทว่าสัตว์พันธะสัญญาเหล่านี้ไม่มีความนึกคิด ไร้ชีวิตจิตใจ ทำได้แค่รอคอยรับคำสั่ง แตกต่างจากไป๋หลีอย่างสมบูรณ์

“จงระเบิด!”

เมื่อคำสั่งนี้ถูกประกาศออกไป หัวของซากศพเน่าเปื่อยก็เกิดการระเบิดขึ้นทันที แก่นพลังงานหลุดออกมา

คำสั่งของฉินเฟิง — คือการบังคับพวกมันให้ตกลงสู่ความตาย!

แน่นอน ว่าหลังจากสัมผัสกับฝนแห่งความตายแล้ว พวกสัตว์ทะเลก็ตายเป็นที่เรียบร้อย ดังนั้นถึงจะกล่าวว่าเป็นคำสั่งตาย หากแต่หมายถึงการปลดปล่อยพวกมันเป็นอิสระต่างหาก

ซากศพเน่าเปื่อยร่วงตกลง ทิ้งกายเกยตื้นบนหาดรอบปราการศิลาดำ

ขณะเดียวกันบนทะเล ยังคงมีสัตว์ร้ายดาหน้าเข้าสู่เกาะพิทักษ์อย่างต่อเนื่อง

แต่ไม่นาน สัตว์ทะเลเหล่านี้ก็กลายเป็นซากศพ — ถูกควบคุมโดยฉินเฟิง –โดนระเบิดหัวอีกรอบ

วัฏจักรเช่นนี้ก่อตัวขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่มีที่สิ้นสุด

มือข้างหนึ่งของฉินเฟิงเชื่อมต่อกับผืนฟ้า ปลดปล่อยรูนมืดอย่างต่อเนื่อง คอยควบคุมฝนแห่งความตายให้โปรยปรายลงมา

ซึ่งสำหรับคนอื่นๆ กระบวนการนี้มันยากเย็นมาก ทว่ากลับง่ายดายเมื่อเป็นฉินเฟิง

ท่ามกลางจักรวาลแห่งห้วงจิตสำนึก รูนมืดยังคงพรั่งพรูออกมาจากศิลานรก ช่วยหนุนเสริมให้ฝนแห่งความตายของฉินเฟิงทรงประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

กระทั่งนายพลสัตว์ร้าย เมื่อต้องตกอยู่ภายใต้เม็ดฝนเหล่านี้เป็นเวลานาน สุดท้ายพวกมันก็ติดเชื้อ และกลายเป็นซากศพ

แก่นพลังงานนับไม่ถ้วนกองพะเนินอยู่เบื้องหน้าฉินเฟิง

“พลังพิเศษดูดกลืน!”

มืออีกข้างของฉินเฟิง เรียกแก่นพลังงานเหล่านี้เข้ามา ดูดซับเข้าสู่ร่างกาย

และเนื่องจากสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ถูกบังคับให้กลายเป็นซากศพ ฉะนั้นพลังงานอันเป็นเอกลักษณ์ในร่างกายของแต่ละตน จึงถูกสูบเข้าไปรวมกันในแก่นพลังงาน

นั่นหมายความว่าฉินเฟิงสามารถดูดซึมเอกลักษณ์ของพวกมันได้อย่างเต็มเปี่ยม

โดยเฉพาะแก่นพลังงานของสัตว์ร้ายประเภทเต่า ยามเมื่อพลังงานหลั่งไหลเข้ามา ฉินเฟิงสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าอายุขัยของเขายืดยาวยิ่งกว่าเดิม

“แค่นี้ยังไม่พอหรอก!”

ฉินเฟิงล่าสังหารอย่างเมามัน

ฝนแห่งความตายโปรยปราย > พลังสมาธิเข้าควบคุม > กองทัพสัตว์ร้ายเข้าถาโถม ฉากนี้กลายเป็นสรวงสวรรค์สำหรับการเสริมแกร่งแก่ฉินเฟิง

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้ใช้อบิลิตี้มืดได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องหวั่นเกรง

แน่นอน ว่าเฉพาะแค่บนเกาะเท่านั้น ที่จะไม่มีคนเห็น!

ฉินเฟิงโจมตีตามอำเภอใจ ใช้สไตล์ของตนเอง สังหารสัตว์ร้ายไปจนมิอาจนับคำนวณไหว

วู้มมมม!

ท้องทะเลกับผืนฟ้าบรรจบกันอีกครั้ง คลื่นสีขาวขนาดยักษ์เริ่มก่อตัว และคราวนี้ มันสูงกว่าเดิม

–เป็นสึนามิที่มีความสูงกว่า 10 เมตร!

กระแสทัพสัตว์ทะเลของจริงในที่สุดก็เริ่มต้นขึ้น!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท