โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.292 – กระจาย
ดอกบัวพิสุทธิ์ แม้ไม่ปนเปื้อนจากตะกอนโคลน แต่ตะกอนเหล่านี้ไม่ใช่โคลนธรรมดา แต่มันประกอบไปด้วยพิษ! หากเฉียดเข้าไปใกล้หรือสัมผัสโดนตะกอนเพียงครั้งเดียว พิษจะแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายทันที และมีผลต่อการฝึกยุทธในภายภาคหน้า
ดังนั้น อย่ามองว่าดอกบัวที่ชูชันงดงามนี้เป็นแค่ดอกไม้ในตมธรรมดาๆ ห้ามเข้าไปใกล้เชียว มิฉะนั้นแค่สูดดมกลิ่นของมันเข้าไปก็ติดพิษแล้ว
นี่เองคือความยากในการเก็บเกี่ยวเมล็ดบัวที่ถูกห่อหุ้มไว้ภายในดอกบัวพิสุทธิ์ ต้องทำให้มันผลิดอกให้ได้ ทั้งยังต้องเก็บเมล็ดบัวโดยห้ามเข้าไปใกล้มัน
ฉินเฟิงยิ้มเล็กน้อย คว้าลูกปัดหยกบนแท่นบูชา สีหน้ายังคงสงบผ่อนคลาย
ไป๋หลียืนอยู่บนไหล่ของฉินเฟิง เปิดปากกล่าว “บนลูกปัดถูกสลักพิกัดมิติเอาไว้ หากคุณใช้งานมันครั้งหนึ่งแล้ว ห้ามหยิบลูกปัดอื่นอีกเด็ดขาด มิฉะนั้นจะถูกส่งออกไปทันที”
“อ่า ฉันเข้าใจ”
สุสานเทพสงครามก็มีกฏของตัวเอง นับแต่สมัยโบราณ ผู้แข็งแกร่งมักมาพร้อมกับความชอบธรรมเสมอ วาจาหรือคำเตือนใดที่ทิ้งเอาไว้ ย่อมไม่กลับกลอก ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ฉินเฟิงจะปฏิบัติตามกฏของสุสานเทพสงคราม
“แต่ฉันสามารถปลดพิกัดมิติในลูกปัดให้ได้ หากคุณต้องการ”
“ไม่เป็นไร ฉันใช้แค่เม็ดเดียวก็พอแล้ว”
สำหรับฉินเฟิง เงื่อนไขนี้มันง่าย .. ง่ายเกินไปด้วยซ้ำ!
ฉินเฟิงอัดฉีดกำลังภายในเข้าไปในลูกปัดหยก
“ไปเลย!”
เจ้าตัวง้างสุดแขน ก่อนจะเหวี่ยงออกไป ลูกปัดหยกเปี่ยมไปด้วยกำลังภายในพุ่งเข้าใส่ดอกบัวท่ามกลางตะกอน เริ่มจากบัวที่ผุดขึ้นอยู่ไม่ไกลออกไป
ตูม!
ดอกของบัวพิสุทธิ์เกิดการระเบิดทันที ใบบัวปลิวกระจายออกเป็น 7 – 8 ส่วน แรงสะท้อนยังส่งผลกระทบไปยังดอกบัวอื่นๆ ไม่เพียงเท่านี้ ลูกปัดหยกเองก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ พลังงานภายในมันยังคงหลงเหลือ พุ่งเข้ากระแทกดอกบัวเป็นครั้งที่สอง!
จากนั้นก็กระแทกครั้งที่สาม , สี่ และห้า กระบวนการทั้งหมดล้วนพุ่งเป็นเส้นตรง
ในขณะที่สระบัวมีความกว้างกว่า 100 เมตร ดังนั้นยิ่งลึกเข้าไป ก็ยิ่งยากเย็นที่จะได้รับเมล็ดบัวกลับมา
อย่างไรก็ตาม ลูกปัดหยกของฉินเฟิงสามารถทำลายดอกบัวพิสุทธิ์ได้มากกว่า 5 ดอก
และ ผลพวงจากแรงปะทะของมัน ชนเข้ากับดอกบัวพิสุทธิ์อื่นที่อยู่ใกล้เคียงอีกระลอก
กำลังภายในมหาศาลทำลายดอกบัวพิสุทธิ์ที่ถูกลูกปัดชนโดยตรงเป็นชิ้นๆ ดอกบัวดอกที่สองก็ยังกระจายเป็นเสี่ยงๆ แม้การกระทำดังกล่าวเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ภายในดอกบัว กลับปรากฏเมล็ดบัวดีดขึ้นไปในอากาศอย่างกระทันหัน
ผลุบ ผลุบ ผลุบ!
เมล็ดบัวลอยกระเด็นขึ้นไปบนฟากฟ้า ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆชวนหลงไหลฟุ้งออกมา
ฉินเฟิงเปิดใช้งานกำลังภายในของเขาทันที
“ทักษะลับกลืนดารา ปลดปล่อยแรงดูด!”
เมล็ดบัวมากมายที่ลอยอยู่กลางอากาศ ถูกรวบกลับมาไว้อ้อมแขนของฉินเฟิง กองรวมๆกันจนมีสภาพราวกับลูกบอลขนาดใหญ่
การขว้างลูกปักหยกในครั้งเดียวของฉินเฟิง ส่งผลให้กว่า 9/10 ของเมล็ดบัวในสระตกมาอยู่ในเงื้อมมือเขา
กำลังภายในกวาดไปทั่ว ฉินเฟิงทิ้งเมล็ดบัวมากมายที่ได้มากองไว้กับพื้น
ซึ่งในโลกภายนอก แต่ละเมล็ดบัวมีมูลค่ามากถึง 50 ล้านเหรียญ! แต่ฉินเฟิงสามารถเก็บเกี่ยวพวกมันได้กว่า 1000 เมล็ด! นี่ช่างเป็นทรัพยากรที่ชวนให้น้ำลายสอ
กระทั่งผู้ใช้พลังเลเวล E เงินจำนวนกว่า 5 หมื่นล้าน ก็ถือว่ามากมายมหาศาล นับประสาอะไรกับรุ่นเยาว์ภายนอก เกรงว่าหากมาได้เห็นมัน พวกเขาคงจะกลายเป็นบ้า
ฉินเฟิงหย่อนตัวลงนั่ง เอ่ยเชิญชวน
“ได้มาเยอะเลย เธอเองก็กินมันด้วยกันสิ”
ไป๋หลีกระโดลงจากไหล่ฉินเฟิงด้วยความสนใจ ยื่นปากไปงับเมล็ดบัวและกลืนมันลงไป
กลิ่นช่างหอมละมุน รสชาติหวานกรอบ –อร่อยมาก!
ฉินเฟิงเอาบ้าง เขาหยิบขึ้นมาเมล็ดหนึ่ง โยนเข้าปากอย่างไม่ใส่ใจ กระแสไอเย็นไหลเข้าสู่ภายในร่างกายตน คล้ายเริ่มกระบวนการชำระล้างร่างกาย
ไม่นานนัก ฉินเฟิงก็รู้สึกว่าตามตัวเขาขับเหงื่อออกมา แต่เหงื่อพวกนี้ล้วนปนเปื้อนไปด้วยคราบสีดำเป็นชั้นๆ
ดูเหมือนว่าผลของเมล็ดบัวจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว
ดอกบัวพิสุทธิ์ถือว่าเป็นสมุนไพรในส่วนของเลเวล E ตอนนี้ฉินเฟิงมีกายเนื้อระดับราชันย์สัตว์ร้าย ดังนั้นชิ้นเดียวย่อมไม่ส่งผลลัพธ์ได้ดีเท่าที่ควร
เม็ดแล้วเม็ดเล่าถูกโยนเข้าปาก ไหลลงสู่ช่วงท้อง ฉินเฟิงรับรู้ได้ถึงพลังงานในร่างกายที่กำลังแพร่กระจายอยู่ตลอดเวลา
คราบดำและคราบสกปรกเริ่มถูกขับออกมามากขึ้นเรื่อยๆ โชคยังดีที่สวนแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงสระบัว แต่ยังมีอีกลำห้วยไหลผ่าน ฉินเฟิงกระตุ้นพลังสมาธิ ยกเอาน้ำจากห้วยมาชะล้างกายภายนอก
เขาล้างตัวไปด้วย กินไปด้วย จนเวลาล่วงเลยไปกว่าครึ่งชั่วโมง เมล็ดบัวก็หมดไปกว่า 100 เมล็ด
ฉินเฟิงรู้สึกแค่เพียงร่างกายและจิตใจของเขากลายเป็นบริสุทธิ์ ผุดผ่องอย่างหาที่ใดเปรียบ
กลิ่นอายสังหารก่อนหน้านี้เองก็ดูเหมือนจะถูกชำระล้างไปพร้อมกับมัน ร่องรอยของความชั่วร้ายที่ปกคลุมในหัวใจเขามลายหายไปอย่างเงียบๆ
ห้วงสติอารมณ์ และสภาวะจิตใจ แจ่มแจ้งและปลอดโปร่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ดอกบัวพิสุทธิ์เป็นของดีจริงๆ!”
ฉินเฟิงรู้สึกว่ามันคือสมบัติอย่างแท้จริง ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีราคาสูงนัก
ในตอนนั้นเอง เสียงฝีเท้าพลันดังขึ้นจากทางเดินเบื้องหลัง โจวฮ่าวที่ตามผิวหนังท่วมไปด้วยสีแดงเลือดก้าวเข้ามา
ฉินเฟิงพอเห็นสภาพของโจวฮ่าว ก็ตระหนักได้ทันทีว่าอีกฝ่ายสามารถยกระดับทางกายภาพขึ้นมาเป็นนายพลสัตว์ร้ายได้แล้ว
โจวฮ่าวเองก็เห็นฉินเฟิง แววตาของเขาฟุ้งไปด้วยความตื่นเต้น
แต่ไม่นาน สายตาของโจวฮ่าวก็ตกลงบนเมล็ดบัวที่วางกองอยู่บนพื้น
โจวฮ่าวสูดกลิ่นหอมอ่อนๆในอากาศ ก่อนจะเบนสายตาไปมองสระบัวพิสุทธิ์ที่ส่งกลิ่นเหม็นในระยะไกล
“นี่มันเมล็ดจากดอกบัวพิสุทธิ์ไม่ใช่หรอ? ทำไมถึงมีกองอยู่บนพื้นมากมายขนาดนี้ แล้วนายจะนั่งลงหน้ามันทำไมกัน รู้ไหมว่าสภาพนายไม่ต่างจากพวกขายของแผงลอยข้างถนนเลย” โจวฮ่าวเอ่ยแซว
ฉินเฟิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี มีสักครั้งไหมที่พอได้คุยกันแล้วเขาไม่ถูกมันกวนตีน?
แต่พอลองก้มมองดูตัวเองดีๆ ก็รู้สึกว่าเหมือนจริงๆ สภาพตอนนี้ท่อนบนไม่สวมเสื้อผ้า กางเกงขายาวบัดนี้ขาดวิ่น ทั้งยังเป็นรู และเพื่อที่จะดูดซับเลือดมังกร ฉินเฟิงตอนนี้เลยเท้าเปล่า
ปัจจุบัน เขาตกอยู่ในสภาพแทบไม่สวมใส่อะไรเลย นอกจากกางเกงขาดๆตัวหนึ่ง มองไปก็เหมือนคนแร้นแค้นจริงๆนั่นแหละ
แต่จะให้เรียกชุดอื่นมาสวมใส่ก็ไม่ได้ เนื่องจากสุสานเทพสงครามไม่อนุญาตให้เปิดใช้งานพื้นที่มิติ มิฉะนั้นแล้วเลือดมังกรคงถูกช่วงชิงไปหมด ไม่เพียงพอสำหรับผู้คนทั้ง 5,000 คน
แน่นอน ไป๋หลีสามารถเปิดพื้นที่มิติได้ แต่เขาปรากฏกายในสภาพยาจกต่อหน้าทุกคนไปแล้ว หากเวลานี้จู่ๆมีเสื้อผ้าสวมใส่ขึ้นมา มันจะไม่น่าสงสัยหรอ?
“นายโชคดีนะที่ฉันพกบางอย่างติดตัวมาด้วย” โจวฮ่าวถอดกระเป๋าสะพายข้างหลังเขา
ฉินเฟิงมองกระเป๋าของโจวฮ่าวด้วยความประหลาดใจ
“ทุกคนใครๆก็ใช้อุปกรณ์รูนมิติกันทั้งนั้น ทำไมนายถึงพกของแบบนี้มากัน?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่น่าถาม ก็ฉันมันเป็นคนมองการณ์ไกลน่ะสิ!”
โจวฮ่าวเปิดกระเป๋า ฉินเฟิงพบว่าภายในกระเป๋าใบใหญ่มีหลายสิ่งถูกเก็บเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ร้ายตากแห้ง , ถุงพลาสติกแบบปิด และขวดโหลทั้งเล็กใหญ่ รวมไปถึงเสื้อผ้า
ขวดโหลที่ว่าคืออุปกรณ์ที่ใช้ในการบรรจุของเหลวจากการต่อสู้ในทุ่งล่า ตอนนี้มีกว่า 10 ขวดอยู่กับตัวโจวฮ่าว ทั้งหมดถูกเติมเต็มไปด้วยเลือดมังกร ทั้งยังมีขวดบางส่วนถูกห่อเอาไว้ และแบกอยู่บนหลังนางพญามดทอง
ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิดเลย ของเหลวทั้งหมดในขวดคือเลือดมังกร!
“ร้ายกาจ! นายสมควรแล้วที่จะได้รับมัน” กระทั่งฉินเฟิงเองก็ยังไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เขาค่อนข้างเซอร์ไพรส์เล็กน้อย หัวเราะชอบใจ
โจวฮ่าวเองก็หัวเราะ “นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว ฉันเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เพราะไม่รู้ว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง”
ฉินเฟิงพยักหน้า “เลยทำให้นายสามารถเก็บเกี่ยวทรัพยากรได้มากถึงขนาดนี้ไง จากที่ดูคร่าวๆ แค่นี้ก็น่าจะพอให้นายตัดผ่านไปถึงเลเวล E ได้แล้ว ส่วนฉันถูกไล่ล่าก่อนจะเข้ามา เลยไม่มีเวลาได้เตรียมตัวอะไร ”
อันที่จริงเขาไม่ต้องเตรียมตัวอะไรก็ได้ เพราะไป๋หลีสามารถเปิดพื้นที่มิติได้อยู่แล้ว แต่เมื่อเพื่อนฉลาด เขาก็พร้อมเอ่ยปากชม
โจวฮ่าวพอได้ยินคำพูดของฉินเฟิง สีหน้าของเขาก็เริ่มหนักอึ้งขึ้น รีบถามอย่างรวดเร็ว
“ยังไงก็เถอะ ฉินเฟิง เกิดอะไรขึ้นกับนายกัน? ทำไมถึงไปมีปัญหากับตระกูลซงล่ะ แล้วเมื่อกี้นายบอกว่ากำลังถูกไล่ล่า? เป็นพวกตระกูลซงใช่ไหม?”
แต่เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่มีเวลาทันได้อธิบาย เพราะพลังสมาธิของฉินเฟิงที่ปลดปล่อยอยู่โดยรอบ ได้ค้นพบว่าข้างนอกมีอีกคนหนึ่งกำลังก้าวเข้ามา
ฉินเฟิงส่งสัญญาณให้โจวฮ่าวอย่างรวดเร็ว เขาจงใจเอ่ยด้วยเสียงแหบพร่า “เฮ้สหาย ฉันอยากจะซื้อกระเป๋าของนาย จะได้รึเปล่า แลกกับเมล็ดบัว!”
รุ่นเยาว์ที่ตามเข้ามาคืออัจฉริยะของตระกูลโหว —โหวฟาง!