โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 304

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.304 – ผู้มาเยือนเป็นใคร?

กลางอากาศ

ฝูงค้างคาวพฤกษาหยินล้อมกรอบฉินเฟิง แต่พวกมันกลับไม่อาจสร้างบาดแผลใดๆให้แก่เขาได้เลย

ดันกลายเป็นหินรองเท้าให้ฉินเฟิงเหียบแทน

เปลวไฟบนมีดกษัตริย์ครามกระพริบไหว กวาดเป็นแนวยาว ตัดฝูงค้างคาวออกเป็นชิ้นๆ

ซากศพไม่สมประกอบของค้างคาวพฤกษาหยินร่วงตกลงจากฟากฟ้า

เปรี๊ยะ!

ฉินเฟิงทะยาเข้าหากิ่งต้นไม้ใหญ่ พริบตาเดียวก็สามารถกลับมามีที่หยั่งเท้า

ฮอลศึกเบื้องบนยังไม่จากไป เค่อเซี่ยงซัวเห็นทุกการกระทำและเคลื่อนไหวของฉินเฟิงผ่านจอมอนิเตอร์

“แข็งแกร่งมาก แกร่งเกินไปแล้ว นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า?”

เค่อเซี่ยงซัวปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก เวลานี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจ ว่าฉินเฟิงแกร่งกว่าที่ตนคาดเอาไว้มากนัก เป็นตัวตนที่สามารถก้าวขึ้นไปยืนหยัดอยู่ในระดับที่เขาไม่มีวันเหยียบถึง

“สมควรจะอยู่ในเลเวล D”

“ช่างแม่ง ฉันไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว แค่ส่งวิดีโอนี้ให้กับทางสำนักงานใหญ่ก็น่าจะพอแล้ว รีบออกไปจากสถานที่บ้านี่ดีกว่า”

พอคิดได้ เค่อเซี่ยงซัวก็ขับฮอลออกจากสันเขาถังซานทันที

อีกด้านหนึ่ง ฉินเฟิงที่หยั่งเท้าอยู่บนกิ่งไม้ ร่างเขาวูบไหว หายวับไปจากสถานที่เดิม

ซ่อนเงา!

กลิ่นอายของฉินเฟิงจางหายไป

ฝูงค้างคาวพฤกษาหยินเริ่มร้อนรน สะบัดโจมตีไปทุกทิศทาง แต่ก็ไม่พบฉินเฟิง มิอาจระบายความโกรธเกรี้ยวลงได้ การต่อสู้บนท้องฟ้าดำเนินไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆบรรเทาบรรยากาศคุกรุ่นลง

ขณะนั้นเอง หลายคนที่ซ่อนอยู่ในป่าไม้ ทั้งหมดต่างพากันขมวดคิ้ว

“มีใครมาเพิ่มอีกแล้ว?”

“เหมือนว่าจะมีกัน 2 คน มาถึงก็อาละวาดเลย”

“พวกเขาแข็งแกร่งหรือเปล่า?”

“ทำไมหน้าตาของสองคนนี้ ถึงดูคุ้นๆจัง”

บางคนก็ไม่รู้จัก บางคนก็จดจำจำจดฉินเฟิงและไป๋หลีเอาไว้ในความทรงจำ

“ฉินเฟิง?” เล่ยเฉินคิดว่าตนเองตาฝาดไป

ภารกิจปราบปรามกองทัพสัตว์ร้ายผ่านมานานกว่า 10 วันแล้ว ยิ่งได้รับข่าวจากเมืองไห่ถึงตัวเลขที่สูญเสียไป ความโกรธของเล่ยเฉินก็ลุกโชนเกินกว่าจะจินตนาการ

แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แม้เล่ยเฉินจะมีกลุ่มเล่ยถังอยู่เบื้องหลัง แต่เขาก็ไม่สามารถนำเงินจากกลุ่มไปช่วยสนับสนุนเมืองไห่ตามต้องการได้

เดิมคิดว่าการได้เมืองมาครอบครองจะสามารถทำกำไรมหาศาล จู่ๆกลับกลายเป็นขาดทุนเสียอย่างนั้น

และทั้งหมดนี้ แน่นอนว่าเป็นเพราะฝีมือของฉินเฟิง

อีกฝ่ายถึงขั้นทำลายเกาะพิทักษ์!

หลังจากได้รับรายงานจากหวังจื่อเฉา เล่ยเฉินแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะกลับไปฉีกฉินเฟิงเป็นชิ้นๆ

แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าอีกฝ่ายจะกล้ามาเหยียบสันเขาถังซานด้วยตนเอง

“ฮี่ฮี่ ในทุ่งล่าน่ะมันอันตรายนะ ฉินเฟิง ถ้าแกเผลอตายข้างนอกขึ้นมา อย่าโทษฉันก็แล้วกัน!” เจตนาฆ่ากระพริบผ่านแววตาของเล่ยเฉิน

ในเวลานั้นเอง ฉินเฟิงซ่อนตัวอยู่ในโพรงของต้นไม้ใหญ่ ปลดปล่อยพลังสมาธิกวาดออกไปอย่างเงียบๆ

“หือ?” ฉินเฟิงชะงักไป เนื่องจากสัมผัสได้ถึงอีกสองพลังสมาธิที่ส่งผ่านมา แน่นอนว่ามันแค่ส่งมาแล้วกลับไป

“ที่นี่มีผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล D กับมีมือปืนเลเวล D อยู่ด้วยแฮะ” ฉินเฟิงคิด

“ส่วนผู้ใช้พลังทั้งหมดมีอยู่ 11 คน”

และเมื่อนับฉินเฟิงกับไป๋หลีเข้าไปด้วย ในสันเขาถังซาน จะมีทั้งสิ้น 13 คน

เลเวล D ทั้งหมดในที่นี้ ล้วนเป็นบุคคลสำคัญของเมืองใหญ่

ฉินเฟิงพอจะรู้ถึงสถานะของบางคนแล้ว ตอนที่พลังสมาธิสแกนออกไป มีบางคนที่สอดคล้องกับความทรงจำในอดีตเขา อันได้แก่

ไป่หยิงเทียนจากเมืองเฉิงหยาง

เล่ยเฉินจากเมืองไห่

ฟูฉีจากเมืองฟูเฉิง

นอกจากนี้ยังมีผู้นำเมืองนุ่ยเหมิง –เหมิงหลิน , เย่ฉุนจากเมืองฉิง , ไซปิงจากเมืองปาไห่ และหานหยวนเซิงจากเมืองฉีหาน ทั้งหมดล้วนเข้าร่วมภารกิจนี้

ในบรรดาพวกเขา เป็นฟูฉีที่ครอบครองอบิลิตี้ไม้ และมีนายพลหานหยวนเซิงเป็นมือปืน

ส่วนที่เหลือ เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ

—ผู้ใช้วรยุทธโบราณล้วนมีความแข็งแกร่งในตัวเอง , ผู้ใช้อบิลิตี้นานๆครั้งจะปรากฏขึ้น , มือปืนเหมาะสำหรับการต่อสู้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ อิงตามสถานการณ์ข้างต้นนี้ การที่ผู้เข้าร่วมภารกิจสันเขาถังซานส่วนใหญ่เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณ เลยไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

ส่วนที่เหลืออยู่อีก 4 คน ฉินเฟิงคิดว่าพวกเขาน่าจะเป็นคนจากตระกูลชั้นสูง นอกจากนี้ หนึ่งในนั้นยังมีกลิ่นอายของปราณกำลังภายในเหมือนกับคนจากตระกูลซง

“น่าเสียดาย ที่ฉันไม่สามารถลงมือจัดการกับตระกูลซงในครั้งนี้ได้ … แต่ถ้าอีกฝ่ายบังเอิญถูกสัตว์ร้ายสังหาร หรือตายลงด้วยน้ำมือของคนจากตระกูลอื่น แค่นี้ทางตระกูลซงก็สาวเรื่องมาถึงฉันไม่ได้แล้ว!” ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็นชา

สิบกว่าคนในที่นี้ ต่างฝ่ายต่างแยกตัวกันหลบซ่อนอย่างสงบ ขณะเดียวกันก็ไม่มีความคิดเรื่องจับมือรวมกลุ่ม ทั้งหมดเพียงเฝ้ารอช่วงเวลาที่เหมาะสมถึงจะลงมือ

แต่ฉินเฟิงไม่อาจรอได้!

หรือจะบอกว่าเขาไม่ต้องการจะรอก็ได้ ตั้งแต่ที่ฉินเฟิงปรากฏกายขึ้นในสันเขาแห่งนี้ คลื่นลมที่เคยสงบ ย่อมไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไป!

‘’จักรพรรดิสัตว์ร้ายน่าจะตายลงภายในเดือนนี้ คิดว่าไม่น่าเกิน 1 สัปดาห์ แต่มนุษย์ในที่นี้จะไม่มีใครได้รับแก่นพลังงานของจักพรรดิสัตว์ร้ายไป กระทั่งบางคนยังถึงขั้นตกตาย!’

คำกล่าวข้างต้นนี้ อธิบายได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตระดับราชันย์ตนอื่นที่คว้าชัยชนะไปครอบครอง

ราชันย์สัตว์ร้ายทรงพลังเพียงใดน่ะหรือ? มันมิใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสามารถต้านทานได้ พวกเลเวล D ในที่นี้อาจคิดว่าตนเองเป็นยอดขุนพล แต่ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชันย์สัตว์ร้าย

พวกเขาคิดจะเป็นฝ่ายเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ในตอนท้าย แต่น่าเสียดายที่สู้พวกมันไม่ได้ ผลลัพธ์เลยกลายเป็นล้มเหลว!

นี่คือความทรงจำในชีวิตก่อนของฉินเฟิง

พลังสมาธิถูกกวาดออกไปอีกครั้ง อันที่จริงไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากมายอะไรเลย ฉินเฟิงก็สามารถค้นพบมัน

ค้นพบการดำรงอยู่ระดับราชันย์ของสัตว์ร้ายถึง 3 ตัว

ทางทิศตะวันออก เป็นงูเหลือมสีทองขนาดมหึมา นอนขดตามแนวเขาใหญ่ เกล็ดสีทองบนร่างมัน ยามสะท้อนกับแสงแดดชวนให้คนมองรู้สึกแสบตา

—ราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำ!

มันคือราชันย์สัตว์ร้ายในเลเวล D3 มีความยาวกว่า 50 เมตร เส้นผ่านศูนย์กลางลำตัวกว่า 2 เมตร น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง

การดำรงอยู่ดังกล่าว มิใช่สิ่งที่มนุษย์เพียงลำพังจะสามารถต่อกรได้

ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ข้ามผ่านธารน้ำตกไป จะพบกับแอ่งน้ำใหญ่ที่ก่อตัวขึ้น แต่เรื่องที่แปลกก็คือ แอ่งน้ำกลับจับตัวเป็นน้ำแข็ง โดยริมแอ่งน้ำ ปรากฏเสือขาวดวงตาสีฟ้ากำลังนอนหมอบอยู่

—ราชันย์พยัคฆ์เนตรเยือกแข็ง!

ราชันย์เสือตัวนี้มีสายพันธุ์ที่ต่างออกไป หัวจรดเท้าเป็นสีขาว และสามารถใช้อบิลิตี้น้ำแข็งได้

พยัคฆ์เนตรเยือกแข็งเป็นอะไรที่พบเจอได้ยากมากๆ แม้จะมีขนาดตัวยาวเพียง 5 เมตร แต่ก็ครอบครองความแข็งแกร่งมหาศาล ทั้งยังปลดปล่อยแรงกดอากาศระดับราชันย์ออกมา

เป็นศัตรูที่ทรงพลัง!

พลังสมาธิของฉินเฟิงกวาดออกไปอีกครั้ง คราวนี้พบว่าเป็นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ท่ามกลางป่าใหญ่ อีกสายพันธุ์หนึ่งปรากฏขึ้น

—กอริลลามงกุฏสีชาด!

กอริลล่ายักษ์ หน้าตาบูดบึ้ง ตรงส่วนศีรษะเป็นสีแดง จับตัวรวมกันเป็นกลุ่ม กำลังเดินข้ามผ่านผืนป่า แทบจะดูราวกับทรราชแห่งป่าใหญ่ อาณาเขตดังกล่าวคือสถานที่ๆมนุษย์ไม่กล้าย่างกรายเข้าไป

เพราะท้ายที่สุดแล้ว กอริลลามงกุฏสีชาดตัวนี้ ก็ครอบครองอบิลิตี้ธาตุไม้เช่นกัน

ในบรรดาฝูงกอริลลาจำนวนมาก มีตัวหนึ่งที่สูงกว่า 7 – 8 เมตร เทียบเท่ากับอาคาร 3 ชั้น มันยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ แนวสายตาของทั้งฝูงเพ่งมองไปยังทิศทางเดียว นั่นคือ ณ จุดสูงสุดของสันเขาถังซาน

เป็นตำแหน่งที่พักของจักรพรรดิสัตว์ร้ายผู้ชราภาพ

เจ้ากอริลลามงกุฏสีชาดตัวนี้ ภูมิปัญญาระดับราชันย์ของมันไม่ต่ำต้อยเลย

“จะตัวไหนก็แข็งแกร่งทั้งนั้น”

ฉินเฟิงมุ่นคิ้วเล็กน้อย ในสมองเร่งขบคิดอย่างรวดเร็ว

ไม่นาน จากในบรรดาราชันย์สัตว์ร้ายทั้งสาม เขาก็เลือกเป้าหมายแรกเป็นราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำ

เพราะนี่คือช่วงเดือนกุมพาพันธ์ ดวงอาทิตย์ยังไม่สาดแสงมากมายเท่าไหร่นัก อุณหภูมิก็เพิ่งกำลังเริ่มอุ่นขึ้น ง่ายๆว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านฤดูหนาว ราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำเพิ่งตื่นจากจำศีล มันนอนอยู่บนยอดเขาอย่างเฉื่อยชา เกล็ดตามตัวสาดแสงชวนให้ผู้คนรู้สึกเวียนศีรษะ

ทั้งคนทั้งร่างของฉินเฟิงปกคลุมไปด้วยรูนมืด มุ่งหน้าไปยังทิศทางราชันย์งูเหลือม ก้าวเข้าไปยังถ้ำของอีกฝ่าย

ลำตัวของราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำมีขนาดใหญ่มาก ดังนั้นถ้ำของมันอย่างน้อยต้องมีขนาดมากกว่า 3 เมตร เห็นได้ชัดว่าเป็นถ้ำที่ก่อตัวขึ้นเองตามธรรมชาติ

ฉินเฟิงก้าวเข้าไปข้างใน ไม่ถึง 50 เมตร ดวงตาของเขาก็พลันทอประกายสว่างวาบ

ท่ามกลางความมืดมิด ฉินเฟิงสามารถมองเห็นทุกสิ่งรอบกายได้อย่างชัดเจน

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท