โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 309

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.309 – รับเท่าที่ลงแรง

คนอื่นๆล้วนได้รับบาดเจ็บ พวกเขาไม่มีเวลาแม้จะเอ่ยปาก

ในเวลานั้นเอง ราชันย์งูเหลือมก็หันหัวไปอีกทาง เลื้อยหลบหนีไป!

มันมีภูมิปัญหาค่อนข้างสูง ฉะนั้นตระหนักดีว่าหากอยู่เฉยๆไม่หลบหนี มีแต่ต้องตาย

ฉินเฟิงกวาดสายตามองทั้งห้าคนที่อยู่รอบตัวเขา และเห็นว่าทั้งห้าไร้กำลังที่จะต่อกรอีกต่อไป

ทำได้เพียงเท่านี้ แต่ยังคิดหมายจะชิงเหยื่อที่ติดแหของเขา? เหอะ! คิดว่าคนอย่างฉินเฟิงจะยอมให้ผู้อื่นฉกฉวยผลประโยชน์ได้ง่ายๆหรือ?

แต่ความจริงมันก็เป็นเช่นนี้ ฉินเฟิงขอบอก ณ ที่นี้เลยว่า ต่อให้จักรพรรดิสัตว์ร้ายตายลง บนศพของมัน ไม่ว่าจะเป็นแก่นอบิลิตี้หรือขนที่เหลืออยู่ ทุกอย่างจะต้องตกเป็นของเขาทั้งหมด! ต่อให้เวลานี้สามารถสังหารราชันย์สัตว์ร้ายตัวหนึ่งลงได้ก็ตามที แต่คนอื่นๆก็แทบไม่ได้รับกำไรใดๆ ช่างน่าสงสาร

เมื่อคิดถึงจุดนี้ ฉินเฟิงก็ก้าวออกไป ไม่แยแสคนทั้งหลายอีกต่อไป โผเข้าหาราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำ

ตูม!

ฉินเฟิงย่ำลงเหนือศีรษะราชันย์งูเหลือม ราชันย์งูสัมผัสได้ถึงเรี่ยวแรงมหาศาลจากเบื้องบน กดหัวมันลงกับพื้น แม้พยายามดิ้นรน แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะหลุดพ้น

ตั้งแต่ที่มันเหลือร่างกายเพียงครึ่ง ความแข็งแกร่งของงูเหลือมเกล็ดทองคำก็ถดถอยลง ก่อนหน้านี้ตอนสภาพสมบูรณ์มันยังสู้ฉินเฟิงไม่ได้เลย ฉะนั้นตอนนี้ไม่ต้องกล่าวถึง

“เหิงหลิง – มังกรตะปบ!” ฉินเฟิงฟาดฝ่ามือลงใส่ศีรษะราชันย์งู กำลังภายในก่อตัวเป็นรูปกรงเล็บขนาดยักษ์ ฉกลงตามการเคลื่อนไหวของฝ่ามือ

โผล๊ะ!

ดั่งน้ำพุร้อนที่ถูกขุดขึ้นมาจากใต้ดิน หัวของราชันย์งูระเบิดเป็นรู ทั้งเลือดทั้งเนื้อทะลักออกมา

ลำตัวที่เหลือเพียงครึ่งของราชันย์งูสะบัดไปมา เกิดเสียงลมหวีดหวิว พัดต้นไม้ล้มครืนเป็นแถว

อย่างไรก็ตาม หัวของมันยังอยู่ในสภาพถูกกดอยู่กับพื้น ไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆได้

จนสุดท้าย การดิ้นรนนี้กินเวลายาวนานกว่า 10 นาที ทุกอย่างก็สงบลง

—ราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำ … ตาย!

ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายขนาดใหญ่ไหลบ่าเข้าสู่ร่างกายเขา หล่อเลี้ยงบำรุงเนื้อหนัง เสริมสร้างชีวิตชีวาแก่มัน

ในพริบตา กายเนื้อของเขาก็ยกระดับไปอีกขั้น

เพราะท้ายที่สุดแล้ว แม้จะเป็นเลเวล D แต่มันคือระดับราชันย์สัตว์ร้าย ดังนั้นสังหารเพียงหนึ่ง เทียบเท่ากับสังหารสัตว์ร้ายระดับสามัญเลเวล C ถึง10 ตัว!

ฉินเฟิงที่เดิมเวียนวนอยู่กับ ความแข็งแกร่งทางกายภาพระดับราชันย์เลเวล E9 มานาน ในที่สุดก็ก้าวขึ้นสู่เลเวล D !

กลิ่นอายของการยกระดับระเบิดออกจากตัวเขา สิ่งนี้สร้างความแตกตื่นตกใจให้แก่ฝูงชนรอบข้าง

“หา? ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เป็นเลเวล D หรอกหรอ?” ไซปิงลุกขึ้นจากพื้นด้วยคความยากลำบาก พลางกุมหน้าอกตน

“เป็นไปไม่ได้ ถ้าเขาไม่มีมวลน้ำกำลังภายใน แล้วจะสามารถป้องกันการโจมตีจากราชันย์งูเหลือมได้อย่างไร!” เล่ยเฉินเป็นคนแรกที่ตอบสนองเขาไม่อยากจะเชื่อว่าฉินเฟิงจะเป็นอัจฉริยะที่สามารถต่อต้านลิขิตสวรรค์ได้เช่นนี้

เดิมก็แกร่งพอที่จะต่อกรกับราชันย์สัตว์ร้ายเพียงลำพังอยู่แล้ว หากยกระดับขึ้นอีกขั้น เขาจะไม่กลายเป็นสัตว์ประหลาดไปเลยหรือ?

“ผู้นำเล่ยรู้จักเขาใช่ไหม? เขาเป็นใครกัน? ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ามีสัตว์ประหลาดแบบนี้อยู่ในสามเฉิงของคุณ” เหมิงหลินซึ่งก่อนหน้านี้ถูกท่าอบิลิตี้โจมตี เดินออกมาจากพงหญ้า สภาพของเขาตอนนี้ชวนให้รู้สึกสังเวช ผิวหนังกลายเป็นดำคล้ำ ผมเพ้าถูกเผา อบิลิตี้ของศัตรูทำให้เขารู้สึกเหมือนตนกำลังถูกย่าง

โหวหยางเฉิงและตี๋เล่ยก็ลุกขึ้นเช่นกัน การรวมตัวกันระหว่างพวกเขาทั้ง 5 ในสภาพอดสู ทำเอาทั้งหมดหัวเราะอย่างขมขื่น

ในตอนนั้นเอง ฉินเฟิงก็เดินกลับมา

ในมือเขาลากหัวราชันย์งู ตรงเข้ามาหาทั้งห้า

ราชันย์งูเหลือมเกล็ดทองคำมีขนาดใหญ่มาก ผู้คนต้องเงยหน้าขึ้นมองมัน บังเกิดความสับสนเล็กน้อยในหัวใจ ว่าฉินเฟิงจะนำราชันย์ตัวนี้มาหาพวกเขาทำไม?

“ก็อย่างที่ผมได้พูดไป ว่าลงแรงมากแค่ไหน ก็จะได้รับสินสงครามมากเท่านั้น ตอนนี้ขอผมตรวจสอบดูก่อน”

ว่าจบฉินเฟิงก็โยนหัวราชันย์งูดังตึง! จากนั้นก็ยกหน้าผากของมันขึ้น คว้าเกล็ดขนาดเท่าฝ่ามือผู้ใหญ่บนหัวงู แต่เกล็ดตรงส่วนนี้ หากเทียบกับตำแหน่งท้องงูที่อย่างน้อยมีขนาดเท่าจานใบใหญ่แล้ว ถือว่าเล็กกว่ามาก

ฉินเฟิงเลาะเกล็ดชิ้นนั้นออก ขณะเดียวกันก็ชี้ลงตรงรอยเล็กๆบนมัน

“นี่ส่วนแบ่งของคุณ”

เกล็ดลอยหมุนออกไป ตรงมาทางไซปิง ไซปิงยื่นมือออกไปคว้า สีหน้าดำคล้ำยิ่งกว่าเดิม

เพราะนี่คือรอยจากขวานยักษ์ที่เขาสับทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ แต่กลับสร้างความเสียหายได้แค่เท่าที่เห็น นี่ทำให้ไซปิงรู้สึกเสียหน้านัก

ฉินเฟิงยังไม่หยุด เขาเริ่มเดินวนไปรอบๆศพราชันย์งู

“ร่องรอยจุดนี้ น่าจะมาจากสุภาพบุรุษท่านนี้” ว่าจบก็ชี้ลงบนรอยขีดข่วนเล็กๆบนเกล็ดทั้งห้า พวกมันถูกแงะออกมาโดยฉินเฟิงและโยนให้กับตี๋ซิน

“โอ้ และรอยรัดนี่ ควรจะเป็นของคุณ” กว่า 7 – 8 เกล็ดที่บิดเบี้ยวถูกโยนไปให้โหวหยางเฉิง

“เนื้อตรงส่วนนี้มีแผลอยู่นิดหน่อย แม้ฉันจะเป็นคนแรกที่ทำให้มันเกิดบาดแผลนี้ก็ตาม แต่ฉันใจกว้าง ขอยกเนื้อชิ้นนี้ให้แก่ผู้นำเล่ย!”

ฉินเฟิงกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง แสดงออกถึงความยุติธรรมและผ่าเผย ส่วนที่เกิดบาดแผลถูกคว้านออกมา และแบ่งปันออกไป

เนื่องจากครอบครองพลังสมาธิอันแข็งแกร่ง ความทรงจำของฉินเฟิงจึงดีเยี่ยม เขาเฝ้าดูละครตลกฉากนี้มาตั้งนาน เลยเป็นธรรมดาที่จะทราบว่าใครสามารถสร้างความเสียหายแก่ราชันย์งูเหลือม และตรงจุดใดได้อย่างแม่นยำ

แต่ถ้าจะให้กล่าวตามตรง บาดแผลที่คนเหล่านี้สร้างขึ้น มันยังไม่ดีเท่ากับที่พวกเขาทุ่มโจมตีมันอยู่ตลอดเวลาเลย เพราะยิ่งสู้นาน งูก็ยิ่งหลั่งเลือดมากขึ้น แต่เลือดที่หลั่งออกมามันเกิดจากน้ำมือของฉินเฟิงอยู่ดี ฉะนั้นไม่นับ!

“ส่วนสหายผู้นี้ ต้องขอโทษจริงๆ ผมหาร่องรอยความเสียหายที่คุณทำไม่เจอเลย แต่เห็นแก่มิตรภาพของเรา ผมขอมอบสามเกล็ดนี้เป็นการตอบแทน”

ฉินเฟิงหยิบสามเกล็ดให้กับเหมิงหลิน ในความเป็นจริงแล้ว คนเหล่านี้บางคนฉินเฟิงรู้จัก และบางคนฉินเฟิงก็พอจะคาดเดาสถานะได้ เว้นไว้แต่เล่ยเฉิน ที่ฉินเฟิงแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกัน

ฉินเฟิงจัดสรรสินสงคราม ไม่มีใครมือเปล่า

อย่างไรก็ตาม สีหน้าของคนเหล่านี้ เกือบทั้งหมดกลับทะมึนราวกับก้นหม้อ

เพราะท้ายที่สุดแล้ว ราชันย์งูเกล็ดทองคำมีขนาดใหญ่มาก แต่พวกเขากลับได้รับกันแค่คนละ 4 – 5 เกล็ดเท่านั้น โดยเฉพาะเล่ยเฉินได้รับเนื้องูซึ่งไร้ประโยชน์ที่สุด

ยังไงก็ตาม พวกเขาไม่อาจหักล้างคำกล่าวนี้ได้

ก้มมองไปยังรอยบนเกล็ด นี่เป็นฝีมือของพวกเขาจริงๆ

เหมิงหลินเป็นคนเดียวที่สีหน้าไม่ดำคล้ำ เขาไม่กล้าทำอะไรไม่ยั้งคิดในตอนนี้ เพราะยังไงซะ ไซปิงเป็นตัวอย่างที่ดี อีกทั้งเขายังเห็นว่าราชันย์งูเหลือมทรงพลังเพียงใด

ก้มลงมองสามเกล็ดทองคำในมือ เหมิงหลินไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ พอตั้งสติได้ก็เริ่มเปิดบทสนทนา

“ขอแสดงความรู้จักอย่างเป็นทางการ ฉันชื่อเหมิงหลิน เป็นผู้นำเมืองนุ่ยเหมิง ไม่ทราบว่าสหายมีชื่อว่าอะไร ทำไมถึงไม่เคยเจอกันมาก่อนเลย” เหมิงหลินเก็บเกล็ดทองคำเข้าไปในอุปกรณ์รูนมิติ ยื่นมือไปทางฉินเฟิง

คิ้วของฉินเฟิงเลิกสูงขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ปฏิเสธมารยาทของอีกฝ่าย ยกมือกลับไปเชคแฮนด์ ขณะเดียวกันศพราชันย์งูครึ่งหน้าก็วาบวับไปด้วยเช่นกัน

“ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่อว่าฉินเฟิง เป็นผู้ว่าการของสถานชุมชนสังกัดเมืองเฉิงหยาง”

ใบหน้าของเหมิงหลินแสดงออกถึงความแปลกใจ เขาคาดไม่ถึงเลยว่าฉินเฟิงจะเป็นแค่ผู้ว่าการ

บุคคลเช่นนี้ ต่อให้มีตำแหน่งเป็นถึงเทศมนตรีเมืองของชุมชนขนาดใหญ่ก็ยังไม่มากเกินไป อย่างน้อยเขาสามารถเป็นได้ถึงระดับนายพล!

แต่ความสงสัยเหล่านี้ เพียงวาบผ่านขึ้นในใจของเหมิงหลิน พริบตาเดียวน้ำเสียงของเขาก็เปลี่ยนไป

“ช่างเป็นคนหนุ่มอนาคตไกล!”

“ขอบคุณ”

“ผู้ว่าการฉิน ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ ที่เอาแต่เฝ้าดู หวังว่าผู้ว่าการฉินจะไม่เก็บมาใส่ใจ”

เหมิงหลินกล่าว เดิมทีเขาเห็นว่าถ้าฉินเฟิงสามารถจัดการมันได้อย่างง่ายดาย ตัวเขาเองก็คงสามารถจัดการงูเหลือมเกล็ดทองคำได้เช่นกัน แต่ผลลัพธ์กลับหน้าแตกยับเยิน น่าอับอายจริงๆ

ฉินเฟิงไม่คิดเลยว่าเหมิงหลินจะยอมสารภาพอย่างง่ายดายเช่นนี้ ตนรู้สึกว่าคงต้องมองเหมิงหลินใหม่ซะแล้ว

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท