โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 314

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.314 – มีดกษัตริย์ครามโฉมใหม่

ฉินเฟิงเองก็จำเป็นต้องใช้คน เพียงแต่เขาไม่อยากใช้งานคนนอก

ไป๋หลีเป็นสัตว์ร้าย พลังป้องกันทางกายย่อมสูงมาก เรื่องนี้ฉินเฟิงทราบดี อีกฝ่ายไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ป้องกันใดๆก็ได้

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไม่ได้ห้ามไป๋หลีที่คิดใช้วัตถุดิบล้ำค่าอย่างขนนกยูงจักรพรรดิ ไปทำเสื้อผ้าสวยๆให้ตนเอง

เพราะทำกระโปรง อย่างมากก็ใช้แค่ 3-5 เส้นเท่านั้น ในขณะไป๋หลีช่วยเขาเก็บขนนกยูงมาได้มากกว่า 100 เส้น ทั้งยังใช้พลังมิติพาเขาหลบหนี และปกป้องในระหว่างที่ตนกำลังดูดซับแก่นอบิลิตี้ของจักรพรรดิสัตว์ร้าย –ของพวกนี้ควรค่าเป็นรางวัลแก่เธอ

แต่เรื่องอะไรแบบนี้น่ะ คนนอกมักจะไม่เห็นกันหรอก

พวกเขาไม่รู้ ว่าเบื้องหลังชายผู้ประสบความสำเร็จ มักจะมีหญิงที่ประสบความสำเร็จคอยผลักดันเสมอ

บนฮอลศึก ชายสามคนที่เหลือไม่ได้สนทนากันอีก ต่อสู้มาตลอดทั้งคืน ฟูฉีเองก็เหนื่อยเป็นเหมือนกัน

ส่วนฉินเฟิงแม้ไม่เหนื่อย แต่เขาไม่อยากต่อปากต่อคำกับเค่อเซี่ยงซัว เลยหลับตาลง แล้วหันไปทำสมาธิ เริ่มใช้สมองในจิตสำนึกแทน

ปัจจุบัน ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิงอยู่ในระดับราชันย์เลเวล D เทียบเท่าได้กับราชันย์สัตว์ร้าย

พลังสมาธิอยู่ในระดับจักรพรรดิเลเวล D เทียบเท่ากับจักรพรรดิสัตว์ร้าย

ครอบครองสิบมวลน้ำกำลังภายใน เทียบเท่ากับผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D10

–สรุปได้ว่า ฉินเฟิงสามารถตัดผ่านสถานะ ‘ผู้ใช้พลังระดับต่ำ’ ได้แล้วโดยสิ้นเชิง!

หากกล่าวว่าเลเวล G , F , E คือผู้ใช้พลังระดับต่ำ เช่นนั้นในส่วนของเลเวล D , C , จะเป็นผู้ใช้พลังระดับกลาง ขณะที่เลเวล B , A อยู่ในระดับสูง และสุดท้ายเลเวล S เป็นระดับยอดปรมาจารย์!

ผู้ใช้พลังระดับต่ำ สามารถช่วยต่อสู้ได้ในแนวหลังเท่านั้น ไม่อาจเข้าร่วมในแนวหน้าได้

“สงสัยหลังจากกลับบ้านคราวนี้ คงต้องไปยืนยันสถานะผู้ใช้พลังเลเวล D ซะแล้ว”

‘ถ้าคิดสั่งสมทรัพย์สิน ส่วนใหญ่แล้วต้องไปที่แนวหน้าเพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากร เพราะในอาณาเขตสามเฉิงมีทรัพยากรน้อยเกินไป’

‘แต่ก่อนหน้านั้น คงต้องไปทดสอบก่อน’

ฉินเฟิงจมอยู่ในห้วงความคิด เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว เงยหน้าขึ้นอีกที ฮอลศึกก็ลงจอดส่งฟูฉีแล้ว จากนั้นก็เริ่มขับพาเขาสู่สถานชุมชนเฟิงหลี

“ผู้ว่าการฉิน หากคุณต้องการไปแนวหน้าอีก ได้โปรดติดต่อฉัน ฉันพร้อมจะไปส่งคุณทุกเมื่อ!” เค่อเซี่ยงซัวกล่าว

เวลานี้ เค่อเซี่ยงซัวมั่นใจแล้ว ว่าฉินเฟิงได้ก้าวขึ้นสู่เลเวล D แล้วจริงๆ!

“ตกลง เดินทางปลอดภัยล่ะ ฉันไม่ส่งนะ” ฉินเฟิงเดินลง โบกมือให้โดยไม่เหลียวหลังมอง

เค่อเซี่ยงซัวขับฮอลศึกจากไป ส่วนฉินเฟิงกับไป๋หลีเดินเข้าไปในคฤหาสน์

ขณะนี้ ทั้งสองคนอยู่ในห้องลับของพวกตน

“ดูชุดกระโปรงตัวนี้สิ น่าทึ่งไปเลยใช่ไหม?” ไป๋หลีถอดชุดเดรสตัวเดิมออก วางนาบชุดกระโปรงยาวขนนกยูงที่มีการไล่ระดับสีสันสดใสลงบนตัวให้ฉินเฟิงดู ปลายขนนกยูงยื่นออกมาจากเนื้อผ้าเล็กน้อย ให้ความรู้สึกว่ากระโปรงกำลังลุกไหม้

ช่างงดงาม และน่าดึงดูด

“ลองใส่มันให้ฉันดูหน่อยสิ” ฉินเฟิงกล่าว

ไป๋หลีวุ่นอยู่กับการแต่งตัว ส่วนฉินเฟิงคอยยกมือขึ้นอังจมูกอยู่เป็นระยะๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเลือดกำเดาจะไม่ไหล

ไม่นาน ไป๋หลีก็สวมชุดกระโปรงยาวจนเสร็จ เวลานี้เธอราวกับเจ้าหญิงแห่งพงไพร

“ดูดีมาก!” ฉินเฟิงพยักหน้าชื่นชม

“งั้นคุณก็แต่งชุดขนนกยูงด้วย จะได้ดูเหมือนคู่รักกัน!” ไป๋หลีเริ่มตื่นเต้น

ฉินเฟิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ “ไม่ดีกว่า ฉันไม่อยากใส่ชุดขนนกยูง! ถูกคนมองแปลกๆก็แย่แล้ว ฉันเป็นผู้ชายนะ!”

“เหอะ ไม่เข้าใจสุนทรียภาพของความงามเอาซะเลย”

ฉินเฟิงโต้เถียงไป๋หลีไม่กี่ประโยค ก่อนจะขอรูบิควิเศษคืน และให้ไป๋หลีช่วยนำขนนกยูงออกมา

ฉินเฟิงใส่มีดกษัตริย์ครามลงไปในรูบิควิเศษ

“ทุกวันนี้ฉันใช้เทคนิคมีดผลาญสวรรค์บ่อยมาก และมันจะยิ่งทวีความรุนไปอีกขั้น หากผสานด้วยเพลิงโลกันต์ และเพลิงฟ้าที่เพิ่งได้รับมาใหม่ก็ใช้ร่วมกับมันได้เหมือนกัน แต่อุณหภูมิเหมือนจะร้อนแรงกว่า ดังนั้นคงต้องดัดแปลงมีดกษัตริย์ครามสักเล็กๆน้อยๆ ความทนทานและพลังในการปลดปล่อยมันจะได้ดียิ่งขึ้น”

ว่าจบ ฉินเฟิงก็โยนขนหางนกยูงเข้าไปทีละเส้น ทีละเส้น

ปริมาณไม่ได้มากมายอะไรนัก แค่ลงทุนใส่ขนนกยูงที่ยาวที่สุดและงดงามที่สุดไปนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง

หลังจากใส่ขนนกยูงเข้าไปในมีดกษัตริย์ครามแล้ว บนมีดกษัตริย์ครามก็ระเบิดแสงสีฟ้าออกมา เสริมกับวัสดุก่อนหน้าที่มี ส่งผลให้มีดกษัตริย์ครามเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง

“หลอมกลั่น!”

ในมิติสำหรับรังสรรค์ของรูบิควิเศษ พลังสมาธิมีบทบาทสำคัญในการควบคุมและหลอมรวมเป็นอย่างยิ่ง

วัตถุดิบระดับสูงเท่าไหร่ กระบวนการหลอมกลั่นก็ยิ่งต้องใช้สมาธิมากเท่านั้น

มีดกษัตริย์ครามค่อยๆเกิดการเปลี่ยนแปลงทีละนิด ทีละนิด จากเดิมที่ใบมีดกว้าง กลายเป็นใบมีดเรียวบางอีกครั้ง

มันยาวขึ้น เปล่งประกายมากขึ้น

ทั้งยังมีเปลวไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงบนใบมีด

“จงเผยโฉมออกมา!”

พลังสมาธิของฉินเฟิงสั่นไหว มีดกษัตริย์ครามปรากฏขึ้นอีกครั้ง

ด้วยพลังสมาธิของฉินเฟิง เสริมด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันและรูปแบบการต่อสู้ที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้มีดกษัตริย์ครามเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

ในตอนนี้ มีดกษัตริย์ครามได้กลายเป็นอุปกรณ์รูนระดับจักรพรรดิเป็นที่เรียบร้อย ทั้งยังมีแนวโน้มว่าจะเป็นอุปกรณ์รูนอบิลิตี้อีกด้วย!

ที่บอกว่ามีแนวโน้ม ก็เนื่องจากรูปลักษณ์ภายนอกของมีดกษัตริย์คราม ที่มองแล้วชวนให้ตื่นตะลึง

–ในส่วนใบมีดของมันกำลังลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงสีฟ้า!

ทั้งตัวมีดยาว 158 ซม. , ด้ามจับยาว 23 ซม. , ใบมีดยาว 135 ซม. , ตรงส่วนใบมีดใหญ่สุด กว้างมากถึง 5 ซม. และสุดท้ายหนา 1 ซม.

เมื่อเทียบกับมีดกษัตริย์ครามครั้งก่อน ดูเหมือนว่ามันจะหดเล็กลงกว่าเดิม

แต่น้ำหนักมิได้ลดลงตามเลย เกล็ดปลาบนใบมีดหายไปแล้ว แต่ปรากฏลวดลายของหางนกยูงแทน ทั้งยังมีเปลวไฟว่ายวนอยู่รอบๆ

แสงสีฟ้าทำให้มีดเล่มนี้ดูมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ไม่มีอุปกรณ์รูนใด ที่มีรูปลักษณ์เป็นแบบนี้

“น่าเสียดายที่ไม่มีแก่นอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้ายอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นคงได้นำมันมาใส่เพิ่มให้กลายเป็นอุปกรณ์รูนอบิลิตี้โดยสมบูรณ์”

อย่างไรก็ตาม มีดกษัตริย์ครามในตอนนี้ได้ขึ้นมาเป็นระดับจักรพรรดิแล้ว ฉะนั้นน่าจะเพียงพอที่จะแทนที่กรงเล็บเพลิงสีชาด

‘วัตถุดิบที่เหลือในตอนนี้ ไม่มีอะไรจำเป็นสำหรับฉันอีกแล้ว งั้นจะดีกว่าไหมถ้าไปยังแนวหน้า แล้วแลกเปลี่ยนมันเป็นเงิน!’ ฉินเฟิงคิด สินสงครามในครั้งนี้ ฉินเฟิงได้รับขนหางนกยูงมามากกว่า 108 เส้น สั้นยาวปะปนกันไป ยาวสุดมากกว่า 10 เมตร ไป๋หลีใช้สามขนหางสั้นไปทำกระโปรง ในขณะที่ฉินเฟิงใช้ 30 ขนหางที่ยาวที่สุดหลอมมีดกษัตริย์คราม

ปัจจุบันเหลือแค่ 75 เส้น แต่ก็นับเป็นมูลค่ามหาศาล! เพราะนี่คือวัตถุดิบของจักรพรรดิสัตว์ร้ายอบิลิตี้ไฟ

ส่วนวัตถุดิบอื่นๆในระดับราชันย์ ก็มี

เกล็ดทองคำของราชันย์งูเลเวล D และแก่นอบิลิตี้แสง

ดวงตาและขนของพยัคฆ์เนตรเยือกแข็งระดับราชันย์เลเวล D รวมไปถึงแก่นอบิลิตี้น้ำแข็ง

และส่วนเหนือหัวที่เป็นสีแดงของราชันย์กอรริลลามงกุฏสีชาด มีเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 1.5 เมตร ความหนากว่า 30 ซม.

วัตถุดิระดับราชันย์ไม่กี่ชิ้นพวกนี้ หากนับเป็นจำนวนเงิน เทียบเท่าได้กับราคาสูงเทียมฟ้า

พอไปถึงแนวหน้า ก็มั่นใจได้เลย ว่าฉินเฟิงจะกลายเป็นคนร่ำรวยอย่างแท้จริง!

เพียงแต่ว่า เขายังกังวลเกี่ยวกับเรื่องจัดการดูแลสถานชุมชนเฟิงหลี เพราะการไปแนวหน้าในครั้งนี้ อาจกินเวลานานถึง ‘3เดือน’

….

ณ ชั้นใต้ดินของสถานชุมชนเฟิงหลี โครงสร้างภายในชั้นใต้ดินเป็นสีขาวล้วน ดูโอ่อ่าและสะอาดสะอ้าน

“ยินดีต้อนรับท่านผู้ว่าการฉิน!”

“เรื่องตีความข้อมูลเป็นยังไงบ้าง?”

“มีการพัฒนาครั้งสำคัญ ทุกอย่างเรียบดี ผู้ว่าการฉิน โปรดตามมาทางนี้ ฉันมีอะไรจะให้ดู”

ฉินเฟิงเดินตามชายหลายคนที่สวมชุดคลุมสีขาว เข้ามาในห้องทดลองที่เต็มไปด้วยเครื่องจักรและคอมพิวเตอร์

นอกจากนี้ยังมีวัสดุอีกมากมายที่นี่

สถานที่แห่งนี้คือห้องปฏิบัติการทดลองที่ได้รับทุนสนับสนุนจากฉินเฟิง

พวกอุปกรณ์บางส่วน แน่นอนว่าเขานำมันมาจากห้องทดลองนอกเมืองฟูเฉิง

เนื่องจากไม่พบเบาะแสที่ชัดเจนจากข้อมูลที่ได้รับมาจากศาสตราจารย์หวาง ดังนั้นฉินเลยคิดค้นหาองค์กร Z โดยใช้วิธีการย้อนรอยการทดลองแทน

องค์กร Z ทำการทดลอง ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก นั่นหมายความว่าพวกเขาจำเป็นต้องมีความสามารถในการสร้างรายได้มหาศาล มิฉะนั้นจะไปหาเงินจากไหนมาสนับสนุนการทดลองต่างๆ?

ปัจจุบันฉินเฟิงค้นพบห้องทดลองของพวกมันกว่า 2 ห้องแล้ว แต่คนที่รับผิดชอบเหมือนจะเป็นแค่พวกลูกน้องระดับต่ำ

ดังนั้นฉินเฟิงเลยปิ๊งไอเดีย เกิดความคิดนี้ขึ้นมา ดั่งวลี–

–รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท