โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 325

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.325 – ตราเลเวล D

หลังจากฝึกฝนจนเสร็จสิ้น กิเลนเหล็กตัวน้อยก็สลายรูปร่างของมันไป กลายเป็นพลังงานอันล้นเหลือ ละลายเข้าไปรวมกับกระดูกของฉินเฟิง

กระดูกของฉินเฟิง เดิมได้รับการเสริมแกร่งด้วยวัตถุดิบหลากชนิด โดยเฉพาะกระดูกมือของเผ่าพันธุ์ต่างมิติทรงภูมิปัญญาเลเวล S

ปัจจุบัน เมื่อมีสิ่งใหม่เสริมเข้าไป มวลกระดูกของฉินเฟิงก็ทานทนขึ้นไปอีกขั้น!

กร๊อบ กร๊อบ!

เสียงกระดูกตามส่วนต่างๆส่งเสียงลั่นออกมา

ก่อนหน้านี้ กระดูกของฉินเฟิงเคยได้รับการเสริมแกร่งโดยกระดูกของชุดคลุมดำบนภูเขาแม่ ทำให้กระดูกเขาเปลี่ยนสีไป ออกแนวโทนคล้ายๆกับโลหะ แต่มันก็ยังดูคลุมเครือ ทว่าเมื่อหลอมรวมเข้ากับกิเลนเหล็ก สีก็เข้มขึ้น มันวาวขึ้น กลายเป็นโทนดำ

ยังไม่พอ กระดูกของฉินเฟิงยังแกร่งไปอีกขั้น ด้วยเทคนิคลับเหิงหลงที่เพิ่งได้รับสืบทอดมา

“ฟู่ว … ”

ฉินเฟิงผ่อนลมหายใจเฮือกหนึ่ง เขาลุกขึ้นยืน กระดูกทั่วร่างส่งเสียงสะท้านอีกคราว ทว่าหาได้เจ็บปวดไม่ ตรงกันข้าม มันแฝงไปด้วยความรื่นรมย์อย่างมิอาจพรรณนา

ความแข็งแกร่งทางกายภาพ ในที่สุดก็ตัดผ่านเข้าสู่ระดับจักรพรรดิสักที!

แก่นอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้าย ที่เดิมอยู่ในมือของฉินเฟิง บัดนี้หายไปแล้วอย่างไร้ร่องรอย สิ่งที่เหลืออยู่คือกล่องคริสตัลว่างเปล่า

ฉินเฟิงถ่ายเทกำลังภายในลงไปยังบัตรเทพสงคราม รูนมิติสั่นไหวเล็กน้อย ส่งเขาออกจากสุสานเทพสงคราม

ภายนอก เวลาได้ล่วงเลยมาจนเกือบถึงรุ่งสางแล้ว ไป๋หลีเม้มริมฝีปากเล็กน้อย นอนหลับสนิทอย่างไม่รู้เรื่องราว

ฉินเฟิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนจะไม่มีเรื่องอะไรจนเธอเบื่อและหลับไป เขาเดินเข้าห้องน้ำ ชำระล้างร่างกาย ก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนพักผ่อนข้างเธอ

ค่ำคืนแรกได้จบลง วันต่อจากนี้ไปในปราการชาตง จะมีอะไรน่าสนุกรอเขาอยู่อีกบ้างนะ!

ฉินเฟิงอดคาดหวังไม่ได้

หลังจากหลับจนแดดส่องหัว ฉินเฟิงค่อยลุกขึ้น หาอะไรนิดๆหน่อยกิน ก่อนจะเปิดอุปกรณ์สื่อสาร และพบว่ามีข้อความจากกลุ่มหวันซ่งส่งมา

ลองคิดเกี่ยวกับมันสักพัก ฉินเฟิงก็ตัดสินใจโทรกลับไป

ปลายสายตอบรับการเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว ชายร่างท้วมปรากฏขึ้นตรงข้ามฉินเฟิง แม้จะมีหุ่นแบบนี้ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ว่าเขาเป็นถึงเลเวล D !

“สวัสดีมิสเตอร์ฉิน ฉันคือผู้จัดการใหญ่ของกลุ่มหวันซ่งประจำปราการชาตง ชื่อว่าลู่หวันเปา” ชายคนนั้นกล่าวแนะนำตัวด้วยรอยยิ้ม

ฉินเฟิงผงะไปเล็กน้อย เพราะในชีวิตก่อน เขาจดจำได้ว่าชายที่ชื่อลู่หวันเปา จะกลายเป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอนาคต

ในแง่ความสามารถทางด้านธุรกิจ แม้เมื่อเทียบกับซูซิงฝูจะมิอาจอวดโอ้ แต่เขาก็ร่ำรวย สิบปีต่อมา อาศัยความแข็งแกร่งที่ตั้งใจฝึกฝนเพิ่มพูนเสมอมา ทำให้เขาสามารถครองตำแหน่งระดับสูงในกลุ่มหวันซ่งได้

ยังไงก็ตาม เขาไม่เหมือนกับซูซิงฝู ชายที่ชื่อลู่หวันเปาหาเงินเก่งก็จริง แต่เขาไม่ค่อยได้เก็บมัน ส่วนใหญ่หมดไปกับค่าใช้จ่ายในการเสริมแกร่ง ส่งผลให้ในอีกสิบปีต่อจากนี้ ลู่หวันเป่าได้กลายเป็นหนึ่งในตัวตนเลเวล A !

“ยินดีที่ได้รู้จักครับผู้จัดการลู่ ผมเห็นรายการความเสียหายที่คุณส่งมาแล้ว ขอจ่ายผ่านคุณเลยได้ใช่ไหม” ฉินเฟิงเอ่ยถาม

การต่อสู้ครั้งใหญ่เมื่อคืนนี้ ลู่หวันเปาเองก็เป็นเลเวล D คนหนึ่งเหมือนกัน แต่เขาไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว

อย่างไรก็ตาม ความเสียหายที่ตามมา ไม่มีใครหนีพ้น ในเมื่อพวกเขาคิดทำตัวไม่ดี ก็ต้องรู้จักดูสถานที่ซะบ้าง

ด้วยเหตุนี้เอง ฉินเฟิงเลยถูกเรียกร้องเงิน 500,000 เหรียญเป็นค่าชดเชย และเนื่องจากเมื่อวานมีราวๆ 20 คนที่ถูกทำร้าย ดังนั้นรวมๆแล้วเขาต้องจ่ายออกไปกว่า 10 ล้านเหรียญ

“มิสเตอร์ฉินช่างเป็นผู้มีคุณธรรม เมื่อรู้ว่าผิดก็ยอมรับ และดูเหมือนว่ามิสเตอร์ฉินจะไม่ใช่คนขาดแคลนเงินทอง งั้นเอาอย่างนี้เป็นไร ฉันจะทิ้งเบอร์ติดต่อของฉันเอาไว้ให้กับคุณเป็นพิเศษ พวกเราจะได้ทำธุรกิจร่วมกันได้อีกในภายหลัง!”

“คุณกำลังหมายถึงวัตถุดิบในมือของผมใช่ไหม?” ฉินเฟิงถาม

“พูดกับคนฉลาดก็เป็นแบบนี้ อะไรๆก็มักดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องอธิบาย” ลู่หวันเปาพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ฉินเฟิงยิ้มจาง เอ่ยปาก “ในอีกความหมายนึงก็คือ คุณไม่อยากให้ผมเข้าไปประมูล แต่จะรับหน้าที่แทนใช่ไหม?”

ลู่หวันเปากล่าวทันที “มิสเตอร์ฉิน คุณไม่คิดว่าของพวกนั้นมันเป็นสมบัติหรอกหรือ ทั้งหมดล้วนเป็นวัตถุดิบที่มีค่า”

วัตถุดิบดีก็จริง แต่หากนำไปฝากประมูล ต่อให้ได้ราคาสูง ส่วนแบ่งก็ไม่น่าจะได้รับมากมายอะไรนัก

ฉินเฟิงยิ้มบาง “เอาแบบนี้ดีกว่า ผมขอทำข้อตกลงอะไรบางอย่างกับผู้จัดการลู่”

ลู่หวันเปาสงสัย

“ข้อตกลงอะไรงั้นหรอ?”

ฉินเฟิงเริ่มอธิบาย “วัตถุดิบเหล่านั้นของผม ขอแลกเปลี่ยนมันในทีเดียว ส่วนหลังจากนั้นคุณจะนำมันออกไปประมูล แล้วได้ราคาเท่าไหร่ กำไรมากแค่ไหน ผมจะไม่ถามถึงเลย!”

ดวงตาของลู่หวันเปาสาดประกายสว่างสดใส “แลกเปลี่ยนกับอะไร?”

วัตถุดิบเหล่านี้ของฉินเฟิง มีแก่นอบิลิตี้ราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D จำนวน 2 ชิ้น มูลค่ากว่า 30,000 ล้านเหรียญ ส่วนวัตถุดิบอื่นๆ รวมๆกันแล้วอีกเกือบ 30,000 ล้าน

แต่เวลานี้ ในสถานชุมชนเฟิงหลี แก่นพลังงานที่ฉินเฟิงฝากซูซิงฝูซื้อให้ไป๋หลี เพิ่งจะได้มาแค่ 30 ชิ้นเท่านั้นเอง ปัจจุบันวิวัฒนาการของไป๋หลีถือว่าเชื่องช้าแล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เกรงว่าจะใช้เวลามากเกินไป

“ผมขอแลกกับ 30 แก่นพลังงานราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล E และ 10 แก่นพลังงานราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล D !” ฉินเฟิงเฉลยออกไป

แม้ราคานี้ มูลค่ารวมๆแล้วน่าจะมากกว่า 65,000 ล้านเหรียญ แต่กลุ่มหวันซ่งย่อมมีช่องทางรับซื้อมันมาได้ในราคาที่ถูกกว่า ซึ่งฉินเฟิงมั่นใจมาก ว่าสิ่งเหล่านี้ลู่หวันเปามีความสามารถหามันมาได้

ทั้งหลังจากแลกเปลี่ยนแล้ว เกรงว่าเขาจะยังได้รับกำไรไปอีกบางส่วน

ดังนั้นข้อเสนอนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน!

ลู่หวันเปาใช้เวลาตัดสินใจในระดับวินาที เขาพยักหน้าตกลงทันที

“ตกลง ขอเวลาฉันสักชั่วโมงหนึ่ง”

ฉินเฟิงพอจะรู้มาบ้าง ว่ากลุ่มหวันซ่งเองก็มีเขตแดนต่างมิติเช่นกัน มันชื่อว่าศาลาว่านเป่า ภายในเต็มไปด้วยสมบัติของกลุ่มหวันซ่ง ผู้จัดการเลเวล D สามารถเข้าสู่พื้นที่แห่งนี้เพื่อทำการถ่ายโอนสินค้าระหว่างในแต่ละภูมิภาคได้ ซึ่งอาศัยวิธีการนี้ จะช่วยย่นระยะเวลาได้มาก โดยเฉพาะด้านความปลอดภัย

สำหรับฉินเฟิง หากได้ของตามที่ต้องการ ต่อให้ต้องรอกว่า 1 ชั่วโมงหรือมากกว่านี้เขาก็ทำได้!

“มาเถอะ ระหว่างนี้พวกเราไปตึกรับรองผู้ใช้พลัง … ไปรับภารกิจกัน!”

ฉินเฟิงออกจากโรงแรม ขับรถไปยังตึกรับรองผู้ใช้พลังของปราการชาตง

ตึกผู้ใช้พลังค่อนข้างวุ่นวาย เนื่องจากที่นี่คือแนวหน้า สงครามอาจปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นงานเลยค่อนข้างเข้มข้นไปด้วย ต้องอัพเดทแนวโน้มอยู่ตลอดเวลา

ฉินเฟิงมาถึงตึกรับรองผู้ใช้พลัง เห็นบนแผนที่ของทะเลทรายทะเลเหนือ เต็มไปด้วยสัญลักษณ์สีแดงกระจุกตัวอยู่มากมาย

มีแม้กระทั่งสัญลักษณ์ของเผ่าพันธุ์สัตว์ร้ายทรงภูมิปัญญา!

ฉินเฟิงขึ้นไปยังชั้นสอง และพบว่ากระแสแออัดของผู้คนน้อยกว่าชั้นแรกมาก ในที่นี้มีแค่ 4 -5คนเท่านั้น และทุกคนล้วนเป็นเลเวล D

พวกเขานั่งอยู่บนโซฟาในล็อบบี้ชั้นสอง กำลังดื่มชาและสนทนาอะไรบางอย่าง

“ท่านทั้งสอง ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ทางเรารับใช้?” พนักงานเร่งเดินเข้ามาหาฉินเฟิง

“พอดีว่าพวกเรามาที่นี่เพื่อสมัครภารกิจรับตราสัญลักษณ์เลเวล D น่ะ คุณพอจะช่วยได้ไหม?”

พนักงานพอได้ยินก็รู้สึกโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด

ต้องทราบนะว่า ชั้นสองเป็นส่วนของเลเวล D เท่านั้น เลเวล E ที่ขึ้นมาได้มีเฉพาะพนักงาน หากเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ได้มาติดต่อธุระจริงๆ จำเป็นต้องไล่ออกไป

“เชิญทางนี้ กรุณาแสดงข้อมูลของคุณด้วย”

หลังจากฉินเฟิงส่งข้อมูลไป พนักงานตกใจอย่างเห็นได้ชัด เขาเงยหน้าขึ้นและก้มลง มองมาทางฉินเฟิงอยู่หลายครั้ง

“มิสเตอร์ ภารกิจของคุณถูกมอบออกไปแล้ว ภารกิจนี้กินระยะเวลาสามเดือน แต่สามารถมารายงานผลได้ทุกวัน”

ติ๊ง!

อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงดังขึ้น ไม่เพียงภารกิจที่ถูกส่งมา แต่ยังมีอีกหลายข้อมูล ตัวอย่างเช่นเครือข่ายภูมิภาคของปราการชาตง , แผนที่อัพเดตตามกำหนดเวลา ฯลฯ

ทว่าเมื่ออ่านเนื้อหาภารกิจ ฉินเฟิงก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นทันที

อุปกรณ์สื่อสารของไป๋หลีก็มีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้นเช่นกัน

“ฉันต้องฆ่ากิ้งก่าทราย 100 ตัว ของคุณเป็นอะไร?” ไป๋หลีเอ่ยถาม

“อืม ของฉันเองก็เหมือนกัน” ขณะกล่าว ฉินเฟิงก็เหลือบตามองพนักงาน เพียงแว่บเดียว ก็ทำเอาอีกฝ่ายเหงื่อแตกพลั่ก

“ไปเถอะ” ฉินเฟิงมอง แต่ไม่คิดเอ่ยปากอะไร เขาจากไปพร้อมกับไป๋หลี

พนักงานมือเท้าอ่อน ทิ้งตัวลงกับพื้นทันใด

ขณะเดียวกัน มือที่สั่นระริกก็ส่งข้อความไปอย่างรวดเร็ว : มิสเตอร์เล่ย สิ่งที่คุณสั่ง ฉันทำสำเร็จแล้ว!

อีกด้านหนึ่ง ในอาพาร์ทเมนต์สุดหรู

เล่ยชางในสภาพผ้าพันแผลเต็มตัว ใบหน้าฟุ้งไปด้วยความมืดมน

“ฉินเฟิง แกสามารถเอาชนะมนุษย์ได้ก็จริง แต่ถ้าเป็นสัตว์ร้ายตัวนั้นล่ะ? จะรับมือไหวไหม ฉันละอยากจะเห็นจริงๆ ว่าแกจะตายยังไง! ”

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท