โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 346

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ch.346 – แบ่งผลประโยชน์

Provider : Muntra

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.346 – แบ่งผลประโยชน์

คนของพันธมิตรอิสระ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ในหัวใจเปี่ยมไปด้วยความสุข

เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงกล่าวเช่นนี้ เพราะต้องการเอนเอียงมาทางพวกเขา

ตรงกันข้ามกับใบหน้าของผู้ใช้พลังที่ตามมาสมทบทีหลัง หลายคนแสดงออกถึงความไม่พอใจ แต่ก็มิได้เอ่ยขัดออกมา เพราะยำเกรงฉินเฟิง

ความแข็งแกร่งของฉินเฟิง มันมากเกินไป!

หากไม่มีฉินเฟิง อย่าพูดถึงการฆ่าแม่พันธุ์เลย ตรงกันข้าม เป็นพวกเขาซะมากกว่าที่ถูกแม่พันธุ์สังหาร!

การที่ฉินเฟิงทำแบบนี้ แน่นอน คนที่ล่วงรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริง ย่อมไม่คิดก้าวเข้ามาวุ่นวาย

“ถ้าไม่มีคนของพันธมิตรอิสระ น่ากลัวว่าสิ่งที่พวกเราต้องเผชิญกันในวันนี้ คงไม่ใช่กองทัพหนอน 100,000 ตัว แต่เป็น 200,000 ตัว! ในส่วนการโจมตีกองทัพหนอน นายพลหูได้รับสิทธิเต็มที่ในการแจกจ่าย แต่ในส่วนของแม่พันธุ์หนอนทรายทอง พวกเขาไม่ได้ช่วยอะไรมากมายนัก ฉะนั้นคงเข้ามาก้าวก่ายไม่ได้ ผมพูดไม่ผิดหรอกกระมัง”

ว่าจบก็มองไปทางหูเหลียง

หูเหลียงแน่นอนย่อมต้องการวัตถุดิบของแม่พันธุ์เช่นกัน แต่เขาก็ไม่กล้าเอ่ยขัด เพราะรู้ว่าตนเองมีส่วนเริ่มน้อยเกินไปจริงๆ

ฉินเฟิงกล่าวต่อ “ฉะนั้น ผมจะเอาวัตถุดิบสองในสิบส่วนออกมา ให้นายพลหูทำการแจกจ่าย เรื่องนี้คงไม่เกินไปหรอกใช่ไหม? ส่วนจะแบ่งปันพวกมันอย่างไร พวกคุณก็ตัดสินใจกันเองเลย”

หน้าผากของหูเหลียงเริ่มยับย่น ในหัวใจก่นด่าจิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์ฉินเฟิง

นี่มันหายนะชัดๆ สองในสิบส่วนของวัตถุดิบ ถึงจะมีราคาเกือบ 4,000 ล้าน แต่ยังไงก็ต้องแบ่งมันออกมาสำหรับ 100 คน

ในขณะที่ฉินเฟิงรับไปกว่าแปดส่วนสิบ และยังแบ่งกันแค่ 40 คนเท่านั้น แบบนี้ไม่ต้องใช้สมองคิดก็รู้ว่าใครได้ผลประโยชน์มากกว่า

“ก็ได้ ฉันตกลง”

เมื่อเห็นหูเหลียงกัดฟันยอมรับ ฉินเฟิงก็มองไปทางหยานฟางและกล่าวต่อ

“ผมร่วมมือกับพันธมิตรอิสระ ระหว่างการต่อสู้กับแม่พันธุ์หนอน ผมลงแรงมากที่สุด แต่ถ้าไม่มีทุกคน แม่หนอนคงไม่โผล่หัวออกมา ดังนั้นผมขอส่วนแบ่งแค่สองในสิบส่วนก็พอ แล้วที่เหลือทุกคนค่อยไปแบ่งกัน เป็นอย่างไร?”

หากคำนวณตามนี้ เนื้อของแม่หนอนน่าจะแบ่งได้เป็นมูลค่าคนละ 100 ล้านต่อหัว

ส่วนแก่นพลังงานที่เหลืออยู่ ฉินเฟิงแน่นอนมอบให้กับไป๋หลี

“ตกลง ไอ้เงิน 100 ล้านอะไรนั่นไม่ใช่ปัญหาหรอก สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ มันเป็นวัตถุดิบระดับราชันย์ต่างหาก ถ้าได้กินหรือเอาไปสร้างอุปกรณ์รูนล้วนมีประโยชน์ทั้งนั้น ” เฉินเซี่ยงเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้น

“ฉันเอาด้วย”

“ไม่ขัดข้อง”

“ต้องตกลงอยู่แล้ว ต่อให้มิสเตอร์ฉินไม่คิดแบ่งปันพวกเราเลยก็ตาม … แต่มันก็ยังถือว่าถูกต้องอยู่ดี เพราะยังไงซะ พวกเรายังพอมีทุนที่ได้จากการล่าหนอนธรรมดาอยู่”

ทุกคนตัดสินใจเห็นด้วย

มีเพียงหยานฟางเท่านั้น ที่ปากยิ้มแต่ดวงตาไม่ยิ้ม ยินยอมพยักหน้าเห็นด้วย

เพราะอันที่จริงเขาเป็นผู้ควบคุมดูแลพันธมิตรอิสระ ดังนั้นไอเรื่องแบบนี้ มันสมควรเป็นเขาที่ต้องทำมิใช่หรือ?

และสุดท้าย ผลลัพธ์ยังกลายเป็นแบ่งเท่าๆกัน ทุกคนต่างได้รับคนละ 100 ล้าน

เดิมทีหยานฟางคิดจะแบ่งปันผลประโยชน์ให้ฉินเฟิงครึ่งหนึ่ง กระทั่งแก่นพลังงานก็คิดจะมอบให้ ส่วนที่เหลือเป็นของเขา แต่ใครจะไปคิดกันว่า .. สุดท้ายผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้

หยานฟางไม่รู้จริงๆว่าคนเหล่านี้วิสัยทัศน์คับแคบ หรือว่าหวาดกลัวฉินเฟิงกันแน่ ถึงตกลงรับเงื่อนไขของอีกฝ่าย มิขอความคิดเห็นจากเขา

“ในเมื่อทุกคนเห็นด้วย งั้นก็เอาตามนั้นเถอะ!” หยานฟางไม่มีทางเลือก มีแต่ต้องพูดแบบนี้ออกไป

ฉินเฟิงพยักหน้า “หลังจากที่คนของผมทำการนับสินค้าเสร็จสิ้น เธอจะนำพวกมันไปมอบให้กับนายพลหูและมิสเตอร์หยาน และพวกคุณค่อยไปแบ่งสรรกันอีกที”

“ไม่มีปัญหา” หยานฟางรับปาก ในสมองเริ่มขบคิด ว่าเขาจะทำการมุบมิบสินสงครามที่ได้มานี้อย่างไรดี

“ในเมื่อจบเรื่องจบราวแล้ว ทุกคนก็กลับกันเถอะ!” หูเหลียงเอ่ยปาก ฝูงชนแยกย้ายกันไป

ระหว่างแยกย้าย สีหน้าของหูเหลียงกลายเป็นจริงจัง เดินเข้าไปหาฉินเฟิง “มิสเตอร์ฉิน คุณฆ่าเล่ยชางไป เรื่องนี้ทุกคนเห็นกับตา เกรงว่านี่จะมีปัญหาตามมา”

ฉินเฟิงกล่าวอย่างเฉยเมมย “ผมไม่ได้ตั้งใจฆ่าสักหน่อย แต่เขาดันอ่อนแอเกินไป โดนต่างหาก”

อ่อนแอมากถึงขนาดที่ฉินเฟิงโจมตีเพียงครั้งเดียว ก็มิอาจต้านทานได้

หูเหลียงทำอะไรไม่ถูก แต่ลึกๆแล้วเขารู้สึกอิจฉาในความแข็งแกร่ของฉินเฟิง

“ที่คุณพูดมาก็จริงอยู่ แต่คนก็ตายไปแล้ว และกลุ่มเล่ยถังย่อมไม่คิดปล่อยไป” หูเหลียงกล่าวเตือน

“งั้นก็ให้พวกมันมาเถอะ!”

ฉินเฟิงกล่าว เขาไม่หวาดกลัวคนของเล่ยถังเลยสักนิด

ถึงเขาจะยังไม่สามารถเอาชนะเลเวล C ได้ก็ตาม แต่อย่างน้อยก็พอจะหลบหนีได้

“เอาล่ะ ฉันก็แค่เตือนคุณเท่านั้น หลังจากนี้ไปก็ระวังตัวให้ดี อย่าโดนพวกมันลอบกัดเอาก็แล้วกัน!”

“หากสถานการณ์เลวร้ายสุดๆก็แค่ออกไปจากที่นี่ โลกใบนี้กว้างใหญ่ มีที่ไหนบ้างจะหนีไปไม่ได้?”

ฉินเฟิงยิ้มบาง หากไม่ใช่เพราะข้อกำหนดของพันธมิตรมนุษยชาติที่ระบุว่าจะต้องประจำการอยู่ในปราการชาตงเป็นเวลา 3 เดือนแล้วล่ะก็ ฉินเฟิงย่อมไม่คิดอยู่ต่อ เสียเวลาไปเปล่าๆเช่นนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วง 7 – 8 วันที่ผ่านมา เขาสังหารสัตว์ร้ายไปนับ 100,000 ตัว ฉินเฟิงรู้สึกว่านี่เกินพอแล้ว หากเป็นคนอื่นๆ ต่อให้อยู่นานถึง 3 เดือน ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้มากเท่าเขา

ฉินเฟิงกลับชาตง มอบวัตถุดิบให้หานน่วน และปล่อยให้เธอจัดการ

เมื่อเผชิญกับการต่อสู้รุนแรงเข้มข้น ต่อให้เป็นฉินเฟิง เขาก็ต้องการพักผ่อน!

หลังจากทิ้งหัวลงหมอน จมอยู่บนเตียงหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆโดยไม่ออกไปไหน ก็มีคนมาหาเขา

เป็นเฉินเซี่ยง

ไม่ใช่แค่เฉินเซี่ยงเท่านั้น แต่ยังมีเกาลี่ และผู้คนกว่าอีก4-5คน

ฉินเฟิงและพวกเขารู้จักกันอยู่แล้ว ทั้งหมดเคยร่วมมือกันมาก่อน แต่ละคนทักทายกันและกัน

ฉินเฟิงเชิญพวกเขาเข้ามาในอพาร์ตเมนต์ตน เทน้ำใส่แก้วรับแขก

“ทำไมอยู่ๆถึงมาล่ะ? ตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงใช่รึเปล่า เฉลิมฉลองอะไรทำนองนี้” ฉินเฟิงเอ่ยถาม

“ไม่ๆๆ ฉลองอะไรกันเล่า พวกเรากำลังวุ่นวายกันอยู่ ไม่ว่างทำแบบนั้นหรอก” เกาลี่ตอบปัด

ฉินเฟิงมองไปยังฝูงชนด้วยความสงสัย 7-8 วันมานี้ทุกคนต่างทุ่มเททำงานอย่างหนัก แม้จะเป็นแค่การสังหารสัตว์ร้ายเลเวล D 100 ตัวต่อวัน แต่รวมๆแล้วก็น่าจะได้เงินเก็บสัก 100 ล้าน ไม่ต้องกล่าวถึงของเมื่อวานอีก 100 ล้าน

ถือเป็นกำไรระดับหนึ่งเลย แล้วทำไมถึงไม่คิดฉลองกัน?

เฉินเซี่ยงแอบเตะเท้าเกาลี่จากใต้โต๊ะ เตือนเขาไม่ให้พูดต่อ และเป็นฝ่ายเริ่มกล่าวกับฉินเฟิง “คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ เมื่อวานนายสั่งหยานฟางให้แบ่งวัตถุดิบเป็นมูลค่า 100 ล้านต่อหัวใช่ไหม แต่หลังจากที่ได้รับวัตถุดิบไป หยานฟางกลับไม่ทำตามที่สั่ง เขาแบ่งปันสินสงครามตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแทน แต่ทุกคนที่ได้เยอะ กลับเป็นคนใกล้ชิดกับเขา”

ฉินเฟิงพอได้ยินสิ่งนี้ ก็เข้าใจชัดเจน

เขายกน้ำขึ้นจิบและกล่าว “ประเด็นของพี่เฉิน ไม่ใช่ว่าต้องการให้ผมออกไปทวงหาความยุติธรรมหรอกนะ?”

ท่าทีของเกาลี่ดูตื่นตัวเล็กน้อย คนอื่นๆต่างก็มองมายังฉินเฟิงด้วยสายตาคาดหวัง

มีเพียงเฉินเซี่ยงที่ฝืนยิ้มขมและกล่าว “ฉันว่าอย่าทำแบบนั้นจะดีกว่า”

เพราะท้ายที่สุดแล้ว หยานฟางคือผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D8 มันไม่คุ้มค่าที่จะมีเรื่องทะเลาะกัน

ฉินเฟิงยิ้ม มองแต่ละคนแล้วกล่าว “ดูเหมือนว่าพันธมิตรอิสระจะถูกยุบแล้วใช่ไหม?”

“เดิมทีมันก็เป็นแค่การรวมตัวกันด้วยปากเปล่าอยู่แล้ว” เกาลี่อธิบาย

ฉินเฟิง “พวกคุณกำลังแสร้งทำเป็นสับสน ทำตัวว่ากำลังไร้หนทาง คิดว่าผมยังเด็กแล้วดูไม่ออกหรือไง อย่าบอกนะว่าที่พวกคุณมาหาผมที่นี่ เพราะไม่ได้มีเป้าหมายอะไรเลย? พวกคุณตั้งใจจะให้ผมก่อตั้งพันธมิตรขึ้นมาใหม่อีกครั้งล่ะสิใช่ไหม?”

ทุกคนราวกับถูกฉินเฟิงแทงจึกเข้าที่หัวใจ แสดงท่าทีอึดอัดออกมา

ฉินเฟิงหัวเราะ วางแก้วชาลง

“ความแข็งแกร่งของหยานฟางอยู่ในเลเวล D8 เขาครอบครองศักยภาพที่ดี ในอนาคตอาจไปถึงเลเวล C ได้ด้วยซ้ำ การที่เขาก่อตั้งพันธมิตรอิสระขึ้นมา ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็เพื่อตัวของเขาเอง ”

“เขาต้องการแสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงศักยภาพตน และโน้มน้าวใจให้บางคนที่เข้าร่วมกับพันธมิตรอยากติดตามเขาไปยังอนาคตอันไร้ขอบเขต แน่นอน ถ้ายิ่งยอมเป็นลูกน้องและรับใช้เขาเป็นอย่างดี หยานฟางยังมอบสิทธิพิเศษบางอย่างให้อีกด้วย”

เกาลี่กล่าวอย่างไม่พอใจ “พวกเราไม่ได้คิดอยากเป็นลูกน้องเขา แต่ยังไงก็พวกเราก็ต้องได้รับสิ่งที่สมควรได้รับสิ! เขาเอารางวัลที่ทุกคนควรได้รับ ไปแจกให้กับคนของตัวเอง มีแค่คนของพวกมันได้เพลิดเพลินกับผลประโยชน์แบบนี้ได้ยังไง!”

“มันไม่ถูกต้องใช่ไหมล่ะ เขาไม่ทำตามคำพูด พันธมิตรเลยล่มสลายลงไปเพราะเหตุนี้” ฉินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท