โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 354

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.354 – ซงหยูหมังอาละวาด

หานน่วนได้กลายเป็นตัวแทนจัดการสินค้าของฉินเฟิง นี่เป็นเรื่องที่เลเวล E ทุกคนในปราการชาตงต่างรู้ดี

เธอครอบครองทรัพยากรมากมายในมือ ขณะที่ฉินเฟิงไม่คิดเข้ามาวุ่นวาย มอบความไว้วางใจทั้งหมดให้หานน่วน ปล่อยให้เธอทำตามใจชอบ

แน่นอน ว่าหานน่วนไม่ได้ขโมยอะไรไปจากฉินเฟิง แต่สำหรับผลตอบแทนที่เธอได้รับ หลายคนไม่กล้าที่จะจินตนาการ

ช่วงเดือนที่ผ่านมา หานน่วนก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังกุมไพ่ในมือมากมาย ปืนจักรกลของเธอได้ถูกปรับแต่งจนอานุภาพก้าวกระโดดจากเดิม

อาชีพมือปืนมันก็เป็นแบบนี้

ยิ่งกระเป๋าหนักเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถต่อต้านเจตจำนงสวรรค์ได้มากเท่านั้น!

นั่นเองคือสาเหตุที่หานน่วนสามารถหลบหนีจากการไล่ล่าของซงหยูหมังได้ ดั้นด้นจนมาถึงสำนักงานใหญ่ของชาตง

โชคยังดีที่ในปราการมีพื้นที่ไม่กว้างขวางนัก

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของหานน่วนตอนนี้ถือว่าเลวร้ายไม่น้อย พลังสมาธิถูกใช้จนถึงขีดจำกัด แขนข้างหนึ่งถูกฟาดด้วยฝ่ามือโลหิต กล้ามเนื้อทุกส่วนกลายเป็นสีแดงเลือด เจ็บปวดอย่างรุนแรง ทั้งยังมีเลือดออกภายใน สภาพนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเธอสามารถตายได้ทุกเวลา

แต่เจ้าตัวก็ยังกัดฟันแน่น ฝืนทนมาถึงที่นี่

“หูเหลียง หยุดเสแสร้งเป็นคนดีได้แล้ว เจ้าทำไปก็ไม่มีผู้ใดสนใจหรอก!”

“ฉันแค่กำลังรักษากฏระเบียบของปราการแห่งนี้ และแก คือผู้ที่กำลังทำลายกฏระเบียบอยู่!” หูเหลียงตวาดสวนกลับไป

อันที่จริงซงหยูหมังน่ะมันไม่ได้อยู่ในสายตาเขาเลย

แต่ใครกันเล่า ดันให้ตระกูลซงถือกำเนิดซงจินควงออกมา –ความแข็งแกร่งระดับเลเวล C สำหรับสี่เมืองทะเลเหนือ ถือว่าเป็นการดำรงอยู่ที่ต้องยำเกรง

“ฮะฮ่าฮ่า รักษากฏอย่างงั้นหรือ? นี่มันเรื่องไร้สาระอะไรกัน ฟังนะหูเหลียง มอบผู้หญิงคนนั้นให้ข้าซะดีๆ มิฉะนั้นวันนี้ เจ้าจะต้องหลั่งเลือดเพราะกฏบ้าๆนั่น!”

ซงหยูหมังหยิ่งผยองสุดแสน เพราะตั้งแต่ที่ซงจินควงมาถึงปราการชาตง เขาก็ไม่จำเป็นต้องหวั่นเกรงผู้ใด กระทั่งฉินเฟิงก็อาจถูกสังหารลงไปแล้ว

หูเหลียงเองก็ทราบถึงเรื่องนี้ มิฉะนั้นเขาคงกระโจนเข้าไปอัดซงหยูหมัง และลากตัวมันไปจ่ายค่ายเสียหายที่เกิดขึ้นแล้ว

ปัจจุบัน หูเหลียงเลยอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

“นายพลหู” หานน่วนเอ่ยปากขึ้นทันใด ในมือเต็มไปด้วยกุญแจมิติ

ของพวกนี้ เธอได้มาจากฉินเฟิง มันเก็บรวบรวมวัตถุดิบที่ยังไม่ผ่านกระบวนการตรวจสอบเอาไว้

ส่วนเงินจากการขายล็อตก่อนๆ ย้อนกลับไปเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา หานน่วนได้มอบทั้งหมดให้แก่ฉินเฟิงเป็นที่เรียบร้อย

“นายพลหู นี่คือของเจ้านายฉิน ฉันหวังว่าคุณจะช่วยเก็บมันไว้ เมื่อไหร่ที่เจ้านายฉินกลับมา โปรดมอบมันให้แก่เขา ถ้าหากเขาตาย คุณก็สามารถจัดการกับวัตถุดิบพวกนี้ได้เลย การที่พวกมันอยู่ในมือคุณ อย่างน้อยก็ดีกว่าถูกปล้นชิงไปโดยคนชั่ว!”

หานน่วนรู้ดีว่าเธอไม่สามารถปกป้องสิ่งเหล่านี้ได้

ยังไงก็ตาม เธอก็ไม่คิดจะมอบมันให้ซงหยูหมัง!

“ยังไงก็ตาม ฉันยังคงเชื่อมั่น ว่าเจ้านายฉินจะต้องไม่พบจุดจบแบบนี้!”

หานน่วนขบริมฝีปากจนเลือดไหล

ตลอดทั้งปราการชาตง หานน่วนรู้สึกว่าเธอนี่แหละคือคนที่เข้าใจในตัวฉินเฟิงมากที่สุด เธอรู้ดีว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งขนาดไหน

แล้วคนที่มากไปด้วยพรสวรรค์เช่นนั้น จะตกตายลงได้อย่างไร?

ในอนาคต ฉินเฟิงคือคนที่จะได้ก้าวขึ้นเป็นตัวตนทรงอำนาจอันคงกระพัน!

“ช่วยเก็บงั้นหรือ? เหอๆ เจ้าสิ่งนั้น ข้าจะเป็นคนเก็บมันให้เอง!” ซงหยูหมังวาดมือออก เจตนาชัดว่าคิดฉกชิง

หูเหลียงวูบกายเข้าสกัดกั้น

สำหรับฉินเฟิง หูเหลียงมีทัศนคติที่ดีต่อเขา ดังนั้นต่อให้ฉินเฟิงตายไปแล้วก็ตาม หูเหลียงก็ยังแสดงน้ำใจต่อเขา ตนต้องรับประกันความปลอดภัยของหานน่วน

“ตระกูลซง จะรังแกกันมากเกินไปแล้ว!”

เสียงตะโกนดังขึ้น ตามมาติดๆด้วยหนามแหลมที่ทิ่มแทงขึ้นมาจากพื้นดิน หากโดนเข้าจังๆโดยไม่ป้องกัน มันสามารถสังหารซงหยูหมังได้เลย

ต่อมา ในจุดที่ไกลออกไป เฉินเซี่ยงก็ปรากฏตัวขึ้น!

แน่นอน ว่ามีเฉินเซี่ยงเพียงคนเดียว

ในฐานะผู้ใช้อบิลิตี้ เขามีความหาญกล้า มั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง

สำหรับคนอื่นๆที่เคยร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับฉินเฟิง ไม่มีใครเลยที่คิดออกหน้าในเวลานี้ บางทีอาจเพราะหลังจากฉินเฟิงไม่คิดจัดตั้งทีม และจากนั้นเขาก็ออกล่าและขายวัตถุดิบระดับราชันย์อย่างบ้าคลั่ง ความรู้สึกเทิดทูนเลยแปรเปลี่ยนมาเป็นริษยา

มีเฉพาะเฉินเซี่ยงเท่านั้น ที่ยังคงเป็นเหมือนเดิม อาจหาญออกมายืนหยัดเพื่อฉินเฟิง

หูเหลียงเมื่อเห็นเฉินเซี่ยงปรากฏตัว ตนก็มีความมั่นใจมากขึ้น มอบยารักษาให้หานน่วน ช่วยชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายของเธอ

ซงหยูหมังถลึงตามองทั้งสองอย่างโหดเ**้ยม

“พวกเจ้า ไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ำตา รอท่านผู้นำตระกูลข้ากลับมาก่อนเถอะ ถึงเวลานั้น มาดูกันว่าพวกเจ้าจะสามารถปกป้องนังผู้หญิงนี่ได้อีกหรือไม่ และขอบอกไว้เลย ว่าเรื่องนี้จะไม่จบง่ายๆเหมือนของฉินเฟิง!”

ซงหยูหมังผุดยิ้มน่าหวาดกลัวให้แก่ทั้งสอง

ซงหยูหมังไม่เพียงประกาศว่าจะสังหารหานน่วน แต่พวกหูเหลียงกับเฉินเซี่ยงเองก็โดนลูกหลงไปด้วย สิงโตเมื่ออ้าปากแล้ว ย่อมกัดกระชากทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า!

ทว่าในตอนนั้นเอง สีหน้าของหูเหลียงและเฉินเซี่ยงก็พลันแปรเปลี่ยนไป

กระทั่งแววตามัวหมองของหานน่วน ก็ยังสาดประกายสดใส

ซงหยูหมังรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง คล้ายจะมีใครบางคนยืนอยู่เบื้องหลังเขา ให้ความรู้สึกเหมือนมีมีดมาจี้คอ

ซงหยูหมังหันขวับไปทันใด ในวิสัยทัศน์ปรากฏคนสองคน

–ฉินเฟิงกับไป๋หลี!

เวลานี้สีหน้าของฉินเฟิงดูย่ำแย่นัก

ที่ว่าย่ำแย่ มิใช่เกิดจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ จริงอยู่ที่มันยังไม่หายดี แต่เขารู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมากกับการกระทำของซงหยูหมัง

ฉินเฟิงยังไม่ตาย แต่ซงหยูหมังกลับกล้ารังแกผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา

ในกรณีนี้ เกรงว่าหากเขาตายลงจริงๆ ไม่ต้องกล่าวถึงหานน่วน กระทั่งสถานชุมชนเฟิงหลี น่ากลัวว่าคงมิแคล้วถูกกลืนกินโดยตระกูลซง

โอ้ และคิดว่าพวกเล่ยเฉินหรือหยานฟางก็คงจะมีส่วนร่วมกับเนื้อชิ้นโตนี้เช่นกัน

“เจอกันอีกแล้วนะ ซงหยูหมัง”

ตามร่างกายของฉินเฟิง ปลดปล่อยแรงกดดันอันน่าทึ่งออกมา การกระทำนี้ข่มขวัญให้ผู้คนรู้สึกมิอาจเข้าใกล้

แค่เผชิญหน้ากับมัน ก็ราวกับถูกบังคับให้ลดหัวลง กดหลังที่ตั้งตรงจนโค้งงอ

แรงกดดันของฉินเฟิง มันจะทรงพลังเกินไปแล้ว!

ซงหยูหมังราวกับสูญสิ้นความสามารถในการพูด ปากอ้าไม่อาจหุบ เบิ่งตาจ้องมองฉินเฟิง

“เจ้ากล้ากลับมาได้อย่างไร!” ซงหยูหมังอุทานอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ฉินเฟิงยิ้มเย็น “แล้วทำไมฉันจะไม่กล้ากลับมา ฉันคือผู้ใช้พลังอย่างเป็นทางการของพันธมิตรมนุษยชาติ จะไปที่ไหนก็ย่อมได้ แต่แก แกเป็นคนของตระกูลผู้ใช้วรยุทธวิถีมาร แกนั่นแหละมาเล่นจำอวดอะไรที่นี่? คิดจริงๆหรือว่าที่นี่จะไม่มีใครสามารถฆ่าแกได้?”

คนจากองค์กรมืด โดยปกติแล้วพวกเขามักจะหวั่นเกรงที่จะเข้าเมืองใหญ่

จริงอยู่ที่ซงหยูหมังน่ะแข็งแกร่ง

แต่ขณะเดียวกัน เขาก็ถือว่าเป็นอาชญากร โดยปกติแล้วคนประเภทนี้จะเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในสถานชุมชนธรรมดา เพราะไม่มีใครสามารถต่อสู้ขัดขืนพวกเขาได้

แต่การเสนอหน้าของซงหยูหมัง ดูจะอาจหาญเกินไปหน่อย

“ฉินเฟิง เจ้ากล้ากลับมา ไม่กลัวหรือว่าท่านผู้นำข้าจะสังหารเจ้า! เจ้าจะตายไปมันก็ไม่สำคัญ แต่ปราการชาตงจักถูกฝังไปพร้อมกับเจ้า ผู้คนในเมืองนี้ ไม่เพียงพอต่อเทคนิคโลหิตของท่านบรรพบุรุษด้วยซ้ำ!”

ซงหยูหมังฉีกยิ้มร้ายกาจ หากได้เห็นซงจินควงสังหารฉินเฟิงกับตาคงดีไม่น้อย ต้องไม่ลืมนะว่าความเกลียดชังในสันเขาถังซานยังคงอยู่ ช่วงเวลานั้นฉินเฟิงหยิ่งยะโส อวดดีเป็นอย่างมาก

“หมายถึงซงจินควงน่ะหรือ? ฉันกลับมาได้แบบนี้ แล้วเขาจะยังอยู่รอดปลอดภัยได้อย่างไร หยุดเพ้อเจ้อจะดีกว่า”

คำพูดของฉินเฟิง ทำให้ทุกคนในที่นี้ตื่นตะลึง!

กระทั่งซงหยูหมังยังถึงขั้นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมาดังๆ

“ฉินเฟิง สมองเจ้าถูกลาเตะไปแล้วหรือไร? นี่เจ้ากำลังจะบอกว่า เจ้าสามารถสังหารท่านผู้นำตระกูลได้อย่างงั้นหรือ!”

เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลยสักนิด

ทว่าฉินเฟิงไม่ตอบกลับ สีหน้าของเขาแลดูไม่แยแส เฝ้ามองซงหยูหมังราวกับกำลังดูตัวตลก

ตัวตลกที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง!

สีหน้าของฉินเฟิงเรียบเฉย สิ่งนี้ทำให้เสียงหัวเราะของซงหยูหมังค่อยๆแผ่วจางลง เขายกอุปกรณ์สื่อสารขึ้น และเริ่มโทรออก

และข้อความที่ปรากฏขึ้น ทำให้ซงหยูหมังต้องสั่นสะท้าน

“ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! ไม่พบอุปกรณ์สื่อสาร”

นี่เกิดขึ้นได้เพียงสองกรณี

หนึ่งคืออุปกรณ์ถูกทำลาย

อีกหนึ่ง … คือตัวอุปกรณ์อยู่ต่างมิติ ไม่สามารถติดต่อได้!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท