โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 359

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.359 – แผนการขององค์กร Z

ว่ากันว่าเม็ดยาดังกล่าว สามารถช่วยส่งเสริมการยกระดับผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D ได้เล็กน้อย

ลู่หวันเปาพอได้ยิน ก็รู้ได้ทันทีว่าฉินเฟิงคิดทำธุรกิจใหญ่กับเขาอีกครั้ง

“มิสเตอร์ฉิน คุณต้องการเท่าไหร่?”

ฉินเฟิง “สัก 50 เม็ด!”

50 เม็ด เท่ากับเป็นเงิน 100,000 ล้าน! ฉินเฟิงควักเงินออกมาจ่ายแต่ละที ไม่เคยต่ำกว่าหลักพันหรือหมื่นล้านเลย และในครั้งนี้มีเงินถึงแสนล้านโยนใส่มือเขา!

อย่างไรก็ตาม มุมปากของลู่หวันเปากลับกระตุกเล็กน้อย แม้เขาจะทราบว่าฉินเฟิงร่ำรวยมั่งคั่ง แต่คงไม่สามารถใช้เม็ดยาคนเดียวในปริมาณมากขนาดนี้ได้ เพราะตัวยาเอง ยิ่งกินเยอะก็ยิ่งมีดื้อยา กินไปนานๆร่างกายก็จะอิ่มตัว

“เข้าใจแล้ว สินค้าชิ้นนี้ ฉันจะไปเตรียมให้เอง”

100,000 ล้าน คือธุรกรรมครั้งใหญ่ ลู่หวันเปาไม่อยากพลาด

แต่ว่าก็ว่าเถอะ ตั้งแต่ที่ฉินเฟิงมาถึงปราการชาตง ทุกๆครั้งที่ลู่หวันเปาแวะเวียนมาที่นี่ มันล้วนเป็นการซื้อขายด้วยเม็ดเงินมหาศาลเสมอเลยไม่ใช่หรือ

“ขอเวลาฉันสักชั่วโมง ฉันจะไปเตรียมของมาให้”

“อืม”

ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!

ในระหว่างนั้นเอง อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงก็ดังขึ้น

“มิสเตอร์ฉิน ตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณอยากพบคุณ พวกเขาบอกว่าต้องการจัดแบ่งผลประโยชน์ที่ได้รับจากตระกูลซง”

ฉินเฟิงไม่ต้องการเสียเวลากับอีกฝ่าย ตอบกลับไป “ก็แค่ยื่นเงื่อนไขไปตามที่ผมเสนอ เรื่องนี้ไม่ต้องให้ผมออกไปหรอก”

“โอ้ เข้าใจแล้ว ถ้างั้นฉันจะให้พวกเขาโอนเงินเข้าบัญชีของคุณในภายหลัง”

รอจนกระทั่งลู่หวันเปากลับมา ในบัญชีของฉินเฟิง กลับมีเพียงเงิน 10,000 ล้านจากตระกูลหยางเท่านั้นที่ส่งมา

ส่วนอีกสองตระกูล เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจเงื่อนไขของฉินเฟิง

แต่ไม่พอใจไปก็เท่านั้น เพราะฉินเฟิงไม่คิดออกไปเจอพวกเขาด้วยซ้ำ พวกเขาสามารถตกลงกับหานน่วนได้เพียงคนเดียว ทั้งยังไม่อาจทำร้ายขู่เข็ญเธอ

จุดจบของซงหยูหมังยังไม่เป็นตัวอย่างที่ดีอีกหรือ?

จุดจบของตระกูลซง ยังไม่เพียงพอที่จะเป็นสัญญาณเตือนให้แก่คนเหล่านั้นหรือไร?

ณ สุสานเทพสงคราม ภายในห้องฝึกยุทธ

ยาเม็ดแล้วเม็ดเล่าในมือ ถูกโยนเข้าปากของฉินเฟิง

เม็ดยาละลายในปาก กระแสพลังงานจำนวนมหาศาล ระเบิดภายในร่างกายเขา

ยาเม็ดนี้เป็นส่วนผสมระหว่างสมุนไพรนับไม่ถ้วน กลั่นสมุนไพรที่มีคุณสมบัติอันหลากหลาย หลอมรวมเข้าด้วยกันในในรูปแบบเม็ด

อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ของมันไม่ใช่อะไรที่ง่ายดายเหมือนกับหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง ฤทธิ์ของยาตัวนี้ หากใช้หลายครั้งจะไม่ส่งผลลัพธ์เท่ากับในเม็ดแรกที่เคยกิน แต่ประสิทธิภาพของมัน หากเทียบในแง่คุณภาพ ถือว่าดีพอๆกับอาวุธทรงพลังของมือปืนเลยทีเดียว

พลังงานที่ระเบิดออกมา เริ่มกลั่นตัวเป็นกำลังภายใน ตกตะกอนในร่างกาย

“พลังพิเศษดูดกลืน!”

ฉินเฟิงใช้พลังพิเศษติดตัวของเขาดูดซับพลังงานเหล่านี้โดยตรง เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองในเวลาเดียวกัน และส่งมันกลับเข้าสู่ตันเถียน

เม็ดยาเพียงเม็ดเดียว หากเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณธรรมดา มันอาจช่วยเสริมแกร่งจนสามารถยกระดับขั้นย่อยได้ ทว่าสำหรับคนที่ครอบครองกำลังภายในเข้มข้นอย่างหาที่ใดเปรียบ เม็ดยา 50 เม็ดที่กลืนลงไป มันกลับช่วยให้ฉินเฟิงได้รับมวลน้ำกำลังภายในเพิ่มขึ้นเพียง 15 แอ่งเท่านั้น

ยังไงก็ตาม พลังงานของเม็ดยาไม่เพียงช่วยเสริมกำลังภายใน แต่ยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางกายภาพ

ฉินเฟิงรู้สึกได้ ว่าร่างกายตนได้มาถึงจุดเปลี่ยน อาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้ ถูกสลายออกไป ร่างกายระเบิดไปด้วยพลังงานอันน่าเกรงขาม

ปัง!

คลื่นแรงกดดันแผ่ขยาย

ก้าวขึ้นสู่เลเวล D2 !

ยังไม่พอ ปัจจุบันมีมวลน้ำกำลังภายใน ในตันเถียนของฉินเฟิงอยู่มากถึง 26 แอ่ง ครั้งต่อไปต่อให้เจอบุคคลเช่นเดียวกับซงจินควงอีก อย่างน้อยฉินเฟิงก็ไม่ต้องลำบากเหมือนคราวก่อน

ระหว่างที่ฉินเฟิงกำลังฝึกยุทธ อีกด้านหนึ่ง แผนการครั้งใหญ่กำลังถือกำเนิดขึ้น

ณ ภายในหมู่บ้านซึ่งเป็นสถานชุมชนเล็กๆใกล้กับเมืองฉีหาน –หมู่บ้านหวังเป่ย

สถานชุมชนขนาดเล็กแห่งนี้ ค่อนข้างแร้นแค้น อากาศอบอ้าว ผู้คนที่สัญจรไปมาไม่มีใครสนใจหยุดพักในภูมิอากาศดั่งถูกแผดเผาเช่นนี้ มันเลยกลายเป็นหมู่บ้านกลางทะเลทรายที่ไม่เจริญ

แต่ในความเป็นจริง นอกเหนือไปจากทาสที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน ใต้ดินแห่งนี้ ยังมีโรงงานขนาดใหญ่ซ่อนอยู่

“น้ำยาฟ่านซูหมายเลข D28 ผลิตได้ถึงไหนแล้ว?”

ชายคนหนึ่งหันไปมองคนที่เอ่ยถามด้วยความเคารพ

หากฉินเฟิงอยู่ที่นี่ เขาคงต้องร้องอ๋อทันที เพราะนี่คือชายที่ถูกเรียกกันว่าลูกพี่โกว หัวหน้าแห่งกองกำลังอินทรีทรายที่เขากำลังตามหา –โกวเกิง!

นอกจากนี้ ยังเป็นบุคคลสำคัญที่ติดต่อกับองค์กร Z

ส่วนอีกคนหนึ่งที่เอ่ยถามเมื่อครู่เป็นเลเวล C ไว้ผมสั้น คิ้วดกหนาดูแข็งแรง เป็นชายหล่อเหลามีเสน่ห์

ซึ่งคนประเภทนี้ มักจะครอบครองอำนาจและฐานะ มิใช่ผู้ขาดแคลนเงินทองและสาวสวย ดูสุขุมมีระดับ

“อืม แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไรบ้าง?”

ชายคนนั้นเอ่ยถามต่อ

โกวเกิงเร่งตอบกลับ “ยังไม่แน่ชัด เนื่องจากไม่ได้รับการทดลองอย่างเป็นวงกว้าง และที่สำคัญที่สุดก็คือ ยาตัวนี้เหมาะสำหรับ ‘กระตุ้น’ ผู้ใช้พลังเลเวล D แต่ทางเราไม่มีร่างทดสอบเลเวล D มากถึงขนาดนั้น”

โกวเกิงรู้ว่ายายังคงต้องได้รับการทดสอบ แต่เขากลับไม่คิดลงมือ เพราะนั่นเท่ากับการต้องไปจับผู้ใช้พลังเลเวล D ของพันธมิตรมนุษยชาติมาทดลอง

แม้โกวเกิงจะเป็นร่างมนุษย์กลายพันธุ์ระดับราชันย์สัตวร้ายเลเวล D ก็ตาม แต่ด้วยฐานะของเขา ทำให้มีหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่อาจลงมือทำได้

อีกอย่างร่างทดลองมนุษย์กลายพันธุ์เช่นเขา หากการผสานยีนไม่ลงตัว ยิ่งเปิดใช้งานอบิลิตี้มากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งง่ายต่อการสูญสิ้นสตินึกคิดมากเท่านั้น และอาจถึงขั้นร่างกายระเบิดเลยก็ได้

ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงไม่คิดต่อสู้หากไม่จำเป็น และเรื่องนี้ได้กลายเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในจิตสำนึกของพวกเขาไปแล้ว

ตัวตนทรงพลังเลเวล C เหมือนจะรู้ว่าโกวเกิงกำลังคิดอะไร แนวสายตาของเขากวาดมองคนอื่นๆ และพบว่าในปัจจุบัน คนขององค์กรในที่นี้มีเลเวล D อยู่แค่ 10 คนเท่านั้น และที่น่าแปลกก็คือ มิใช่ทุกคนที่เป็นคนจากองค์กรมืดแบบเต็มตัว บางคนเป็นที่คุ้นตาในกลุ่มสมาชิกมนุษยชาติ น่าจะยังไม่เปิดเผยว่าตนเองเป็นองค์กรมืด

“ร่างทดลองเลเวล D อย่างงั้นหรือ?” ตัวตนทรงพลังเลเวล C หรี่ตาแคบลง ส่งเสียงฮึฮะและกล่าว “ก็ที่ปราการชาตงอย่างไรเล่า ที่นั่นมีเลเวล D อย่างน้อยถึง 200 คน เป็นสถานที่ที่ดีสำหรับการทดลอง!”

“ท่านหยานกำลังจะบอกว่า … ”

โกวเกิงลอบชำเลืองมองหยานชูว และพบว่าอีกฝ่ายกำลังทำท่าทีขบคิดแผนการอะไรบางอย่าง

“เจือจางตัวยาลงซะ ผลกระทบจากมันจะได้ล่าช้าออกไป แต่ขอให้ใส่ปริมาณเพียงพอต่อการกลายพันธุ์ ชาตงอยู่ในทะเลทรายไม่ใช่หรือ การใช้สอยน้ำถือเป็นปัญหา พวกเขาเลยสร้างอ่างเก็บน้ำขึ้นมา … ฉันคงไม่จำเป็นต้องบอกว่าควรทำอะไรต่อแล้วใช่ไหม?”

หยานชูวกวาดตามองไปยังฝูงชน

“ความคิดของท่านหยาน ช่างสูงส่งจริงๆ!”

หรืออาจจะพูดอีกแบบหนึ่ง ว่ามันจัดจ้านเกินกว่าใครจะจินตนาการก็ได้!

ประชากรในชาตงถึงจะมีค่อนข้างน้อย แต่ก็น่าจะสักราวๆ 100,000 คน แต่เมื่อเทียบกับการได้ร่างทดลองผู้ใช้พลังเลเวล D กว่า 200 คนแล้ว คนธรรมดา 100,00 คนจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ช่างหัวมันเถิด

เพราะแผนการนี้โอกาสสำเร็จเกือบ 100 เปอร์เซ็น มันแทบไม่ต้องลงแรงเลยสักนิด แต่ทางองค์กรกลับสามารถได้รับร่างทดลองนับไม่ถ้วน!

“ท่านหยาน โปรดวางใจ ฝากเรื่องนี้ให้เราจัดการเถอะ”

“หยานฟางเองก็แทรกซึมเข้าไปในปราการชาตงสักพักหนึ่งแล้ว หน้าที่วางยาปล่อยให้เขาทำ แบบนี้ปลอดภัยที่สุด”

“อืม แล้วอย่าลืมสร้างกำแพงปิดกั้นสัญญาณด้วยล่ะ ห้ามปล่อยให้ข่าวของปราการชาตงหลุดออกไป”

“หลังจากการทดลอง ให้เก็บกู้ร่างทดลองทั้งหมด จากนั้นก็ล่อสัตว์ร้ายให้บุกเข้าไปทำลายชาตงเสีย”

“น้อมรับคำสั่ง!”

10ผู้ใช้พลังเลเวล D สนทนาแลกเปลี่ยนกันเล็กน้อย แผนการถูกจัดวางอย่างรวดเร็ว

เหตุการณ์ตามความทรงจำของฉินเฟิง แผนการทำลายปราการชาตง กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!

ในขณะที่ฉินเฟิงไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เขายังคงฝึกยุทธอยู่ภายในสุสานเทพสงคราม

ช่วงกลางดึกได้มาเยือน เลเวล D ทั้งหมดต่างกลับมาพักผ่อนในชาตง หลังจากต่อสู้เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะดื่มกิน

น้ำที่ถูกกักเก็บไว้ในอ่าง ถูกผู้คนบริโภคอย่างรวดเร็ว

บ้างเปิดก๊อกแล้วยกขึ้นดื่มโดยตรง บ้างนำไปปรุงอาหาร อย่างไรน้ำก็คือสิ่งจำเป็นที่พวกเขาต้องใช้

และช่างน่าฉงน ที่น้ำในชาตงวันนี้ กลับให้ความรู้สึกหวานมากเป็นพิเศษ ผู้คนอดไม่ได้ที่จะยกซดครั้งแล้วครั้งเล่า

ก็แล้วในการดำเนินชีวิต เป็นคุณ คุณจะขาดน้ำได้หรือ?

เวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืน และแล้ว ในที่สุดเสียงร้องโหยหวนก็เริ่มดังขึ้น เสียดแทงขึ้นไปถึงชั้นฟ้า

จากนั้น ก็ตามมาติดๆด้วยเสียงคำรามของสัตว์ร้าย …

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท