โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 370

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.370 – หนึ่งต่อเก้า

อีกด้านหนึ่ง ไป๋หลีกับหยานชูวกำลังต่อสู้กัน ด้วยอำนาจระดับจักรพรรดิ ส่งผลให้หยานชูวถูกกดดันจนถอยร่นอย่างต่อเนื่อง

หยานชูวเบนสายตามองไปอีกทาง และพบว่าอีก 9 คนกำลังรุมล้อมฉินเฟิงคนเดียว ก็สบถคำหนึ่ง

“พวกขยะ!”

มีคนตั้งมากมาย แต่กลับถูกขัดขวางโดยฉินเฟิงเพียงลำพัง ทั้งยังปล่อยให้ฮอลศึกบินหนีไป

แบบนี้ มองยังไงก็ได้ข้อสรุปว่า แผนการล้มเหลว!

“ลากตัวมันกลับมาให้ฉัน” หยานชูวสั่งการ

“ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้ว แกยังต้องการจะจับตัวใครอีก?” ไป๋หลีไม่พอใจ กระทั่งตัวเธอ เขายังไม่สามารถรับมือได้ด้วยซ้ำ แล้วยังคิดไปวุ่นวายกับฉินเฟิง ไป๋หลีรู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ช่างกวนประสาทจริงๆ

ดวงตาของหยานชูวหรี่แคบลง เขาไม่ต้องการใช้ไพ่ในมือตน แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจำเป็นต้องใช้แล้ว

วินาทีต่อมา หยานชูวก็เริ่มเร่งเร้าความแข็งแกร่งที่เก็บงำอยู่ภายใน

กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว พรั่งพรูออกมาจากกายหยานชูว

ในพริบตา ร่างกายหยานชูวก็แปรสภาพเป็นยักษ์!

เป็นยักษ์จริงๆ! ความสูงของเขาทะยานขึ้นไปกว่า 10 เมตร เทียบเท่าได้กับอาคาร 3 ชั้น

โครม!

แท่งเหล็กขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในมือเขา เห็นได้ชัดว่าแท่งเหล็กนี้ถูกเก็บเอาไว้ในพื้นที่มิติ

นี่คือไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา

เป็นการกลายพันธุ์ที่แตกต่างจากสัตว์ร้ายตนอื่นๆ ร่างของหยานชูวแม้เปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังเป็นมนุษย์ สำหรับในองค์กร Z มันถูกเรียกว่าหนึ่งในสายเลือดชั้นสูงของไททัน!

หยานชูวในเวลานี้ ร่างกายใหญ่โตมหึมา ความเสียหายที่เกิดจากการโจมตีธรรมดา อาจเหมือนยุงกัดสำหรับเขา ผิวหยาบเนื้อหนา กล้ามแข็งแกร่งเป็นมัดๆ การโจมตีใดๆก็มิอาจทะลวงสู่ภายในได้

“ตาย!”

หยานชูวชูแท่งเหล็กขึ้นเหนือหัว ฟาดทุบลงใส่ไป๋หลี

อีกด้านหนึ่ง หลังจากทั้งเก้าเปลี่ยนสภาพเป็นสัตว์ร้าย ทั้งหมดก็กลุ้มรุมฉินเฟิง ระดมโจมตีใส่เขา

กรดพิษอันเข้มข้นของคางคกพิษพ่นเข้ามาเป็นอย่างแรก

ทั่วกายของฉินเฟิงห่อหุ้มไปด้วยปราณกำลังภายใน ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องหลบเลี่ยง

“มังกรทอร์นาโด!”

ทั้งคนทั้งร่างของฉินเฟิงม้วนเป็นวง ระเบิดเทคนิคลับเหิงหลงออกมา ก่อตัวเป็นวังวนมิต่างจากพายุคลั่ง

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายแรกของฉินเฟิงกลับมิใช่คางคกพิษที่พ่นกรดพิษใส่เขา แต่เป็นงูเหลือมเกล็ดทองคำ!

งูเหลือมเกล็ดทองคำเป็นสิ่งมีชีวิตธาตุแสง มันคือภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดสำหรับเขา

ทอร์นาโดม้วนเป็นวง กวาดเข้าใส่งูเหลือมเกล็ดทองคำ

เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!

มนุษย์กลายพันธุ์ที่ขวางทางถูกเตะกวาดกระเด็นกระดอนออกไป

“ทักษะลับกลืนดารา ปลดปล่อยแรงดูด!”

ตอนเป็นมือปืนก็ตกเป็นเป้าของฉินเฟิง พอกลายพันธุ์ก็ยังตกเป็นเป้าหมายแรกของฉินเฟิงอีก อย่างไรก็ตาม ตัวมันกลับยังนิ่งงัน

ทางฝั่งมนุษย์กลายพันธุ์งูเหลือมเกล็ดทองคำ ตัวเขารู้สึกประหลาดใจไม่แพ้กัน ไม่คิดเลยว่าฉินเฟิงจะเลือกโจมตีตนเป็นตัวแรก อีกทั้งกำลังภายในของฉินเฟิงยังบีบบังคับให้เขาตรงเข้าหา มนุษย์กลายพันธุ์งูเหลือมเกล็ดทองคำไม่มีทางเลือกอื่น เรียกความกล้าโดยเร่งเร้าเจตนาร้ายในจิตใจ สะบัดหางใหญ่ม้วนพันรอบกายฉินเฟิง

“ร่างแหลกไปซะ!”

ความสามารถที่ทรงพลังที่สุดของงูเหลือมเกล็ดทองคำ คือพละกำลังในการบีบรัดเหยื่อจนตาย ยิ่งเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ พละกำลังก็ยิ่งพุ่งสูงกว่าเดิมมาก

วี้~~~~

ปราณกำลังภายในที่คอยคุ้มกันส่งเสียงเสียดสีรุนแรง มันราวกับลูกโป่งอัดลมที่กำลังถูกบีบ พร้อมจะระเบิดได้ทุกเวลา!

แต่จังหวะนั้นเอง ในมือของฉินเฟิงก็วาดมีดกษัตริย์ครามออกไป

ฉัวะ! ปลายมีดแทงทะลุลึกเข้าไปในเกล็ดของมนุษย์กลายพันธุ์งูเหลือมเกล็ดทองคำ

ต้องบอกว่าแม้มนุษย์กลายพันธุ์จะได้รับความสามารถในด้านพละกำลังของงูเหลือมมา แต่อย่างไรมนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์ มิได้รับพลังป้อนกันเฉกเช่นเดียวกับงูเหลือมเกล็ดทองคำจริงๆ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่า ต่อให้มีมัน ก็เกรงว่ามิอาจหยุดยั้งอำนาจของมีดกษัตริย์ครามได้

เนื่องจากมีดกษัตริย์ครามได้หลอมรวมเข้ากับขนของจักรพรรดินกยูงเพลิงฟ้า ดังนั้นเป้าหมายส่วนใหญ่ยังไม่ทันสัมผัสโดนคมมีด ก็ถูกเพลิงฟ้าสับสะบั้น และแผดเผาไปเสียก่อน

แต่ต่อให้ศัตรูสามารถทานทนเปลวเพลิงได้จริง เมื่อต้องเผชิญกับคมมีด ผลลัพธ์ก็ไม่แตกต่างกัน

มีดกษัตริย์ครามแทงทะลุเข้าไปในตัวมนุษย์กลายพันธุ์งูเหลือมเกล็ดทองคำ ใบมีดทั้งใบจมลึก เหลือเฉพาะเพียงส่วนด้ามจับที่เผยอยู่ภายนอก

กำลังภายในของฉินเฟิงอัดฉีดตามลงไป กระตุ้นเปลวเพลิงสีฟ้าระเบิดออกมา

แทบจะในทันที ตามเกล็ดงูเหลือมเกล็ดทองคำ พลันลุกไหม้ไปด้วยเพลิงฟ้า แผดเผามันลุกลามไปทั้งตัว

“อา อาอ าอ๊าากกกกกก”

มนุษย์กลายพันธุ์ร้องโหยหวน หางงูที่พันรอบกายฉินเฟิงคลายออก ร่างใหญ่ยาวกลิ้งดีดดิ้นกับพื้น ชนซากปรักหักพังจะแหลกละเอียด บ่งบอกถึงพละกำลังอันน่าทึ่ง

แต่ช่างน่าเสียดาย ที่ฉินเฟิงไม่คิดให้มันก่อความเสียหายไปมากกว่านี้

“ลาขาด!”

ฉินเฟิงกระชากมีดกษัตริย์ครามออก เล็งไปยังเนื้อหนังอีกตำแหน่งหนึ่ง และจ้วงซ้ำลงไปอีกครั้ง!

และเนื้อหนังที่ว่าในคราวนี้ คือส่วนหัวของมนุษย์กลายพันธุ์!

ปุ!

ศีรษะถูกตอกลงกับพื้นทันใด ผสานไปกับเพลิงฟ้าที่ลุกไหม้ ทั้งร่างก็ถูกแผดเผาเป็นผุยผง

มนุษย์กลายพันธุ์งูเหลือมเกล็ดทองคำ — ตาย!

มนุษย์กลายพันธุ์ที่เหลืออีก 8 คน ทั้งหมดมองฉินเฟิงด้วยความสยดสยอง

ตรงกันข้ามกับฉินเฟิง ที่กำลังยิ้มร่าสดใส

“อันที่จริงพวกแกไม่น่าเลือกกลายร่างเลย เพราะเวลาที่ตกอยู่ในสภาพนี้ ต่อให้คิดส่งข้อความสุดท้ายไปถึงคนที่รัก ก็ทำไม่ได้!”

เมื่อคนเหล่านี้กลายร่าง อุปกรณ์สื่อสารก็ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป!

ณ ช่วงเวลาตี 2 ท้องฟ้ายังคงดำสนิท มีเพียงแสงจันทร์ที่ส่องสว่าง ทว่ามนุษย์กลายพันธุ์ครอบครองดวงตาสุกสกาว สามารถมองเห็นในที่มืดได้ นี่ช่วยให้พวกเขาสามารถมองเห็นสภาพแวดล้อมได้อย่างชัดเจน

แต่ทั้งหมดที่อธิบายข้างต้น กำลังจะหายไป!

“โอบกอดทมิฬ!”

ตามร่างกายของฉินเฟิง ระเบิดกวาดไปด้วยรูนมืดอันน่าสะพรึงกลัว

ฉินเฟิงได้รับศิลานรกมาเมื่อ 9 เดือนก่อน

ส่งผลให้ยามใช้ออกด้วยอบิลิตี้มืด มันจักทรงพลังขึ้นหลายเท่า

วิสัยทัศน์ของมนุษย์กลายพันธุ์ที่เหลือ 8 คน กลายเป็นมืดบอดโดยสมบูรณ์

“เกิดอะไรขึ้น?”

แม้จะยังเปล่งเสียงได้ แต่ในสายตากลับมืดมิด มืดแบบไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย กระทั่งการรับรู้ก็คล้ายถดถอยลง ไม่อาจตรวจจับได้ถึงสิ่งใด

ปัจจุบัน ฉินเฟิงอยู่ห่างจากพวกเขา 20 เมตร ส่วนกลุ่มมนุษย์กลายพันธุ์ กระจุกรวมตัวอยู่ติดๆกัน

เมื่อแผนการขั้นนี้สำฤทธิ์ผล ฉินเฟิงก็เริ่มดำเนินขั้นต่อไป

“ลำแสงแห่งความมืด!”

อบิลิตี้อันเข้มข้น สีดำกระจ่างราวกับใยแก้ว พุ่งเป็นเส้นออกไป … แต่ท่านี้มันสามารถโจมตีได้ตัวเดียวมิใช่หรือ? ทำไมฉินเฟิงถึงไม่ใช้ประกายแสงแห่งความตายที่โจมตีหมู่เล่า?

ทุกท่านกำลังจะได้พบคำตอบ ใยแสงแห่งความมืดกระทบลงบนตัวของมนุษย์กลายพันธุ์คางคกพิษ

ในพริบตา ร่างกายของมันราวกับถูกปล้นชิงพลังงาน อ่อนแอลงอย่างไม่น่าเชื่อ

“อะไรกันเนี่ย!” มนุษย์กลายพันธุ์คางคกพิษ โวยวายตกใจ แขนขาของมนุษย์กลายพันธุ์คางคกพิษ ตอนแปลงร่างไม่ค่อยเปลี่ยนไปมากนัก ส่วนใหญ่ที่เปลี่ยนจะเป็นช่วงหลังที่โป่งพอง รูปทรงคล้ายกับขุนเขา เสื้อผ้าปริขาดออก และงอกไปด้วยเนื้อชั้นเนื้อหลากสีสัน

เวลานี้ทุกส่วนเริ่มห่อเหี่ยว ดวงตาปูนโปนถลนออกมาด้านนอก เกิดปฏิกริยาคล้ายกับเร่งอายุเวลาอย่างต่อเนื่อง

แต่ด้วยโอบกอดทมิฬของฉินเฟิง ทำให้แม้ในหัวใจจะรู้สึกถึงความผิดปกติ แต่ก็ไม่ทันฉุกคิดถึงความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย วินาทีต่อมา ถุงหลังที่เก็บกักพิษเกิดการระเบิดแตกตัว

โผล๊ะ!

ตุ่มหนองสาดกระจาย ระเบิดกรดพิษออกมา

ทว่ากรดพิษเหล่านี้ มีได้กระเด็นโดนฉินเฟิง แต่เป็นตกลงในกลุ่มมนุษย์กลายพันธุ์ที่อยู่ใกล้ๆ!

“สายฝนแห่งความตาย!”

บนท้องฟ้า กระแสวังวนสีดำอันน่าหวาดหวั่นก่อตัวขึ้น ต่อมา เม็ดฝนสีดำก็เริ่มโปรยปราย

“อาาาาา”

แผ่นหลังของคางคกพิษเพิ่งปลดปล่อยพิษออกมา ผสานไปกับฝนดำ มันรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ราวกับเลือดเนื้อกำลังถูกหลอมละลาย พลังงานสีดำซึมเข้าไปในร่างกายของมัน

ฝนแห่งความตายปกคลุมหนาแน่นราวกับพายุฟ้าคะนอง

มนุษย์กลายพันธุ์ที่เหลือทั้ง 8 ไม่มีหนทางให้หลบเลี่ยงได้เลย ส่งเสียงกรีดร้องน่าเวทนาไม่หยุด

อีกด้านหนึ่ง หยานชูวเห็นทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“นั่นมันอบิลิตี้มืด!”

แม้ว่าหยานชูวจะประหลาดใจกับเรื่องทั้งหมดนี้ แต่เขาก็รู้ดี ว่าหากยังมัวแต่อึ้งไม่ทำอะไร ร่างเต็มวัยของมนุษย์กลายพันธุ์ในองค์กร น่ากลัวว่าคงไม่พ้นความตาย!

ท่อนเหล็กในมือเขา วาดเป็นแนวนอน กวาดผืนฟ้าจนเกิดเป็นคลื่นปั่นป่วนทันใด!

พละกำลังอันยิ่งใหญ่ชนิดเคลื่อนขุนเขาแหวกทะเล กวาดเอาฝนแห่งความตายปลิวไปกับสายลม!

***พักจบกลุ่ม 4 วัน***

*ระดับพลังของฉินเฟิงจะแบ่งออกเป็น—> ความแข็งแกร่งทางกายภาพ (ระดับจักรพรรดิ) , พลังสมาธิ (ระดับจักรพรรดิ) , กำลังภายใน

มีคนเคยcomment ถามแต่ผมลืมตอบ ขออภัยครับ ถ้าสงสัยอะไรเพิ่มเติมสามารถทักมาถามในเพจได้นะครับ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท