โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.384 – ยกระดับอีกครั้ง
ต่อมา แสงสีเงินก็กระพริบไหว ทุกสิ่งอย่างกลับคืนสู่ความมืดมิดอีกครั้ง
ทันใดนั้นเอง ฉินเฟิงพบว่าตำแหน่งที่เดิมมีดอกไม้หยาดน้ำตางอกอยู่ พลันว่างเปล่าอย่างกะทันหัน ดินบริเวณนั้นกลายเป็นหลุมขนาดย่อม น้ำจากหนองค่อยๆไหลไปเติมเต็มมันอย่างช้าๆ
ฉินเฟิงตะลึงงัน
“เธอเอาดอกไม้หยาดน้ำตาไปไว้ที่ไหน?”
“ในสุสานเทพสงคราม ไม่ใช่ว่าคุณต้องการแบบนั้นหรอกหรือ? ทุกวันนี้เจอสมุนไพรอะไรคุณก็เอาไปเก็บในสุสานหมด แต่เจ้าอันนี้ถือว่าใหญ่ที่สุดเลย”
ฉินเฟิงร้องอ้อ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อก่อนหรือในตอนนี้ ไป๋หลีจะสามารถเทเลพอร์ตสิ่งที่เธอต้องการได้ดั่งใจนึก แม้ว่าจะอยู่ห่างไกลนับพันลี้ก็ตาม
อบิลิตี้มิติของสัตว์ร้าย เกรงว่านอกไปจากการข้ามมิติแล้ว เรื่องขโมย ก็ยังเก่งกาจไม่แพ้กัน!
ขณะนี้ ต้นไม้กอร์กอนเริ่มสังเกตเห็นถึงความผิดปกติรอบตัวมัน แต่ในฐานะพืช แม้จะแข็งแกร่งทรงพลัง ทว่าไม่ได้มีสติปัญญานัก
พืชที่อยู่ร่วมกันมาครึ่งชีวิตหายไป แมกไม้บนต้นมันกลับแค่สั่นไหว สักพักก็สงบลง มิได้อาละวาดใดๆ
“มันดูน่าเกลียดจัง”
ไป๋หลีวิจารณ์ สำหรับบางสิ่งที่ดูน่าขนลุกแบบนี้ เธอเกินจะรับไหว
“เธอกลับไปก่อนเถอะ ที่เหลือฉันจัดการเอง”
“ตกลง ฉันเองก็ไม่อยากอยู่ที่นี่กับคุณอีกต่อไปแล้วเหมือนกัน กลิ่นมันเหม็นมากเลย!”
แม้ดอกไม้หยาดน้ำตาระดับราชันย์จะหายไปแล้ว แต่หยดน้ำที่หลั่งจากมันมิได้หายตามไปด้วย ไหนจะซากเน่าเปื่อยของสัตว์ร้ายที่ตกเป็นเหยื่ออีก เมื่อทั้งสองสิ่งนี้ผสมปนเปมัน ย่อมไม่ให้กลิ่นที่ดี
ไป๋หลีเปิดมิติ เร่งจากไปทันที
ปัจจุบัน เหลือเพียงฉินเฟิงที่ต้องเผชิญหน้ากับต้นไม้กอร์กอน!
ครั้งแรกที่ได้ดูวิดีโอ กลิ่นอายความแข็งแกร่งของต้นไม้กอร์กอนมิได้แสดงออกมาให้เห็น นั่นเพราะพืชสามารถกลบซ่อนมันได้ตลอดเวลา นี่คือเหตุผลที่นกปีกมังกรระดับราชันย์หลงกล และถูกจับโดยไม่ทันตั้งตัว
และในจังหวะที่ทั้งสองกำลังพัวพันกัน ฉินเฟิงถึงได้รู้ระดับความแข็งแกร่งของมัน
ปรากฏว่าพืชกลายพันธุ์ต้นนี้เป็นระดับจักรพรรดิ!
ถือเป็นจักรพรรดิเลเวล D ตนที่สองที่ฉินเฟิงเคยเจอ
ช่วงเวลานี้ พลังสมาธิของฉินเฟิงเริ่มถูกระดม เร่งเร้ากลิ่นอายจนถึงขีดสุด!
ระเบิดอำนาจระดับจักรพรรดิออกมา!
ในดาวเคราะห์เพชรของฉินเฟิง รูนไฟมหาศาลกำลังเดือดพล่าน
ยังไม่พอ รูนไฟกลายพันธุ์ทั้งหมดยังพรั่งพรูออกมา ปกคลุมทั้งตัวฉินเฟิง รอบกายเขาลุกไหม้ไปด้วยสีฟ้าครามสดใส
เบื้องบนท้องฟ้า ร่างเงาของนกยูงยักษ์ค่อยๆก่อตัวขึ้น
นกยูงตัวนี้สูงกว่า 20 เมตร ถือว่าใหญ่โตมาก เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา ราวกับว่าจักรพรรดินกยูงเพลิงฟ้ายังมีชีวิตอยู่
และกลิ่นอายของนกยูงเพลิงฟ้าตนนี้ยังไม่เสื่อมคลาย มิได้แก่ชราเหมือนครั้งที่เจอในสภาพใกล้ตาย! ขนเพลิงนับไม่ถ้วนเปล่งประกายสีฟ้าสดใส
พลังสมาธิของฉินเฟิงถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างเงานกยูงยิ่งมายิ่งเสมือนจริง
ช่วงเวลาถัดมา นกยูงพลันสยายปีก รำแพนหางตน โฉบกายไปยังตำแหน่งหนึ่งที่ไกลออกไป
ขณะโผบิน เปลวเพลิงสีฟ้าลุกโชนสว่างไสว ดั่งดาวตกที่ร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า
นกยูงเพลิงฟ้าบินว่ายวนในอากาศไม่ยอมหยุด คอยสาดกองไฟลงมาเรื่อยๆ และตำแหน่งที่กองไฟตกลงไป คือที่ตั้งของต้นไม้กอร์กอน
“ไม่ว่าจะเป็นพืชกลายพันธุ์ที่ทรงพลังขนาดไหน อย่างไรพวกมันย่อมกลัวไฟ แถมพืชชนิดนี้เอง หนึ่งในจุดที่มนุษย์ได้เปรียบมันที่สุดก็คือ มันเคลื่อนย้ายไม่ได้!”
แม้จะครอบครองอำนาจชนิดพลิกปฐพี แต่พืชกลายพันธุ์ส่วนใหญ่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ มันคือราชาเฉพาะในอาณาเขตโจมตีของตน!
ด้วยเหตุนี้เอง มือปืนที่สามารถขึ้นมาถึงเลเวล D จึงกลายเป็นนักล่าที่ทรงพลังที่สุด ตราบใดที่พวกเขามีกระสุนเพียงพอ ก็ย่อมสามารถสังหารพืชกลายพันธุ์ได้
อย่างไรก็ตาม การที่มือปืนจดจ่อแต่กับการโจมตีพืชกลายพันธุ์ก็ใช่ว่าจะดี เพราะขณะเดียวกัน มือปืนก็กำลังถูกสิ่งมีชีวิตอื่นจับจ้องอยู่เช่นกัน หากกำจัดพืชกลายพันธุ์ลงได้แล้วถูกสิ่งมีชีวิตอื่นกระโจนเข้าลอบโจมตี และกวาดทุกอย่าง ทั้งคน ทั้งต้นไม้ไปเป็นของตัวเอง มันคงบัดซบไม่น้อย
ข้างต้นคือเหตุผลหลักๆเลยที่ถึงแม้การล่าพืชกลายพันธุ์จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับมือปืน แต่พวกเขาก็ไม่นิยมทำกันบ่อยๆ
ตรงกันข้ามกับฉินเฟิง เขาไม่หวั่นเกรงว่าหากตนกำจัดพืชกลายพันธุ์ได้แล้ว จะมีสิ่งมีชีวิตอื่นกระโจนเข้ามาแย่งชิง เพราะยามปลดปล่อยพลังสมาธิของตน กลิ่นอายระดับจักรพรรดิได้ข่มขวัญสัตว์ร้ายที่อยู่รอบๆจนกระเจิงหลบหนีไปหมดสิ้น ที่เขาต้องรับมือ มีแค่ต้นไม้กอร์กอนที่ทรงพลังเท่านั้น
นกยูงเพลิงฟ้าว่ายวนอยู่เบื้องบน ในที่สุดก็โฉบกายลงมา กระแทกเข้าใส่ลำต้นไม้กอร์กอนโดยตรง
ตูม!
เกิดเสียงระเบิดอึกทึก ท้องฟ้าถูกย้อมเป็นรังสีแสงสีครามสดใส เปลวเพลิงเริ่มโหมกระหน่ำ
ต้นไม้กอร์กอน ลุกไหม้ไปด้วยเปลวไฟ!
กระบวนท่าที่ฉินเฟิงเพิ่งใช้ สามารถปลดปล่อยได้ในสภาวะจักรพรรดิเท่านั้น มันใช้เวลาในการระดมพลังค่อนข้างนาน ปกติเลยไม่ค่อยงัดออกมา
“มาลองกันอีกครั้ง!”
พลังสมาธิของฉินเฟิง ถูกควบรวมอีกคราว
วินาทีต่อมา ในรัศมี 100 เมตร ริ้วสีแดงทรงพลานุภาพเริ่มปรากฏ ก่อร่างขึ้นทีละน้อย ทีละน้อย เป็นรูปแบบมังกรเพลิงตัวยาว
–เทคนิคมังกรไฟ!
นี่เป็นหนึ่งในสามอบิลิตี้ไฟที่ฉินเฟิงได้รับมาตอนเลเวล E ยิ่งเติมรูนเข้าไปมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพในการโจมตีของมันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
แรกเริ่ม ฉินเฟิงสามารถเติมรูนไฟให้มันยาวได้แค่ 20 เมตร ทว่าปัจจุบัน เขาเติมรูนไฟทั้งหมดลงไป มังกรไฟเลยกลายเป็นยาวกว่า 100 เมตร อากาศโดยรอบถูกแผดเผา เพียงเข้าไปใก้ลก็แทบหายใจไม่ออก!
“ไปเลย!”
เมื่อได้รับคำสั่ง มังกรไฟหอนคำราม ชาร์จเข้าหาต้นไม้กอร์กอน อ้าปากพร้อมงับเข้าใส่ลำต้นศัตรูโดยตรง!
ชั้นแสงสีเขียวเข้มเป็นปรากฏขึ้น บ่งบอกว่าต้นไม้กอร์กอนเริ่มขัดขืนแล้ว!
เปลวไฟสีฟ้าของนกยูงค่อยๆถูกสลายลงโดยรังสีแสงสีเขียวเข้ม แต่ไม่รั้งรอให้มันตั้งตัว มังกรไฟก็ปรากฏขึ้นอีกคราว
ตูม!
แรงระเบิดนี้ มหาศาลยิ่งกว่าครั้งก่อน
คลื่นกระแทกขนาดใหญ่กวาดกระจายออกไป เปลวเพลิงสาดกระเซ็น แผดเผาเถาวัลย์นับไม่ถ้วน
เปรี๊ยะ!
เสียงของเปลวไฟแผดเผากิ่งก้าน เถาวัลย์ถูกทำลาย ตกลงไปในหนองน้ำ เกิดเสียงซี่ ซี่ แต่ไม่มีทีท่าว่าจะงอกขึ้นมาใหม่
ฉินเฟิงระดมอบิลิตี้โถมโจมตีอย่างต่อเนื่อง ต้นไม้กอร์กอนดิ้นรนขัดขืน ทั้งสองอยู่ในสภาวะเขม็งเกร็ง ไม่มีใครยอมใคร
และเนื่องจากต้นไม้กอร์กอนใหญ่โต ดังนั้นต่อให้ฉินเฟิงคิดจะเผามัน ก็จำเป็นต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง
สำหรับการกระทำของฉินเฟิง หากเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ธรรมดา ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องกระตุ้นอบิลิตี้ไฟพร้อมกันในคราวเดียว เกรงว่าการปลดปล่อยมัน และยิงจากในระยะไกลก็ยังทำไม่ได้
เพราะระยะของฉินเฟิง มันห่างไกลมาก ถือว่าปลอดภัย ไม่ถึงระยะการโจมตีของต้นไม้แน่นอน!
…
เปลวเพลิงลุกไหม้ตลอดทั้งค่ำคืน ลากยาวมาจนถึงกลางวัน แสงสีเขียมเข้มของต้นไม้ยักษ์จึงค่อยบางเบาลง พุ่มตรงยอดของมัน ถูกไฟไหม้จนหมดสิ้น เปลือกไม้บนลำต้น ไหม้เกรียมราวกับถ่าน
ต้นไม้กอร์กอน –ตาย!
ฉินเฟิงสัมผัสได้ว่าพลังพิเศษดูดกลืนกำลังทำงานอย่างบ้าคลั่ง มันกลืนกินพลังสมาธิมหาศาลจากต้นไม้ยักษ์
ทันใดนั้นเอง ฉินเฟิงรู้สึกราวกับเขาได้ข้ามผ่านประสบการณ์นับไม่ถ้วน สั่งสมความรู้มั่นคงลึกซึ้ง เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของโลก และความผันผวนของชีวิต
พลังสมาธิยกระดับไปอีกขั้น
ก้าวขึ้นสู่เลเวล D3 ระดับจักรพรรดิ!
กลับกลายเป็นว่า แม้จะด้อยสติปัญญา แต่พืชกลายพันธุ์ระดับจักรพรรดิต้นนี้ มันครอบครองพลังสมาธิมหาศาล
ฉินเฟิงค่อนข้างประหลาดใจ แต่เขาไม่มีเวลามามัวสนใจเรื่องนี้
เพราะหลังจากข้ามผ่านการต่อสู้ทั้งวันคืน ปัจจุบันเกือบจะพลบค่ำแล้ว ฉินเฟิงเหน็ดเหนื่อยมากว่า 30 ชั่วโมง แต่ยังไม่ได้พักผ่อนเลย!
ก้าวอัคคีถูกใช้ออก ไม่นานก็มาถึงเบื้องหน้าของต้นไม้กอร์กอน
บนพื้น หนองน้ำกลายเป็นแห้งเหือด รากต้นไม้กอร์กอนเผยออกมา มันเพรียวบางและดูเรียบเนียน ราวกับเกล็ดของงู
เป็นต้นไม้แต่กลับมีสภาพแบบนี้ มันจะน่าสยองขวัญเกินไปแล้ว!
และภายใต้รากของต้นไม้ ปรากฏการดำรงอยู่ของบางสิ่งคล้ายกับหินสีเขียวเข้ม –นี่คือเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้กอร์กอน!
“จงมาหาฉัน”
ฉินเฟิงวาดมือ เมล็ดพันธุ์ลอยมาทันใด
แต่ในตอนนั้น จู่ๆก็พลันปรากฏกลิ่นอายอันน่าทึ่งฟุ้งออกมาจากสถานที่ห่างไกล
–ดูเหมือนว่าจะมีพวกตัวกินซาก คิดมาฉกชิงปลาจากแหของเขาแล้ว!!