โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 385

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

3/4

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.385 – สังหารหมู่

ผู้ใช้พลังทั้งหมดที่คอยซุ่มดูอยู่ในบริเวณใกล้เคียง เริ่มมุ่งหน้ามาทางฉินเฟิง

ทว่าสีหน้าของฉินเฟิงยังคงสงบไม่เปลี่ยนแปลง พลังสมาธิกวาดออกไปยังรากของต้นกอร์กอน เมล็ดพันธุ์นับร้อย ค่อยๆลอยขึ้นในอากาศทีละเมล็ดภายใต้พลังสมาธิของเขา

ไม่นาน ทั้งหมดก็มากองรวมกันอยู่เบื้องหน้าของฉินเฟิง จากนั้นทั้งหมดก็หายวับไป

ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ผู้ใช้พลังที่ซุ่มซ่อน ปรากฏออกมาจากในทิศทางต่างๆรอบกายฉินเฟิง

ฉินเฟิงมองไปที่คนเหล่านี้อย่างสงบ

ก็นั่นล่ะนะ ตำแหน่งของต้นไม้กอร์กอนมันไม่ใช่ความลับอะไร สุดท้ายแม้ป่านีลจะกว้างใหญ่ แต่มันก็ได้รับการสำรวจมานานปี สิ่งมีชีวิตที่ไม่เคลื่อนย้าย คงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไม่รู้

และการต่อสู้ของฉินเฟิงในครั้งนี้ก็มิได้จบลงอย่างรวดเร็ว ต้นไม้กอร์กอนใหญ่โต พละกำลังมหาศาล ฉินเฟิงไม่อาจเข้าไปใกล้ได้ ระยะเวลารบเลยยิ่งลากยาวนานออกไป

และเวลาดังกล่าว ก็นานพอที่จะให้คนอื่นๆไล่ตามมาทัน

กลุ่มแรกที่ปรากฏคือหนึ่งในทีมที่มีสมาชิกนับสิบ พวกเขามาถึงตั้งแต่ตอนเที่ยง

หลังจากนั้นก็มีคนมาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ปัจจุบัน มีผู้ใช้พลังเลเวล D อยู่ที่นี่กว่า 50 คน

จำนวนนี้ ถือเป็นตัวเลขที่เยอะมาก

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ใช้พลังเลเวล D ทั้งหมดในที่นี้ยังอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

ด้วยพลังสมาธิของฉินเฟิง จะเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่สามารถค้นพบพวกเขาได้ แม้คนเหล่านี้จะคิดว่าตนกลบซ่อนตัวตนเป็นอย่างดี หรือเปิดโล่พลังงานเพื่อบดบังการรับรู้เอาไว้แล้วก็ตาม

กว่า 50 ปรากฏกายขึ้นทันใด สายตาของพวกเขาเองก็ยังแสดงออกถึงความประหลาดใจ มองอีกกลุ่มซึ่งไม่ได้มาด้วยกัน

คนเหล่านี้ ล้วนมาจากเมืองรุ่งอรุณ เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้จักกัน

“แบล็คแบร์ คิดไม่ถึงเลยว่าพวกนายก็อยู่ที่นี่ด้วย”

“เหอ เหอ บาสซูน ไอ้จมูกสุนัข ได้กลิ่นที่ไหนก็โผล่ไปทุกที่เลยสินะ”

“เจ้าลิงเหลืองตัวนี้เป็นของฉัน ใครก็ตามที่กล้าขโมยมันไป ฉันจะทำให้มันกลายเป็นศพ!”

ในตอนนั้นเอง บางคนที่เดิมก้าวเท้าออกไปแล้ว และกำลังพุ่งไปชิงเมล็ดพันธุ์กอร์กอน พลันชะงักงัน ค่อยๆชักฝีเท้าถอยกลับมา

“มาร์ด ทำไมพวกเราโชคร้ายแบบนี้ นั่นมันคนจากองค์กรมืด สมาชิกกลุ่มแบล็คแบร์ , กลุ่มเคียวแห่งความตาย แล้วก็กลุ่มเดนตาย มากันพร้อมหน้าเลย!”

“พวกเราถอยกันเหอะ”

บางกลุ่มที่มีสมาชิกแค่ 2- 3 คนเอ่ยปาก เพราะพวกเขาเทียบไม่ได้เลยกับสามกลุ่มใหญ่ในที่นี้

อีกอย่าง พวกเขาเป็นสมาชิกของพันธมิตรมนุษยชาติ ที่มาที่นี่ เดิมก็เพื่อต้องการต่อรองราคาซื้อขายเท่านั้น ไม่เคยคิดถึงขั้นสังหารฉินเฟิง

ช่วงเวลานี้ สีหน้าของฉินเฟิงเริ่มหม่นลง บรรยากาศกลายเป็นอึมครึม

คนของทั้งสามกลุ่มเอาแต่ถลึงตาใส่กันและกัน คล้ายกับฉินเฟิงเป็นเต่าในไห ไม่อยู่ในสายตา จะต้มจะแกงอย่างไรก็ได้

มุมปากของฉินเฟิงยกสูงขึ้น แสยะยิ้มเย็น ดวงตาเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง ปลดปลดกลิ่นอายสังหาร

“ฉันจะนับถึงสาม พวกแกทุกคน ถ้ายังไม่ยอมจากไป ก็เตรียมรับความเสี่ยงที่ตนเป็นคนก่อได้เลย!”

น้ำเสียงของฉินเฟิง อัดแน่นไปด้วยกำลังภายในมหาศาล ส่งผ่านไปในอากาศ เสียดแทงเข้าหูของทุกคนจนเกิดเสียงหึ่งหึ่ง

“สาม!”

ฉินเฟิงตะคอกคำหนึ่ง

นักสู้ของทั้งสามกลุ่ม ทั้งหมดชะงักงัน เบนสายตามามองฉินเฟิง

“สอง!” ฉินเฟิงเอ่ยปากอีกครั้ง

ในช่วงเวลานั้นเอง คนจากสามกลุ่มองค์กรมืดก็ระเบิดความโกรธเกรี้ยวออกมา

“ฆ่ามัน!”

ทั้งหมดไม่รั้งรอให้ฉินเฟิงนับครบสาม ก็กระโจนเปิดฉากต่อสู้ทันที

ต้องไม่ลืมนะว่าฉินเฟิงเพิ่งต่อสู้เป็นเวลายาวนานกว่าหนึ่งวันหนึ่งคืน พลังสมาธิของเขาย่อมเหลือไม่มากแล้ว

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่า คนๆหนึ่ง แม้มีอบิลิตี้ที่ทรงพลัง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพละกำลังจะทรงพลังตามไปด้วย มีเพียงสองมือสองเท้า เมื่อถูกรุมล้อมโดยผู้คนจำนวนมาก พวกเขาไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถจัดการกับฉินเฟิงได้

ด้วยเหตุนี้ เมื่อเสียงประกาศสังหารดังขึ้น ฝูงชนที่แทบอดรนทนไม่ไหวอยู่แล้ว ก็เร่งกระโจนเข้าฆ่าฉินเฟิงทันใด

เพราะอะไรน่ะหรือ? เรื่องนี้คำตอบง่ายมาก เพราะใครก็ตามที่สามารถสังหารฉินเฟิงได้ก่อน และสามารถรับศพเขาไป นั่นเท่ากับอุปกรณ์รูนมิติได้ตกเป็นของคนๆนั้น!

เพื่อชีวิตอันสุขสบาย การแย่งชิงสมบัติกัน ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา!

พละกำลังของผู้ใช้ทักษะกายภาพเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว พื้นทุกจุดที่เขาย่ำเท้าลงปริร้าว ราวกับรถถังกำลังเคลื่อนที่ ส่งเสียงสะเทือนกึกก้อง

ทว่าการแสดงออกทางสีหน้าของฉินเฟิงกลับไม่แปรเปลี่ยน

ถึงจะสู้มาทั้งวันทั้งคืน แต่อย่าลืมสิว่าฉินเฟิงสามารถฟื้นตัวได้เร็วเพียงใด? เมื่อครู่ต้นไม้ยักษ์เพิ่งตายลง พลังงานของมันถูกดูดเข้าหาฉินเฟิง และนั่นเพียงพอที่จะช่วยฟื้นฟูความเหนื่อยล้าตลอดทั้ง 30 ชั่วโมงให้แก่เขา

ที่สำคัญก็คือ ร่างกายของฉินเฟิงมิใช่อยู่ในฐานะของผู้ใช้อบิลิตี้ แต่เขายังมีอีกสถานะคือผู้ใช้วรยุทธโบราณ! ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิงในตอนนี้ ต่อให้กำลังเหนื่อยล้า ก็ยังมากยิ่งกว่าผู้ใช้ทักษะทางกายภาพพวกนี้ซะด้วยซ้ำ!

ฉินเฟิงไม่เสียเวลาขบคิด เรียกมีดกษัตริย์ครามขึ้นมากุมในมือทันใด

“แส่นักก็ตายซะ!”

มีดกษัตริย์ครามตวัดออกไปอย่างโหดเหี้ยม

มีดเปลวเพลิงลุกโชน ยืดขยายออกไปกว่า 10 เมตร หั่นแยกผู้คนที่กำลังตรงเข้ามาออกจากกัน

ฉัวะ!

คนแรกที่เสนอหน้าเข้ามา ถูกผ่าออกเป็นสองซีกโดยฉินเฟิงในเสี้ยวพริบตา

กระทั่งคนที่ตามมาติดๆจากข้างหลัง ยังพลอยโดนลูกหลง ปลิวกระเด็นไปอีกทิศทาง

ฉินเฟิงก้าวสะอึกเข้าไปในฝูงชน ร่ายระบำสังหารหมู่ด้วยมีดเปลวเพลิงในมือ

“เถาวัลย์หนาม!”

ระหว่างตะลุมบอล หนึ่งในผู้ใช้อบิลิตี้ไม้พลันปลดปล่อยท่าอบิลิตี้ออกมา รูนมหาศาลเริ่มพรั่งพรู หมายจะโจมตีฉินเฟิง

“สมองแกมีปัญหาไปแล้วรึไง ลืมไปแล้วหรอว่าฉันเป็นผู้ใช้อบิลิตี้ไฟ แต่ยังกล้าใช้ไม้เข้าสู้?”

ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็นชา เขาไม่แม้จะหลบหนี ที่ขยับมีแค่การพลิกฝ่ามือเดียว

“ไสหัวไปให้พ้น!”

รัศมีเปลวเพลิงปะทุขึ้นรอบกาย แผดเผาเถาวัลย์เขียวเหล่านั้น เถาวัลย์มอดไหม้สลายไปทันที แสงสีเขียวกระพริบเล็กน้อย ถูกกลืนกินโดยรูนไฟของฉินเฟิง

ไม่เสียเวลารั้งรอ ฉินเฟิงปลดปล่อยกระบวนท่าอันโหดร้าย อาละวาดหนักมือยิ่งกว่าเดิม

“ตาย!”

มีดกษัตริย์ครามวาดผ่านลำคอของคนๆนั้นทันที

“ท่าร่างภูติพราย!”

ในเสี้ยววินาที ฉินเฟิงเหลือทิ้งไว้เพียงภาพติดตา สามารถเห็นได้แค่เพียงริ้วสีฟ้าลากยาวเป็นทางจากมีดกษัตริย์ครามที่กำลังลุกไหม้ และทุกคนที่สัมผัสกับริ้วนั้น ร่างของพวกเขาจะถูกแยกออกจากกันกลายเป็นศพครึ่งซีก

แข็งแกร่ง … แข็งแกร่งมากเกินไป!

ในชั่วเวลาไม่กี่วินาที กว่า 7 – 8 ก็นอนกองลงกับพื้น

และตามบาดแผลของทุกศพที่แน่นิ่งไป ล้วนกลายเป็นสีดำไหม้เกรียม จำต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งเลยทีเดียว เลือดถึงจะแทรกซึมจากรอยไหม้ ทะลักออกมาได้

ผืนดินที่ถูกอบจนแห้งแล้ง ได้รับน้ำหล่อเลี้ยงอีกคราว

ฝูงชนผวาตกใจ

พวกเขาชะลอการโจมตีลงโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าเกิดความลังเล ว่าจะต่อสู้กับปีศาจตนนี้ต่อไปดีหรือไม่?

ไม่ปล่อยให้พวกเขาถอย ฉินเฟิงยิ่งมายิ่งอาละวาดคลั่ง

“แมกมาโลกันต์!”

ชั่วพริบตาเดียว ในรัศมี 100 เมตร พื้นดินทั้งหมดกลายเป็นแอ่งลาวาโดยสิ้นเชิง

“อะไรกัน!”

“เทคนิคแมกมา นี่มันลาวา รีบหนีเร็ว!”

“อ๊าาา ฉันยังไม่อยากตาย!”

เนื่องจากแอ่งลาวาครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกว้าง ต่อให้พละกำลังของผู้ใช้ทักษะกายภาพจะฟิตแค่ไหน ไม่นานรองเท้าบูทของพวกเขาก็ละลายลงอย่างรวดเร็ว แต่ขณะเดียวกัน ร่างของบางคนก็เริ่มสาดแสงของรูน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาน่าจะสามารถต้านทานได้อีกสักพัก

และนั่นเพียงพอที่จะหลุดพ้นรัศมี ทว่าก็อย่างที่บอกไป ว่าฉินเฟิงไม่ยินยอมปล่อยให้พวกเขาหลบหนี!

ช่วงเวลาถัดไป ฉินเฟิงชักปืนสลายรังสีขึ้น มันคือปืนที่เขายึดมาได้ก่อนหน้านี้

ซี่ ซี่—

รังสีพลันฉายวาบ ยิงเข้าใส่ผู้ใช้อบิลิตี้ที่คิดหลบหนี

“ก้าวอัคคี!”

ฉินเฟิงเหินไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว ข้ามผ่านระยะทาง 100 เมตรราวกับสายฟ้าฟาด

มีดกษัตริย์ครามในมือ เก็บเกี่ยวชีวิตอย่างต่อเนื่อง

มากกว่า 30 คนที่เป็นถึงเลเวล D ผู้ทรงพลังอันแข็งกร้าว กลับมิอาจเป็นคู่ต่อสู้ให้กับฉินเฟิงได้เลย

ไม่ว่าจะเป็นในด้านความเร็ว , พละกำลัง และอบิลิตี้ เทียบกับฉินเฟิงแล้วพวกเขาก็แค่ไก่กา!

ในเวลาอันสั้นเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง ผู้ใช้พลังเลเวล D เหล่านี้ก็ไม่มีใครหนีพ้น ทั้งหมดถูกสังหารหมู่โดยฉินเฟิง!

“จงมาหาฉัน”

พลังสมาธิของฉินเฟิงเร่งเร้า ดึงเอาอุปกรณ์รูนมิติของคนเหล่านั้นเข้าหาตน รวมไปถึงรูนที่แปรสภาพเป็นลาวา เหลือทิ้งไว้เพียงพื้นดินดำไหม้เกรียม ….

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท