โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 390

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

4/4

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.390 – ร่วมมือกับเกาหยูคัง

สมรภูมิหลงฉวน มีสภาพแวดล้อมแตกต่างจากทะเลทรายทะเลเหนืออย่างสิ้นเชิง หากจะให้อธิบายอย่างจริงจัง มันค่อนข้างคล้ายกับป่านีล

แต่ระดับความอันตราย คงสูงกว่าสักสิบเท่าได้ พื้นที่ของหลงฉวน เชื่อมต่อกับเทือกเขานับไม่ถ้วน เนื่องจากมีการจัดตั้งสถานชุมชนรอบๆ เลยต้องมีการเติมชั้นป้องกันเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่ง แต่ก็เป็นแค่หมู่บ้านเล็กๆ ยังไม่ถึงขั้นเป็นเมือง

หรืออาจเรียกเป็นป้อมปราการก็ได้ ทั้งหมดตั้งเป็นฐานที่มั่นกระจายอยู่รอบๆสมรภูมิหลงฉวนถึง 9 ป้อม

ฉินเฟิงนำกองกำลังเลเวล D กว่า 40 คนขึ้นฮอลศึกสองลำขับตามกันมา ในที่สุดก็มาถึงเมืองใหญ่และเจริญรุ่งเรืองที่สุดในเขตนี้ –เมืองหลงฉวน!

ตำแหน่งที่ตั้งตามภูมิศาสตร์ เมืองหลงฉวนตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเขตสี่เมืองทะเลเหนือ ส่วนสมรภูมิหลงฉวน ตั้งอยู่ทางตะวันตกของตัวเมือง

การเดินทางในครั้งนี้ มีอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่กองกำลังเฟิงหลีร่วมเดินทางมาด้วยเช่นกัน

เป็นลู่หวันเปา!

เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงในปราการชาตง ลู่หวันเปาที่ข้ามผ่านประสบการณ์มามากมาย เลยเข้าใจดี ว่าหลังจากนี้ ธุรกิจที่นั่นของเขาคงไม่รุ่งเรืองอีกต่อไป และน่าจะถูกชิงกำไรไปโดยธุรกิจตลาดมืดใต้ดิน ดังนั้นจึงตัดสินใจกลับมายังหลงฉวน

อาศัยอิทธิพลของกลุ่มหวันซ่ง ลู่หวันเปาที่คอยทำหน้าที่ดั่งมือเท้าให้พวกเขา เลยได้รับการดูแลอย่างดี และพวกฉินเฟิงที่เดินทางมาพร้อมกันเลยพลอยได้รับผลอานิสงส์ไปด้วย

ฮอลศึกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเมือง แต่ให้ลงจอดในลานบินนอกเมืองหลงฉวน ฉินเฟิงวาดมือเก็บเมฆคราม ส่วนอีกลำที่เป็นฮอลของกลุ่มซ่งเฉิง เมื่อส่งผู้โดยสารถึงที่หมาย ก็ขับจากไปทันที

“ผู้จัดการลู่ ยินดีต้อนรับสู่หลงฉวน!”

ผู้ใช้พลังเลเวล E เมื่อเห็นลู่หวันเปาลงจากยานรบ ก็ก้าวเข้าไปทักทายทันที

ลู่หวันเปาพยักหน้า สักพักเอ่ยถามเขาว่า “แล้วเรื่องคาราวานรับส่งเล่า? ทุกคนเตรียมรถไว้พร้อมรึยัง”

ผู้ใช้พลังเลเวล E ยังคงรักษารอยยิ้มบนใบหน้า แต่ลึกในใจรู้สึกฉงน ว่าเหตุใดจึงมีเลเวล D ติดตามมามากมายขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม ในหลงฉวนเต็มไปด้วยผู้แข็งแกร่ง กระทั่งเลเวล C ก็สามารถพบเจอได้ เมื่อสายตาของคุณสามารถมองเห็นได้ไกลโพ้น เลยเป็นธรรมดาที่จะไม่รู้สึกแปลกใจจนเกินไป

“มิสเตอร์ฉิน ถ้าคุณพบเจออะไรดีๆในอนาคต อย่าลืมที่จะนึกถึงฉัน”

“ผู้จัดการลู่กล่าวเกินไปแล้ว ถึงเวลานั้น เกรงว่าคงเป็นผมมากกว่าที่ต้องการให้คุณช่วยตามหาวัตถุดิบดีๆ”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ด้วยความยินดี ด้วยความยินดี”

ทั้งสองสนทนากันอย่างถูกคอบนรถศึก

เนื่องจากใช้เวลานั่งบนฮอลศึกอยู่นาน ลู่หวันเปาเลยจัดการหาที่พักเป็นโรงแรมหรูให้กับฉินเฟิง เมื่อไปถึง แค่หน้าทางเข้าของมันก็ประดับประดาไปด้วยของเลอค่า ดูงดงาม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าข้างในจะขนาดไหน เทียบกับปราการชาตงแล้ว อย่างหลังสู้ไม่ได้เลย

คนอื่นๆทยอยกันเข้าไปพักผ่อน แต่ฉินเฟิงไม่

เขาเปิดอุปกรณ์สื่อสาร และติดต่อไปหาเกาหยูคัง

“ผู้การเกา ผมมาถึงหลงฉวนแล้ว”

เกาหยูคังแสดงออกถึงความสุขอย่างเห็นได้ชัด เขาเร่งกล่าว “งั้นออกมาเจอกัน พวกเราจะได้ปรึกษาเรื่องการร่วมมือ!”

“ตกลง”

ระหว่างฉินเฟิงกับเกาหยูคัง เวลานี้มันคือการร่วมมือกันจริงๆ ไม่เหมือนกับในตอนของฉินเฟิง , เฉินเซี่ยง และคนอื่นๆ

ฉินเฟิงกับไป๋หลี ออกเดินทางไปพบเกาหยูคัง

เกาหยูคังสั่งจองร้านอาหารที่ดีที่สุดในหลงฉวนเอาไว้เป็นพิเศษ มันตั้งอยู่ ณ อาคารที่สูงที่สุด ที่มีถึง 88 ชั้น

แน่นอน พวกเขาไม่ได้อยู่ชั้นบนสุด สองฝ่ายเจอกันในชั้นที่ 66 แต่ถึงอย่างนั้น หากเหลียวมองไปนอกหน้าต่าง คุณจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรวมของเมืองหลงฉวนได้ และเมื่อมองไกลออกไป ยังสามารถเห็นถึงเทือกเขาเตี้ยๆที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา

–เป็นเทือกเขาหลงฉวนที่รายล้อมไปด้วยพืชพรรณนับไม่ถ้วน และเต็มไปด้วยสัตว์กลายพันธุ์ดุร้าย!

การได้รับประทานอาหารในที่สูงเช่นนี้ ผสานไปกับบรรยากาศ และสภาพแวดล้อมโดยรอบ เกรงว่าผู้คนที่มาเยือนที่นี่เป็นครั้งแรก เป็นใครก็รู้สึกประทับใจ

ช่างหรูหราอะไรเยี่ยงนี้!

เกาหยูคังมาที่นี่อยู่บ่อยครั้ง เพราะเขาเป็นเลเวล C แม้ไม่แกร่งที่สุดในหลงฉวน ทว่ามิได้อ่อนแอ

ในหลงฉวน มีผู้ใช้พลังเลเวล B อยู่แค่ 4 – 5 คนเท่านั้น ทั้งหมดล้วนเป็นนายพลระดับสูง ส่วนเลเวล A มีไว้สำหรับผู้นำเมือง แต่ก็แค่ในนามเท่านั้น เขาปรากฏตัวขึ้นไม่บ่อยนัก หากสถานการณ์อยู่ในขั้นวิกฤตจริงๆ ก็สามารถใช้ตัวเชื่อมมิติเดินทางมาได้ตลอดเวลา

ด้วยเหตุนี้ ขุมกำลังของหลงฉวน หากคิดจะคำนวณ ถือเป็นอะไรที่ซับซ้อนมาก

“นี่คือเนื้อราชันย์กบเลเวล D ฉันตั้งใจเก็บมันไว้ให้พวกคุณเป็นพิเศษเลย”

“งั้นไม่เกรงใจละนะ” เจออาหารดีๆ ไป๋หลีมีความสุขมาก คว้ามีดกับส้อม เพลิดเพลินไปกับมันทันที

ฉินเฟิงยิ้มบาง แต่ไม่ได้หั่นกินอะไรมากมายนัก

เกาหยูคังโบกมือ เรียกบริกรรินไวน์แดง

“ลองชิมดูสิ”

ฉินเฟิงหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา ขยับมือวนๆมันเล็กน้อยด้วยท่วงท่าสง่างามระคนเกียจคร้าน ก่อนชูขึ้นเป็นสัญญาณขอบคุณเกาหยูคัง

“รู้สึกว่าช่วงนี้คุณจะตั้งใจฝึกไม่น้อยเลยสินะ” เกาหยูคังเอ่ยถาม

เขากับฉินเฟิงติดต่อกันไม่บ่อยนัก พบกันครั้งล่าสุด เขารู้สึกแค่ว่าฉินเฟิงคนนี้ ไม่เหมือนกับเด็กอายุ 17 ปี แต่ในการรับรู้ของเขา ปัจจุบันสัมผัสได้ว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งขึ้นมาก

“นั่นเพราะผมไม่สามารถเอาแต่หดหัวได้ โลกใบนี้จะมีอะไรดีไปกว่าสถานะของผู้ใช้พลัง และในบรรดาผู้ใช้พลัง มันจะมีอะไรดีไปกว่าสถานะผู้แข็งแกร่ง!”

มีแค่วิธีนี้เท่านั้น ที่จะช่วยสร้างโอกาสในการรอดชีวิตให้แก่ตนเองได้

“ฮ่าฮ่า!” เกาหยูคังหัวเราะขอบใจกับคำพูดของฉินเฟิง

“เอาล่ะ ผมว่าได้เวลาพูดเกี่ยวกับเรื่องความร่วมมือแล้ว” ฉินเฟิงกล่าวเข้าประเด็น

เกาหยูคังพยักหน้า และกล่าว “ตัวฉัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้จัดตั้งกลุ่มองค์กร แต่ก็มีกองทหารรับจ้าง น่าจะมีผู้ใช้พลังเลเวล D สัก 20 คน ไม่ด้อยไปกว่ากองกำลังขนาดใหญ่ และนี่คือสิ่งที่ฉันหมายตา”

เกาหยูคังคลิกลงบนอุปกรณ์สื่อสาร แล้วส่งให้ฉินเฟิง

ฉินเฟิงก้มลงดูวิดีโอ เขาพบว่ามันเป็นทะเลสาบผืนใหญ่ และภายในทะเลสาบ งูยักษ์ตัวยาวกว่า 100 เมตรค่อยๆโผล่ออกมา

บางทีมันอาจเป็น ‘มังกรเจียวหลง’ แต่ก็ยังบอกได้ไม่ชัดเหมือนกัน

“มันอยู่ระดับไหน?”

แม้สิ่งมีชีวิตในวิดีโอจะดูแข็งแกร่ง น่าเกรงขามอย่างเหลือเชื่อ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจสัมผัสถึงกลิ่นอายของมันได้อยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ในความคิดของฉินเฟิง เจ้าตัวนี้ไม่ง่ายแน่นอน

“ระดับจักรพรรดิเลเวล D”

ฉินเฟิงพยักหน้า นี่ค่อนข้างเป็นไปตามที่เขาคาดเดา

“เจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้ ผู้การรัฐน่าจะลงมือด้วยตัวเองได้” ฉินเฟิงกล่าว

เกาหยูคังพยักหน้า เอ่ยเสริม “แต่ฉันไม่อยากดำเนินตามรอยเดียวกันกับเฉิงต้าเฉิง”

จากนั้น เกาหยูคังคล้ายนึกอะไรบางอย่างออก เริ่มอธิบาย “รู้จักเฉิงต้าเฉิงรึเปล่า? เขาคือคนที่จัดตั้งกลุ่มต้าเฉิง เป็นคนที่เพิ่งสังหารจักรพรรดิสัตว์ร้าย แต่ตัวเองกลับอยู่ในสภาพกึ่งเป็นกึ่งตาย จริงสิ ฉันจำได้ว่า แก่นอบิลิตี้จักรพรรดิสัตว์ร้ายที่เขาได้มา คุณเป็นคนซื้อมัน”

ฉินเฟิงพอได้ยิน ก็เข้าใจถึงความหมายของเกาหยูคังทันที

“ที่แท้คุณก็ต้องการให้ผมช่วยขัดขวางคนอื่นๆ ไม่ให้มาแย่งเหยื่อใช่ไหม” ฉินเฟิงเอ่ยถาม

“ใช่ ฉันได้ยินมาว่าคุณสามารถสังหารซงจินควงได้ เลยคิดว่าน่าจะมีความแข็งแกร่งมากพอจะรับงานี้”

เกาหยูคังกล่าวต่อ “และหลังจากจบเรื่อง ฉันจะมอบส่วนแบ่งให้ 1/3”

“นั่นไม่เยอะเกินไปหน่อยหรือ” ฉินเฟิงท้วง

“ไม่หรอก ได้โปรดช่วยฉันด้วย”

ฉินเฟิงยิ้ม “โอเค ผมยินดีให้ความร่วมมือ”

ด้วยความแข็งแกร่งของฉินเฟิงในปัจจุบัน ให้เขาสังหารจักรพรรดิเลเวล D อาจยังไม่รู้ผลแน่ชัด เนื่องจากฐานะที่ตนเป็นมนุษย์ ในแง่พละกำลังย่อมเสียเปรียบ

ยิ่งไม่กว่านั้น ตลอดทั้งตัวของมังกรเจียวหลง ไม่ว่าส่วนไหนก็ล้วนเป็นสมบัติ แค่แก่นอบิลิตี้ของมัน ก็น่าจะมีราคาสัก 2 – 3 แสนล้าน รวมวัตถุดิบอื่นๆด้วยอย่างต่ำก็ 5 แสนล้าน

ฉินเฟิงได้ ⅓ นั่นเท่ากับเป็นเงิน 150,000 ล้าน

ตัวเลขนี้ สำหรับผู้ใช้พลังเลเวล D ถือว่ามหาศาลนัก

เห็นได้ชัดว่าเกาหยูคังประเมินฉินเฟิงไว้สูงลิ่ว

“ยอดเยี่ยม! หวังว่าความร่วมมือจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”

เกาหยูคังกล่าว ยกแก้วไวน์ขึ้น ชนกับแก้วฉินเฟิงเสียงดังแก๊ง

บรรลุสัญญาระหว่างลูกผู้ชายเสร็จสิ้น

ได้รับข้อตกลงที่ดี มื้ออาหารก็เป็นไปอย่างน่าพอใจ ฉินเฟิงชอบที่จะทำธุรกิจกับคนประเภทเกาหยูคังมาก แม้อีกฝ่ายจะเป็นชายที่หยิ่งผยอง แต่ก็เปิดเผยและซื่อสัตย์ หากเขาไปเกิดในสมัยโบราณ คนจำพวกนี้ย่อมไม่พ้นได้กลายเป็นนักรบผู้กล้าหาญ!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท