โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 399

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

4/5

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.399 – เริ่มทำตามแผน

พวกเขาเคยเห็นกับตาตัวเองมาแล้ว ว่าฉินเฟิงสามารถต่อกรกับหยานชูวได้

ร่างกลายพันธุ์ของหยานชูวเป็นสายเลือดไททัน ความแข็งแกร่งเกือบเทียบเคียงกับจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล D !

หากแค่นั้นยังช่วยการันตีความมั่นใจไม่พอ ฝั่งพวกเขายังมีไป๋หลี ผู้ครอบครองแส้ที่สามารถควบคุมอบิลิตี้มิติได้!

และจุดที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ ฉินเฟิงมิใช่คนที่ทำอะไรโดยไม่วางแผน

ดังนั้น เมื่อฉินเฟิงกล่าวว่ามีแผน พวกเขาก็จะเชื่อ –เชื่อว่าแผนของฉินเฟิงจะสำเร็จ!

“เตรียมกวาดล้างแมงมุมขาเหล็ก พวกเราจะยึดอาณาเขตนี้!”

“ขอรับหัวหน้า!”

ทุกคนขานรับเป็นเสียงเดียวกัน

ผู้ใช้วรยุทธโบราณ เรียกอาวุธที่เหมาะสมกับการต่อสู้ในครั้งนี้ออกมา มือปืนเองก็เช่นกัน ทั้งหมดกระจายกันจัดตั้งขบวนรบ

ส่วนฉินเฟิง เขายังคงปลดปล่อยรูนมืดปกคลุมทุกคนดังเดิม เพื่อป้องกันไม่ให้กลิ่นอายเล็ดลอด และถูกแมงมุมขาเหล็กจำนวนมหาศาลเข้ามารุมในคราวเดียว

แค่ก้าวเข้าไป ในสายตาของทุกผู้คน ปรากฏแมงมุมขาเหล็กเลเวล D ขนาด 5 เมตร รอบตัวมัน รายล้อมไปด้วยแมงมุมขาเหล็กเลเวล E อีกนับไม่ถ้วน

ตลอดทั้งหุบเขา ระโยงระยางไปด้วยใยแมงมุมน้อยใหญ่

ซี่!

ปืนพ่นไฟถูกยิงออกไป แผดเผาใยแมงมุมเหล่านั้น

แมงมุมขาเหล็กนับร้อยสังเกตถึงการเคลื่อนไหว สับขาทั้งแปดตรงมาปิดล้อมพื้นที่นี้ทันที

“พรมโลกันต์!”

ฉินเฟิงเริ่มลงมือ!

รัศมีหลายร้อยเมตร พลันถูกปกคลุมไปด้วยทะเลเพลิง

แมงมุมขาเหล็กขนาดใหญ่พ่นใยใส่กำแพงหุบเขา จากนั้นไต่ลงมาจากเบื้องบน

ฉินเฟิงยกมือ ยิงลำแสงเปลวเพลิงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เมตรสวนขึ้นไป สอยแมงมุมตัวนั้นลงมาทันที

อย่างไรก็ตาม นี่มันเพิ่งจะแค่เริ่มต้น

ต่อมา เมื่อตัวแรกปรากฏ ตัวอื่นๆก็เริ่มตาม –แมงมุมขาเหล็กตนแล้วตนเล่าห้อยลงมาจากเบื้องบน

ไป๋หลีสะบัดแส้มิติ แสงสีเงินสาดไสว ปิดกั้นพื้นที่เหนือหัวพวกเขา กองทัพแมงมุมจากเบื้องบนไม่สามารถบุกลงมาโจมตีได้อีกต่อไป

การสังหารหมู่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง!

ฉินเฟิงบุกลึกเข้าไปในหุบเขา เก็บเกี่ยวชีวิตของแมงมุมขาเหล็กไม่หยุดยั้ง

อบิลิตี้มืดกระจายออกไปทุกหนแห่ง ฉินเฟิงกลืนกินพลังงานจากแมงมุมที่ตายลง ทว่าอัตราการวิวัฒนาการทางกายภาพกลับเป็นไปอย่างเชื่องช้า

ก็อย่างที่บอกไป ยิ่งร่างกายยกระดับขึ้นมากเท่าไหร่ สัตว์ร้ายที่ต้องดูดกลืนพลังงานก็ยิ่งต้องแข็งแกร่ง ไม่ก็มีจำนวนมากขึ้นเท่านั้น!

แมงมุมขาเหล็กเหล่านี้ เป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อย

ไม่นาน ฉินเฟิงก็สามารถบุกลึกมาถึงตำแหน่งใจกลางหุบเขา ในสายตาปรากฏใยแมงมุมยักษ์เชื่อมโยงระหว่างสองฟากฝั่งกำแพงหุบเขา กว้างสุดยาวถึง 50 เมตร

“ฆ่า!”

ฉินเฟิงระเบิดเสียงคำรามสังหาร!

ผู้คนรอบกายเขากระโจนเข้าเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่ง แมงมุมนับไม่ถ้วนกรูเข้ามา ปิดกั้นเส้นทางของพวกเขามิให้ตรงไปข้างหน้า

ฉินเฟิงก้าวสะอึกออกมาจากฝูงชน เป็นหัวหอกนำหน้าสุด บุกตะลุยลึกเข้าไป ลึกเข้าไปหาแม่พันธุ์แมงมุม

ระยะห่างเริ่มลดหลั่นลง

300 เมตร

200 เมตร

จนกระทั่งถึงพิสัย 100 เมตร!

“เทคนิคมังกรไฟ!”

พลังสมาธิถูกเร่งเร้า มังกรไฟขนาดมหึมาทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า ใยของแม่พันธุ์แมงมุมขาเหล็กระดับราชันย์ถูกแผดเผาในคราวเดียว สุดท้ายมังกรไฟสามารถรุกเข้าถึงตัวแม่พันธุ์

เปรี้ยง!

มังกรไฟแตกตัว ระเบิดเข้าใส่แม่พันธุ์แมงมุมอย่างแรง

นี่คืออบิลิตี้ที่เกิดจากพลังสมาธิระดับจักรพรรดิเลเวล D ฉะนั้นทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง

“ร่างทรงนกยูง!”

นกยูงเพลิงฟ้าก่อร่างขึ้นในอากาศที่ว่างเปล่า แยกจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ พริบตาเดียวเพิ่มจำนวนนับสิบตัว!

ทั้งหมดโฉบซ้าย โฉบขวา สยายปีกพุ่งเข้าระเบิดใส่แม่พันธุ์แมงมุมขาเหล็กในจุดๆเดิม ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แม่พันธุ์แมงมุมมิอาจต้านทาน ถอยก้าวแล้วก้าวเล่า สุดท้ายตัดสินใจหันหลังคิดหลบหนี

แต่คนอย่างฉินเฟิง จะปล่อยให้มันหนีไปได้อย่างไร?

“พลุไฟสงคราม!”

กลิ่นอายกำลังภายในอันน่าพรั่นพรึงทะลักล้นออกมา

ตรงส่วนใบมีดพลันสาดแสง ปะทุขึ้นไปบนฟากฟ้า เจาะเข้าตรงหน้าท้องของแม่พันธุ์แมงมุมเลเวล D

จบชีวิตมันในคราวเดียว!

มอบความพ่ายแพ้ยับเยินแก่แม่พันธุ์แมงมุมระดับราชันย์!

ช่วงเวลาที่แม่พันธุ์ตาย กลิ่นอายของมันฟุ้งกระจายทันที กองทัพแมงมุมไม่คิดบุกตรงมายังที่นี่อีก กระเจิดกระเจิงไปตนละทิศทาง

ท่ามกลางหุบเขาใหญ่ ไร้ซึ่งการดำรงอยู่ของสัตว์ร้ายอย่างกะทันหัน หลงเหลือเพียงวัตถุดิบจากซากศพตามรายทาง กระจายไปทั่วบริเวณ

แสงบนท้องฟ้าเริ่มเหือดหาย ความมืดมาเยือน

“เก็บกวาดสนามรบ ติดตั้งทุ่นระเบิดให้พร้อม เราจะพักกันถึงเที่ยงคืนนี้ หลังจากนั้นเตรียมพร้อมโจมตี”

“รับทราบ!”

ไร้ซึ่งเสียงบ่นหรือคัดค้านจากฝูงชนสักแอะเดียว

ทั้งหมดเร่งจัดการตามคำสั่ง

ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด!

อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงส่งเสียงเตือน

พบว่าเป็นสายจากเกาหยูคัง

“ฉินเฟิง คุณบุกไปสังหารแม่พันธุ์แมงมุมขาเหล็กในหุบเขาอย่างงั้นหรือ?” เกาหยูคังเอ่ยถาม

“อ่าใช่ เป็นฝีมือผมเอง”

“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่แหละคือสิ่งที่ควรจะเป็น ด้วยความแข็งแกร่งของคุณ ขอแค่ใช้เวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกสักหน่อย ก็จะสามารถพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่เลเวล C ได้อย่างไม่ยากเย็น ถึงเวลานั้นคุณสามารถโค่นจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล D ได้อย่างแน่นอน ” เกาหยูคังคิดว่าฉินเฟิงเปลี่ยนใจ ไม่ต้องการบุกโจมตีจักรพรรดิช้างหวันเซี่ยงอีกแล้ว

ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มบาง แน่นอนเขามิได้บอกเกาหยูคัง ว่าที่ตนมาสังหารแม่พันธุ์แมงมุมน่ะ มันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการ

“จริงสิ กองกำลังของฉันกำลังออกทุ่งล่าพอดี และคิดว่าคราวนี้พวกเราจะต้องเข้าไปลึกกว่าทุกๆครั้ง เพื่อออกล่าจักรพรรดิสัตว์ร้าย เอาไว้ทางคุณเรียบร้อยเมื่อไหร่ พวกเราค่อยติดต่อกันอีกที ส่วนเรื่องส่วนแบ่งยังเหมือนเดิม”

“อืม เข้าใจแล้ว”

ทั้งสองสนทนากันเพียงเล็กน้อย ก็วางสายอุปกรณ์สื่อสารไป

เกาหยูคังอย่างไรก็ไม่ยอมเชื่อว่าเขากำลังจะไปสังหารระดับจักรพรรดิ และทางฉินเฟิงเองก็ไม่คิดอธิบายอะไร

เพราะเรื่องทั้งหมด เอาไว้ให้ตัวผลงานเป็นคนพูดเองก็แล้วกัน!

หนึ่งชั่วโมงต่อมา วัตถุดิบถูกเก็บกวาดเสร็จสิ้น

อีกสองชั่วโมงต่อมา ทุ่นระเบิดถูกฝังตามจุดที่กำหนดเรียบร้อย และมูลค่าของยุทโธปกรณ์ในครั้งนี้ มากถึง 50,000 ล้าน

อย่างไรก็ตาม กำไรที่จะได้กลับมาคือ 10 เท่าของการลงทุน ดังนั้นคุ้มค่าที่จะเสี่ยง

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ฉินเฟิงมั่งคั่งร่ำรวย สามารถนำเงิน 50,000 ล้านออกมาใช้จ่ายได้อย่างสะดวกสบาย

ช่วงเวลาเที่ยงคืน กองกำลังเฟิงหลีได้พักผ่อนกันคนละ 4 – 5ชั่วโมง พวกเขาสดชื่นและเปี่ยมไปด้วยพลัง ทั้งยังดูตื่นเต้นกันมาก

เพราะในครั้งนี้พวกเขาจะออกล่าจักรพรรดิสัตว์ร้ายด้วยกัน และมันไม่ได้อยู่ภายใต้การนำของผู้ใช้พลังเลเวล C

เป็นความท้าทายอันน่าตื่นเต้นเร้าใจ

ทั้งร่างของฉินเฟิงเอ่อล้นไปด้วยรูนมืด ทั้งตัวเขาราวกับถูกละลายหายเข้าไปในความมืดมิด

ตำแหน่งของโขลงช้าง เขาทบทวนจนจดจำมันได้แล้ว แต่ระยะทางมันห่างออกไปกว่าสามยอดเขา

อย่างไรก็ตาม แทบไม่ต้องเสียเวลาใดๆ ร่างของฉินเฟิงและไป๋หลีหายวับ ไปปราฏกกายขึ้นในตำแหน่งที่ต้องการทันที

ในความเป็นจริงแล้ว ที่จักรพรรดิช้างหวันเซี่ยงปกป้องสถานที่แห่งนี้ เป็นเพราะที่นี่มีสมุนไพรวิญญาณที่แสนหายากอย่างไม่น่าเชื่อ

–ต้นดึงดูดแสงจันทร์!

สมุนไพรวิญญาณชนิดนี้ ให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างพิเศษ

หลังจากรับประทานไปแล้ว ตราบใดที่ต้องแสงจันทร์ยามค่ำคืน พละกำลังจะเพิ่มพูนขึ้นเป็นอย่างมาก ความเร็วไปในฝึกฝนเองก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

และเอฟเฟกต์นี้ของมัน อาจให้ผลลัพธ์ถาวร!

ในเครือข่ายนักสู้ ครั้งหนึ่งเคยมีคนได้รับต้นดึงดูดแสงจันทร์ และสามารถคงเอฟเฟกต์ของมันได้ยาวนานถึง 20 ปี!

อย่างไรก็ตาม เจ้าสิ่งนี้มิได้เพิ่มพูนประสิทธิภาพในการต่อสู้โดยตรง และอีกอย่างต้นดึงดูดแสงจันทร์มักขึ้นอยู่ในสถานที่ห่างไกล สำหรับมนุษย์แล้วมันไม่คุ้มค่าให้สนใจ

ด้วยเหตุนี้เอง จักรพรรดิช้างหวันเซี่ยงเลยทรงพลังเป็นอย่างมาก เพราะมันกินต้นดึงดูดแสงจันทร์ที่ไม่มีใครสนใจ!

ฉินเฟิงกับไป๋หลีเดินฝ่าโขลงช้าง ภูมิประเทศแถบนี้เป็นที่ราบ ไม่ค่อยลาดชันมากนัก มันเหมือนเป็นหุบเขาอันกว้างขวาง ที่มีช้างยักษ์นับพันมารวมตัวกัน กระทั่งต้นไม้ใหญ่ก็ไม่อาจบดบังร่างมโหฬารของพวกมันได้

แรงกดดันของพวกมัน ชวนให้ยากจะหายใจ

อย่างไรก็ตาม แรงกดดันนี้ สำหรับฉินเฟิงและไป๋หลีแล้ว ไม่นับว่าเป็นสิ่งใด

“มีของดีอยู่ที่นี่ด้วย”

ไป๋หลีสูดกลิ่นอายที่หลงเหลืออยู่ในอากาศ ก่อนจะวูบบบบ!กาย หายวับไป

ขณะเดียวกัน ลำแสงสีขาวของต้นดึงดูดแสงจันทร์ที่คอยสาดไสวอยู่กลางป่า ก็หายไปเช่นกัน

ทันทีที่ไป๋หลีหายตัวไป ลำแสงสีขาวก็หายไป

ทันในนั้นเอง ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว กำลังมุ่งตรงมาทางเขา

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท