โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 403

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

3/5

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.403 – กองทัพกริมทำลายล้าง

“ฉินเฟิง ถ้ายังว่างมีเวลาพูด ก็รีบมาช่วยกันกำจัดจักรพรรดิสัตว์ร้ายเถอะ!”

“ไป๋หลี!”

ฉินเฟิงตะโกน ไป๋หลีเข้าใจได้โดยอัตโนมัติว่าฉินเฟิงต้องการให้เธอทำอะไร เด็กสาวย่ำพื้น กระโจนออกไป ว่องไวดั่งสายฟ้าจนเห็นแค่เงา ง้างหนึ่งหมัดซัดเข้าใส่ร่างของจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล D

ระเบิดอำนาจอย่างมิคิดเก็บงำ พละกำลังของจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล C ปะทุออกจากกายมนุษย์

ปงงงงง!

เพียงเสี้ยวพริบตา ทั้งตัวทั้งร่างของจักรพรรดิสัตว์ร้ายถูกซัดกระเด็น ลอยฟ้าปลิวลิ่วไปไกลนับ 100 เมตร

ไป๋หลีดีดตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง ง้างแขนและฟาดเข้าให้อีกหนึ่งหมัด

ปงงง!

สัตว์ร้ายปลิวไปอีก 100 เมตร

เพียงอึดใจ ไป๋หลีก็ลากเอาจักรพรรดิสัตว์ร้ายทิ้งห่างไปไกลแล้ว คนอื่นๆเริ่มไล่ตามเธอไป

และคนอื่นๆที่ว่า นับรวมเล่ยหยิงและพรรคพวกของเขาเช่นกัน

–วัตถุดิบจักรพรรดิสัตว์ร้าย ใครบ้างเล่าไม่อยากจับจองเป็นเจ้าของ!

บนท้องฟ้า ช่องว่องมิติขนาดยักษ์ คือภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

เมืองลอยฟ้ายังคงเคลื่อนที่ออกจากมิติอย่างต่อเนื่อง

สิ่งปลูกสร้างมหึมาเช่นนี้ ดูน่าขวัญผวายิ่ง

พื้นที่ของมันเทียบเท่าได้กับสถานชุมชนขนาดเล็ก ยังไงก็ตาม นี่คือสิ่งปลูกสร้างเดียว และหากมันลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า อย่างไรย่อมตกเป็นเป้าสายตา

ยังไม่พอ เมืองลอยฟ้าที่กำลังเคลื่อนฝ่ามิติมายังโลกมนุษย์ ภายในมัน เริ่มปรากฏร่างเงานับไม่ถ้วน ทั้งหมดทยอยกันบินออกมาจากเมืองลอยฟ้า

เป็นกริม! พวกกริมคือสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาพร้อมกับปีก ครอบครองโครงกระดูกที่สามารถยืดหดได้ ยามสยายปีก ผิวหนังส่วนที่เชื่อมติดกับมัน จะดูประหลาดตาอย่างไม่น่าเชื่อ

แม้รูปลักษณ์โดยรวมจะเหมือนมนุษย์ก็ตาม แต่รูม่านตาของพวกมันกลับมีขนาดใหญ่ ไม่ต่างจากลูกปิงปอง มองอย่างไรก็ประหลาดพิกล

หากพวกมันปรากฏตัวขึ้นช่วงก่อนยุคโลกาวินาศ การดำรงอยู่เช่นนี้ คงมิแคล้วถูกเรียกว่ามนุษย์ต่างดาว

แต่ในปัจจุบัน ทุกคนต่างทราบดี ว่านี่คือเผ่าพันธุ์ทรงภูมิปัญญาจากอีกมิติหนึ่ง!

ไม่เพียงครอบครองภูมิปัญญา แต่ความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์กริม ก็ทรงพลังไม่แพ้กัน!

พวกมันส่งเสียงฟังไม่ได้ศัพท์หากันและกัน แล้วจู่ๆก็เลือกเป้าหมายได้ในทันที

–และเป้าหมายของพวกมัน ดันเป็นกลุ่มของฉินเฟิง!

มนุษย์ในสายตาของเผ่ากริม คือเผ่าพันธุ์ด้อยสติปัญญา

กริมถลาลงมา

เวลานี้ พวกมันมีอย่างน้อยสามทีม ทีมละประมาณ 10 ตัว แต่ประเด็นก็คือ ทุกตัวล้วนมีระดับความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล C !

“อ๊าาา สัตว์ประหลาด”

“หนีเร็ว!”

“พวกมันกำลังไล่ล่าเรา!”

ภายในสนามรบ มือปืนยังไม่ได้เก็บข้าวของและจากไป ดังนั้นตกเป็นเป้าหมายแรกของพวกกริม

มือปืนเลเวล D ถูกทหารกริมโฉบลงมาคว้าคอเอาไว้ทันที เขาพยายามดิ้นรนขัดขืนอย่างหนัก ปืนสลายพลังงานในมือถูกลั่นไก สาดรังสีแสงน่าหวาดหวั่น ยิงแสกลงบนร่างกริม

หึ่งงงง!

ร่างของกริมปลดปล่อยโล่พลังงานออกมา ปกป้องตัวมันไว้ได้อย่างสมบูรณ์

ยังไงก็ตาม เมื่อเห็นว่าตนถูกเลเวล D โจมตี กริมก็รู้สึกโกรธขึ้นมา

กร๊อบ!

กระดูกคอของมือปืนเลเวล D ถูกบีบจนแหลกโดยตรง!

นี่ล่ะหนอชีวิต บางครั้งช่างเปราะบางอย่างไม่น่าเชื่อ มือปืนเลเวล D จบชีวิตลงอย่างไม่ทันตั้งตัว

วินาทีนั้น ดวงตาของมือปืนโดยรอบพลันกลายเป็นสีแดงฉาน พวกเขาไม่อาจทำใจเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น

พรรคพวกถูกสังหารลงได้อย่างง่ายดาย!

ทว่าความโกรธแค้นในดวงตาของพวกเขา เหมือนจะเป็นแค่อารมณ์รอง เพราะที่สะท้อนอยู่ในแววตาจริงๆ คือความหวาดกลัวซะมากกว่า

–หวาดกลัวสิ่งมีชีวิตที่ทั้งฉลาดและแข็งแกร่งเหล่านี้!

พวกเขาต้องการจะหลบหนี แต่ก็ถูกพวกมันฆ่าในพริบตา

ห้ามือปืนที่เป็นลูกน้องมากความสามารถของเกาหยูคัง จบชีวิตจนสิ้น

กองกำลังของเกาหยูคังแท้จริงแล้วมีเพียง 20 คน แม้เกาหยูคังจะสามารถระดมคนมาได้มากกว่านี้ แต่ทั้งหมดต้องถูกส่งตรงและว่าจ้างจากพันธมิตรมนุษยชาติ

ขณะที่มือปืนทั้งหมดที่ตายลง คือสมาชิกทหารรับจ้างของเกาหยูคังจริงๆ

สูญเสีย! เป็นการสูญเสียที่ร้ายแรงเกินไป!

สมาชิกหายไปถึง 5 คน เกาหยูคังกลายเป็นเดือดดาล

“ไอ้สารเลว!”

“ผู้การรัฐเกา สงบใจลงก่อน ทุ่มเทเวลาทั้งหมดกับการหลบหนีซะ หรือว่าคุณจะปล่อยให้คนเหล่านั้นต้องตายเปล่า?”

ฉินเฟิงตวาดรุนแรง คราวนี้พลังเสียงของเขามันแฝงไว้ซึ่งกำลังภายใน ดังสะท้านอึกทึก

ดวงตาของเกาหยูคังยังคงแดงก่ำ แต่ระลอกคลื่นในแววตาของเขาสงบลงแล้ว เจ้าตัวกัดฟัน ตะโกนเพียงสั้นๆคำเดียวว่า “ถอย!”

สมาชิกผู้ใช้วรุยทธโบราณที่เหลืออยู่ ไม่รอช้ารีบทำตามคำสั่งทันที

“เรียกเมืองหลงฉวน! เรียกเมืองหลงฉวน! ช่องว่างมิติขนาดใหญ่จู่ๆก็ปรากฏขึ้น ระดับความอันตรายคือ A โปรดเร่งปิดช่องว่างโดยเร็ว รีบปิดมันเร็วๆเข้า!”

เกาหยูคังตะโกนใส่อุปกรณ์สื่อสาร

ขณะนี้ ทุกสิ่งมีชีวิตต่างหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอด ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ในเทือกเขาหลงฉวน หรือกระทั่งสัตว์ร้าย

ทางไป๋หลี เธอยังคงซัดหมัดเข้าใส่จักรพรรดิสัตว์ร้ายอย่างสนุกสนาน ส่งตัวมันลอยไปข้างหน้าเรื่อยๆราวกับกำลังเลี้ยงลูกบอล สุดท้ายเมื่อมันตาย ศพก็ถูกจับโยนลงในพื้นที่มิติของเธอ

เวลานี้เกาหยูคังและสมาชิกคนอื่นๆไม่มีเวลาสนใจจักรพรรดิสัตว์ร้าย ทุกคนต่างวิ่งหลบหนี

แต่ไม่ว่าผู้คนจะวิ่งเร็วแค่ไหน สองเท้าคงมิอาจสู้สองปีก

กริมกระพือปีกบินเข้ามา คว้าจับตัวผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D คนหนึ่งได้อย่างรวดเร็ว

กริ๊ก กริ๊ก กริ๊ก

ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D โดนบิดกระดูกแขนขาจนแตกร้าว และถูกเหวี่ยงโยนทิ้งป่าข้างทาง ดูเหมือนว่าพวกมันไม่คิดจะสังหารเหยื่อให้ตายในทันที แต่อยากให้เหยื่อดิ้นรนอย่างถึงที่สุด นี่ราวกับเป็นเกมล่าสัตว์

พวกกริมทั้งหมดหัวเราะเสียงดังฟังดูน่าขนลุก สำหรับพวกมัน การไล่ล่าเช่นนี้ ถือเป็นความบันเทิงชนิดหนึ่ง ที่มีไว้ใช้ละเล่นกับสิ่งมีชีวิตอื่น!

“ไอ้พวกระยำ!”

เกาหยูคังเมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม

กริมตัวหนึ่งถลาตรงมายังสมาชิกผู้ใช้พลังที่อยู่ข้างๆเกาหยูคัง

เกาหยูคังระเบิดโจมตีเข้าใส่ทันที

ปัง!

กำลังภายในอันทรงพลานุภาพระเบิดออก อาวุธในมือเขา อัดฉีดไปด้วยอำนาจอันน่าสะพรึง โล่พลังงานของกริมตัวนั้นแหลกสลายลงทันที

“ชีวิตแลกชีวิต!”

เกาหยูคังคำรามโกรธเกรี้ยว ปรารถนาสุดแสนจะสังหารศัตรูตรงหน้า

กริมตัวอื่นๆตระหนักถึงความผิดปกติ สีหน้าของพวกมันกลายเป็นตกใจ ทั้งยังโกรธแค้น ทั้งฝูงต่างพากันพุ่งตรงมายังทิศทางเดียว

“โอบกอดทมิฬ!”

หมอกทะมึนน่าสยองเกล้า ฟุ้งปกคลุมในรัศมี 100 เมตรทันที

ท่ามกลางความมืดมิด ที่มองไม่เห็นกระทั่งนิ้วมือ วิสัยทัศน์โดยรอบล้วนถูกปิดกั้น

แต่ฉินเฟิงสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้ในความมืดมิด ทั้งยังควบคุมรูนมืดรอบๆเกาหยูคัง ให้เขายังมองเห็นทาง

“ผู้การรัฐ รีบหนีเถอะ เร็วเข้า”

ฉินเฟิงปรากฏตัวขึ้นข้างกายเกาหยูคัง คว้าจับแขนอีกฝ่าย บังคับลากจากไป

เกาหยูคังต้องการจะต่อสู้กับกริมเหล่านั้น แต่พยายามดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุดจากการการควบคุมของฉินเฟิง ช่วงเวลานี้ เขาถึงค้นพบว่า พละกำลังของฉินเฟิงแข็งแกร่งกว่าตนมากนัก

ทั้งสองหลบหนีออกจากอาณาเขตหมอกมืดอย่างรวดเร็ว แต่ในพริบตา กริมอีกตัวหนึ่งจากด้านหลังก็ไล่กวดเข้ามา

ยังไม่หมดเท่านี้ เมืองลอยฟ้าเบื้องบน ในจุดที่ห่างออกไป ยังปรากฏคู่ปีกอีกนับพันสยายออก และเริ่มบินลงมา

หากลองมองย้อนกลับไป ฉากนี้คงทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง

“เร็วเข้า รีบเข้าไปในยอดภูเขาหาน!” เกาหยูคังตะโกน

ยอดภูเขาหาน มีอุปกรณ์มิติที่ถูกควบคุมโดยเมืองนุ่ยเหมิงอยู่ บนนั้นมีลมหนาวพัดตลอดทั้งปี เลยสามารถช่วยใช้ฝึกฝนพลังสมาธิได้

และเนื่องจากเมืองนุ่ยเหมิงเป็นเมืองภายใต้การปกครองของเกาหยูคัง ดังนั้นเขาเลยสามารถใช้งานมันได้ ขอเพียงมีพิกัดมิติ และอุปกรณ์จำเป็นอีกไม่กี่ชิ้น ก็จะสามารถสร้างประตูมิติได้

“บอส แต่เกรงว่าเวลาจะไม่พอ … ”เจิ้งเฉียนเอ่ยด้วยความกังวล

“นั่นสิบอส แถมพวกมันยังออกมาจากช่องว่างมิติที่ขนาดใหญ่ เทคโนโลยีมิติของพวกมัน เห็นได้ชัดว่าก้าวหน้ากว่าพวกเรา ถ้าหากรอบๆมีสนามพลังกีดกั้นมิติล่ะก็ ..”

“ฉันยังไม่อยากตาย ยังไม่อยากตาย!”

แม้ทุกคนจะใช้ออกด้วยวิชาตัวเบา เพิ่มความว่องไวให้แก่ตน แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสลัดหลุดพวกกริมที่อยู่เบื้องหลังได้

ผู้ใช้พลังเลเวล D เริ่มถูกจับตัวทีละคน ทีละคน

พวกเขายังไม่เร็วมากพอ!

ในทางตรงกันข้าม เล่ยหยิงกับพรรคพวกอยู่เบื้องหลัง ได้หลบหนีหายไปแล้ว ไม่เห็นแม้เพียงเงา

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท