โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 409

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

4/5

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.409 – ขึ้นสู่เลเวล D5

ลูกบาศก์สีเงิน หดแคบลงอีกระลอก

กระทั่งเหลือแค่ 30 เซนติเมตร!

นี่คือขอบเขตต่ำสุดที่ร่างกายของมนุษย์จะสามารถหดได้

กริมก็เป็นกรณีเดียวกัน

โผล๊ะ!

กริมที่อยู่ในลูกบาศก์ราวกับมะเขือเทศถูกขย้ำ ตัวระเบิดแตก กลายเป็นโคลนเหลว

ต่อมา ลูกบาศก์มิติก็สลายไป หลงเหลือเพียงแอ่งเลือดบนพื้น

แน่นอน แก่นพลังงานขนาดเท่ากับราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล C ถูกไปหลีคาบไปทันที

พวกกริมที่ยังเหลือรอด อ้าปากค้างตะลึงงัน

“รองหัวหน้า!”

“อ๊า นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน”

“รองหัวหน้าตายแล้ว!”

ชาวกริมสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัว ผู้แข็งแกร่งของพวกมันตายลงอย่างง่ายดาย ขวัญกำลังใจดิ่งลงเหว

เดิมที แค่เมืองลอยฟ้าระเบิดก็โชคร้ายมากพอแล้ว แรงระเบิดน่ากลัวว่าจะมีผู้เสียชีวิตถึงหลายแสนตน แต่ตอนนี้ จู่ๆกลับปรากฏสัตว์ร้ายโผล่ออกมา แล้วสังหารรองหัวหน้าไป

ค่ายกริมพังล่มสลายลงโดนสมบูรณ์

พวกมันไม่คิดจัดทัพตอบโต้กลับอีกต่อไป ไป๋หลียิ่งสามารถอาละวาดได้อย่างอิสระ เพียงย่ำเท้าลงก็บดขยี้ศัตรูได้อย่างสิ้นเชิง

ฝูงกริมแตกกระเจิง

ฉินเฟิงถ่ายสิ่งเหล่านี้ไว้ จากนั้นก็ค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้สนามรบมากขึ้นเรื่อยๆ ตรงไปยังตำแหน่งที่พวกกริมเก็บสิ่งของ รวบเอาเครื่องจักรระดับสูงทั้งหมดเข้าสู่พื้นที่มิติตนในคราวเดียว!

สิ่งเหล่านี้ได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก แต่หากนำไปศึกษาวิจัย คุณจะสามารถสร้างเครื่องจักรที่น่าขนพองสยองเกล้า อานุภาพทำลายเหนือยิ่งกว่าเลเวล C ได้

รู้หรือไม่ว่ามือปืนที่สามารถก้าวขึ้นสู่เลเวล C หรือสูงกว่ามีจำนวนน้อยลง น้อยลงเรื่อยๆ เพราะมันเป็นเรื่องยากมากที่จะเพิ่มพูนพลังสมาธิไปถึงระดับนั้น และอาวุธปืนก็เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้อาจมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่แนวคิดใหม่ๆเพื่ออนาคตของพันธมิตรมนุษยชาติ

แน่นอน บางทีเมืองลอยฟ้าอาจจะดีกว่า อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงตระหนักดี ว่าซากเมืองลอยฟ้าสุดท้ายแล้วจะตกอยู่ในเงื้อมมือของคนเพียงคนเดียว ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้แตะต้องมัน

ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ฉินเฟิงไม่สามารถทำอะไรได้ในตอนนี้ ดังนั้นไม่เก็บมาใส่ใจ เจ้าตัวคิดเพียงว่า หากนำเทคโนโลยีนี้ไปศึกษาเอง หรืออาจขายมันให้แก่พันธมิตรมนุษยชาติ อาจได้รับเงินตอบแทนเป็นจำนวนมหาศาล

ฉินเฟิงเดินเข้าไปในค่ายที่พวกกริมกำลังหลบหนีโกลาหล ระหว่างทางลอบเก็บเกี่ยวชีวิตกริมไปอีกหลายตน ทั้งยังเก็บแก่นพลังงานของพวกมันมาเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม พวกมันน่ะมีปีก ดังนั้นหากกางปีกแล้วกระจายกันหลบหนี คงเป็นเรื่องยากที่จะจับกุม

ไป๋หลีฟาดกรงเล็บ ทว่าเลือดกลับไม่ติดอยู่ในกรงเล็บของมันเลย ดันกลายเป็นภูเขาทั้งลูกเสียเอง ที่ถูกย้อมไปด้วยสีแดง จากฝูงกริมที่กำลังบินหลบหนี

จากนั้น ไป๋หลีก็สะบัดหางของเธอ พุ่งตัวไกลออกไป

ฉินเฟิงปิดบันทึกอุปกรณ์สื่อสารของเขา

ทั้งสองล่าถอยออกจากสนามรบ

ห่างออกมานับหมื่นเมตรจากค่ายที่พวกกริมถูกทำลาย และแตกกระเจิงหลบหนีไป ฉินเฟิงกับไป๋หลีหลบซ่อนตัวอยู่ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง เริ่มต้นนับสินสงคราม

หากไม่นับเครื่องจักรจำนวนมากที่ไม่สามารถใช้งานได้ในตอนนี้แล้ว ที่เหลือ แน่นอนย่อมเป็นแก่นพลังงานของพวกกริม

อย่างไรก็ตาม มิติที่พวกกริมอาศัยอยู่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นอย่างสูง การใช้มิติมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก แต่ในพื้นที่มิติของพวกมันไม่ค่อยจัดเก็บสิ่งของอะไรเอาไว้เลย ตรงจุดนี้ทำเงินให้ฉินเฟิงน้อยมาก

ถึงกระนั้น แก่นพลังงานเกือบสามพันแก่นของมัน ยังถือเป็นจำนวนมหาศาลอยู่ดี

กร้วม กร้วม

ไป๋หลีใช้ฟันบดแก่นพลังงานของรองหัวหน้าที่ตนเพิ่งสังหาร แล้วกลืนลงท้องไป

จากนั้น ก็หยิบแก่นพลังงานธรรมดาอีกก้อนขึ้นมากินและกลืนลงท้องอีกรอบ

“นี่ไม่อร่อยเลย พลังงานของมันต่ำเกินไป”

“ถ้าเธอไม่ต้องการก็ยกให้ฉันเถอะ” ฉินเฟิงกล่าว

เดิมที เขาคิดว่าแก่นพลังงานที่เทียบเท่าได้กับนายพลสัตว์ร้ายเลเวล C ทั้ง 3,000 ชิ้นนี้จะมีคุณภาพมากพอที่จะรองรับความอยากอาหารของไป๋หลีได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่

เมื่อเป็นเช่นนั้น เขาก็ขอนำมันมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งในปัจจุบันของตนแล้วกัน

เพราะตั้งแต่ที่ก้าวขึ้นสู่เลเวล D การยกระดับแต่ละครั้งมันช่างยากเย็น

ไป๋หลีนำแก่นพลังงานที่เก็บได้ออกมา วางตรงหน้าฉินเฟิง กองรวมกันเป็นภูเขาขนาดเล็ก

จากนั้น ไป๋หลีก็หยิบเหยื่อที่ใช้ล่อจักรพรรดิช้างหวันเซี่ยงออกมา เป็นต้นดึงดูดแสงจันทร์ มันยังคงเหลืออีกสามต้น ทั้งหมดยกให้ฉินเฟิง

ฉินเฟิงจัดการกับแก่นพลังงานก่อนเป็นอย่างแรก

“พลังพิเศษดูดกลืน!”

ฉินเฟิงยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ อบิลิตี้ดูดกลืนของเขาก็ยังสำแดงอำนาจได้น่าสะพรึงมากเท่านั้น

แก่นพลังงานเดิมทีต้องผ่านกระบวนการจากเครื่องจักรบางอย่าง มันจึงจะบริสุทธิ์ และสามารถใช้ดูดซับได้ แต่ฉินเฟิงไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนเหล่านั้น

ยังไม่พอ พลังพิเศษกลืนกินยังทำงานได้เป็นอย่างดี ชนิดสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

แก่นพลังงานสูญเสียประกายแวววาวของมันไปทันที บ่งบอกว่าถูกสกัดเสร็จสิ้น จากนั้นก็เกิดรอยปริร้าวบนตัวมัน และแตกละเอียดเป็นผงในพริบตา

ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่ถึงนาที แก่นพลังงานก็ทยอยกันแตกลงแล้ว

เพียงห้าชั่วโมง กว่า 3,000 แก่นพลังงานของเผ่ากริมก็แตกละเอียดเป็นผงจนหมดสิ้น

ร่างกายของฉินเฟิง ในที่สุดสามารถยกระดับไปได้อีกขั้น

ก้าวขึ้นสู่เลเวล D5 !

อย่างไรก็ตาม นี่ยังไม่จบ ฉินเฟิงหยิบต้นดึงดูดแสงจันทร์ขึ้นมา ภายในมันกักเก็บไปด้วยพลังงาน สามารถแปรสภาพเป็นกำลังภายในได้!

ก่อนหน้านี้ฉินเฟิงกัดไปคำหนึ่ง มันก็ถูกกลั่นและไหลลงสู่ตันเถียน

ตอนนี้ สมุนไพรทั้งสามต้น ถูกฉินเฟิงดูดซับอย่างรวดเร็ว

หากเป็นคนอื่นๆคงต้องกลั่นมันก่อน และทำตามขั้นตอน แต่ฉินเฟิงสามารถดูดซับมันผ่านพลังพิเศษได้โดยตรง

พลังพิเศษดูดกลืน สูบพลังจากต้นดึงดูดแสงจันทร์ และแปรสภาพพลังให้กลายเป็นของตัวเองทันที

กำลังภายในรูปแบบของเหลวเพิ่มขึ้นในตันเถียนอีกห้าแอ่ง

“ฟู่ว!”

ฉินเฟิงผ่อนลมหายใจออกมาเป็นควันขุ่นมัว ลืมตาขึ้น

การดูดซับต้นดึงดูดแสงจันทร์ เมื่อเทียบกับเวลาดูดซับจากแก่นพลังงานแล้ว มันใช้เวลาน้อยกว่ามาก

ฉินเฟิงก้มลงมองเวลา พบว่าเป็นตอนเที่ยงแล้ว

“ไป๋หลี กลับกันเถอะ”

“อื้ม! ดีเหมือนกัน กลับไปฉันขอกินเนื้อนะ”

“เจ้าแมวน้อยจอมตะกละ” ฉินเฟิงยิ้ม

ไป๋หลีเบ้ปากไม่พอใจ “ฉันเป็นจิ้งจอก ไม่ใช่แมว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า โอเค โอเค จิ้งจอกน้อยจอมตะกละ!”

“มันก็ยังฟังดูแปลกๆอยู่ดี”

ทั้งสองหัวเราะและหยอกล้อกัน เปิดประตูมิติ และกลับไปยังสถานชุมชนหลงฉวนที่ 3

หลังจากออกมา เวลาก็ผ่านไปเป็นสิบชั่วโมงแล้ว สถานชุมชนดูโล่งขึ้นกว่าเดิมมาก ตามท้องถนน สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอ้างว้าง และยังรับรู้ได้อย่างเลือนลางถึงสายตาที่มองมาจากในที่ลับ

นี่น่าจะเป็นพวกผู้ใช้พลังที่ซ่อนตัวเตรียมซุ่มโจมตี

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สงครามยังไม่ปะทุ ความระมัดระวังของพวกเขา ยังไม่สูงถึงขนาดนั้น

บางทีอาจจะไม่สนใจฉินเฟิงซึ่งเป็นแค่เลเวล D คนหนึ่งด้วยซ้ำ!

เพราะอย่างไรเสีย คนส่วนใหญ่ในที่นี้คือเลเวล C

ในความเป็นจริง ช่วงวันที่ผ่านมา คนเหล่านี้ บางคนเริ่มร้อนใจ ถึงสถานการณ์ตรงหน้าอาจดูไม่เลวร้ายนัก แต่การรอคอยนั้นเป็นเรื่องยากเสมอ

“นั่นมันฉินเฟิงไม่ใช่หรอ? คนที่มีปัญหากับเล่ยหยิงน่ะ”

“อ้าว เขาเป็นแค่เลเวล D เฉยๆเองหรอ หรือว่ายังไม่ผ่านการรับรอง?”

“เปล่าหรอก ถึงจะติดแค่ตราเลเวล D แต่ขั้นของเขาน่าจะอยู่สัก D4 D5 ยังไงก็ตาม บางคนพูดกันว่า ความแข็งแกร่งของเขา อยู่ในระดับสวรรค์โปรดปราน!”

ระดับสวรรค์โปรดปราน กล่าวได้ว่าอยู่ในระดับเดียวกันกับราชันย์สัตว์ร้าย!

วัยรุ่นที่แต่เดิมถูกผู้คนละเลยไม่มีอยู่อีกต่อไป

ผู้คนรอบข้างที่สนทนาเกี่ยวกับฉินเฟิง ร่องรอยของความดูถูกในแววตาของพวกเขาจางหายไป เริ่มแสดงออกถึงความเคร่งขรึมจริงจังแทน

เพราะไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม ผู้แข็งแกร่งมักจะได้รับความเคารพเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้แข็งแกร่งที่มาพร้อมกับความเป็นไปได้ในการพัฒนาอย่างไร้ขีดจำกัดในอนาคต

ฉินเฟิงไม่เพียงอยู่ในระดับสวรรค์โปรดปราน แต่เขาอายุของเขายังน้อยมาก

ฉินเฟิงไม่สนใจสายตาของคนอื่นๆ เขาเรียกรถสายฟ้าสีเงินออกมา และขับตรงไปยังตึกรับรองผู้ใช้พลัง

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท