โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 430

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.430 – เดี๋ยวแฟนฉันจะโกรธ

อีกสองคนเร่งตรวจสอบประวัติย้อนหลังที่เหลือทันที เมื่อได้อ่านมัน พวกเขา สึกอัศจรรย์ใจกว่าเดิม

ประวัติเหล่านี้ ไม่ได้พูดถึงแค่เฉพาะความแข็งแกร่งของฉินเฟิง แต่ยังระบุถึงสมบัติมากมายที่ฉินเฟิงมีอีกด้วย

ในสงคราม ณ สถานชุมชนหลงฉวน เจ้าตัวคว้าเงินรางวัลไปมากกว่า 4 ล้านล้าน!

แต่แน่นอนว่าปัจจุบันถูกระงับไปแล้ว

หากคนจากทางพันธมิตรมนุษย์สามารถสังหารฉินเฟิง พวกเขาสามารถหักเงินในบัญชีส่วนตัว 1/20 ของฉินเฟิงมาเป็นรางวัลได้

และนั่นเป็นจํานวนมากถึงหลักแสนล้าน!

แต่ถึงต่อให้ไม่ได้เงินในบัญชีมาก็ตาม คนที่มั่งคั่งร่ํารวยถึงขนาดนั้น ในอุปกรณ์รู นมิติของเขาจะไม่มีของดีๆเก็บเอาไว้เลยหรือ?

แค่คิดถึงมันก็ตื่นเต้นแล้ว!

ในแววตาของทั้งสาม ทอประกายความโล

พวกเขามองหน้ากันและกัน ก่อนเร่งปิดอุปกรณ์สื่อสาร และติดต่อใครบางคนภายในเมืองทันที

อันที่จริงแม้ทุกคนจะมาเฝ้าประตูเมืองร่วมกัน ทว่าแต่ละคนล้วนมาจากคนละสังกัด คนละกองกําลัง เนื่องจากในเมืองหวัง มีขั้วอํานาจอยู่มากมาย

ดังนั้นทั้งสามไม่คิดลงมือด้วยตัวเอง ส่งเรื่องให้ระดับสูงของตนจัดการแทน

ส่วนฉินเฟิงเมื่อก้าวเข้าไปในเมือง ก็เท่ากับตายไปแล้ว!

ฉินเฟิงในสายตาของคนเหล่านี้ ไม่ต่างไปจากแกะอ้วนรอวันถูกเชือด!

ภายในตรอกมืด ฉินเฟิงเดินควงแขนไปหลีอย่างสบายอารมณ์

หลังจากเดินผ่านไปกว่าสี่ตรอก จู่ๆเด็กน้อยก็เริ่มเร่งฝีเท้าอย่างกะทันหัน พุ่งตัวไปทางสี่แยกวูบหายไปทันที

แต่ท่าทีของฉินเฟิงกลับยังคงสงบเยือกเย็น ไม่มีเจตนาจะไล่ตามแต่อย่างใด ขณะที่ไปหลีกําลังมองรอบๆด้วยความสนใจ

ต่อมา ประตูกําแพงสองฟากฝั่งพลันเปิดตึง! ผู้ใช้พลังจํานวนมาก้าวออกมา ดักทางเดินทั้งหน้าหลังของฉินเฟิง

คนเหล่านี้ล้วนมีโล่พลังสมาธิของมือปืนครอบคลุมเอาไว้ มันช่วยปกปิดกลิ่นอายมิให้เล็ดรอดบดบังการรับรู้ของศัตรู

มุมปากของฉินเฟิงยกสูง แสดงถึงความเย้ยหยัน

เจ้าพวกบ้าน คิดว่าจะสามารถกลบซ่อนตัวตนจากเขาได้อย่างงั้นหรือ?

เดิมที ตั้งแต่ที่เด็กน้อยปรากฏตัว ฉินเฟิงก็รู้แล้วว่านี่คือกับดัก

ตอนแรกเขาเลยไม่สนใจ แต่เมื่อลองคิดดูดีๆอีกที แทนที่จะไปนอนโรงแรม แล้วจ่ายค่าธรรมเนียมมหาศาล เหตุใดไม่สู้ออกหาพวกโง่ที่คิดเคาะประตูหาความตายเล่า? จากนั้นก็จัดการพวกมันแล้วเขาก็จะได้ที่พักอาศัยแบบฟรีๆเอง!

เมื่อเกิดความคิดเช่นนี้ ฉินเฟิงก็ยอมเดินตามเด็กน้อยมาอย่างว่าง่าย และเจ้าหนูนั่นก็ไม่ทําให้ ฉินเฟิงผิดหวัง

ผู้ใช้พลังนับสิบกระโดดออกมา กําลังภายในอันน่าสะพรึงฟังไปตลอดทั้งตรอก

ซึ่ง! ทิ้ง!

ปราณกําลังภายในของฉินเฟิงปะทุออกทันใด มือซ้ายโอบเอวไป๋หลี ดึงเธอเข้ามาแนบชิดตนเอง ให้ปราณกําลังภายในแผ่มาถึงเธอ

คมดาบจากรอบทิศที่อัดแน่นไปด้วยกําลังภายใน พลันส่งเสียงปัง! เมื่อกระทบเข้ากับปราณกำลังภายในของฉินเฟิง

ปัง ปัง ปัง และปัง!

เกิดเสียงระเบิดดังสะท้อนติดต่อกัน

มีอย่างน้อยเจ็ดผู้ใช้วรยุทธโบราณโจมตีใส่ฉินเฟิง แต่ทั้งหมดมิอาจทําให้ปราณกําลังภายในของเขาสั่นไหวได้เลย

มือขวาของฉินเฟิงวาดออก กําลังภายในก่อตัวเป็นกระแสวังวน

“ทักษะลับกลืนดารา!”

หมาลอบกัดเหล่านี้ ล้วนเป็นผู้ใช้พลังเลเวล D แต่ในด้านกําลังภายใน เกรงว่าจะห่าง ชั้นกับฉินเฟิงถึง 50 เท่า ดังนั้น ฉินเฟิงเลยไม่คิดเผยไตให้พวกเขารู้แต่แรก ปล่อยให้เป็นฝ่ายเปิดโจมตีเข้ามาก่อน

ราวกับถูกดึงดูดโดยอํานาจมหาศาล 7 ผู้ใช้วรยุทธโบราณถูกกระชากเข้าหาฉินเฟิง

กระทั่งกําลังภายในที่พวกเขายังไม่ได้ปลดปล่อยมันออกมาก็ดูเหมือนว่าจะไหลไปตามทิศทางของฉินเฟิง

ปราณกําลังภายในของพวกเขาไหลออก ลดฮวบๆลงด้วยอัตราเร็วที่มองเห็นชัดด้วยตาเปล่า

“นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”

หนึ่งในนั้นแสดงสีหน้าราวกับเห็นผี

ยังไม่พอ เมื่อปราณกําลังภายในของพวกเขาสลายไปแล้ว อํานาจดึงดูดก็ยิ่งเพิ่มเป็นเท่าทวีกําลังภายในของพวกเขาเริ่มไหลออกจากกายอย่างบ้าคลั่ง วิ่งผ่านอากาศเข้าไปยังร่างของฉินเฟิง

ปรากฏการนี้ ยิ่งนานยิ่งน่าสะพรึง มันบีบคั้นเส้นลมปราณ เกิดกระบวนการย้อนกลับ

“รีบ … ช่วยโจมตีมันเร็วเข้า!”

ผู้ใช้วรยุทธโบราณกล่าวเสียงสั่น นั่นเพราะอีกสามคนที่เหลือยังไม่ลงมือทําอะไรสักที

และที่เหลืออีกสามคนมีสองคนเป็นมือปืน อีกหนึ่งคือผู้ใช้อบิลิตี้

“ลําแสงเปลวไฟ!”

ผู้ใช้อบิลิตี้ที่มีความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล D อํานาจโจมตีย่อมร้ายกาจรุนแรง เพียงวาดมือ เส้นแสงเปลวไฟขนาดหนาเท่าข้อมือพลั่นปะทุออก พุ่งปะทะเข้าใส่ปราณกําลังภายในของฉินเฟิง

เปลวไฟระเบิดออกทันที ผลพวงจากมัน โดนพรรคพวกผู้ใช้วรยุทธโบราณกว่า 2 คนที่ไร้ซึ่ง ปราณกําลังภายในคอยปกป้อง ได้รับบาดเจ็บสาหัส

อย่างไรก็ตาม หากเขาไม่โจมตีออกไป เกรงว่าสถานการณ์ของคนเหล่านี้ อาจเลวร้ายยิ่งกว่า

ไม่รั้งรอให้อีกฝ่ายโจมตีเป็นครั้งที่สอง ฉินเฟิงสะบัดแขนสวนกลับไป แต่ปัจจุบัน เขาไม่ได้สวมใส่อุปกรณ์รูนอบิลิตี้ธาตุไฟคอยสนับสนุนแต่อย่างใด

“ลําแสงเปลวไฟ!”

เส้นแสงที่ลุกไหม้ระเบิดออกในทํานองเดียวกัน ทว่าขนาดของมัน อวบอ้วนกว่าลําแสงก่อนหน้านี้ถึงสามเท่า วิ่งเผาอากาศตรงเข้าหาผู้ใช้อบิลิตี้และมือปืนอีกสองคนที่เหลือ

ตูม ตูม ตูม!

เส้นแสงเปลวไฟพุ่งเข้าใส่ร่างทั้งสาม ส่งปลิวละลิ่วออกไป

“อ๊ากกก”ผู้ใช้อบิลิตี้ปลิวไกลสุด ลอยไปกว่า 30 เมตร ก่อนกระแทกเข้ากับกําแพง เผยทั้งร่างที่กลายเป็นสีไหม้เกรียมสู่สายตาฝูงชน

ในขณะที่มือปืนอีกสองคน ไม่อาจสัมผัสได้ถึงลมหายใจอีกต่อไป

เมื่อจัดการทั้งสาม พลังสมาธิของฉินเฟิงก็ถูกเรียกกลับคืน วกกลับมาระเบิดกระบวนท่ากําลังภายในอีกครั้ง

“กลืนดารา!”

อํานาจดึงดูดปะทุโหมอย่างบ้าคลั่ง ผู้ใช้วรยุทธโบราณทั้งหมด ถูกดูดซับกําลังภายในจนกลายเป็นมนุษย์ตากแห้ง

ไม่หลงเหลือกําลังภายในอีกต่อไป เส้นลมปราณของพวกเขาเดือดแห้ง ทั้งหมดถูกสูบมาอยู่ในกายของฉินเฟิงโดยสิ้นเชิง

ทันใดนั้น ภายในตันเถียนของฉินเฟิง กลับปรากฏกลุ่มมวลน้ําที่ยังไม่ได้รับการกลั่นเพิ่มเข้ามา ถึง 15 แอ่ง

พริบตาต่อมา ฉินเฟิงก็ระเบิดกําลังภายในอย่างไม่ลังเล

“ปลดปล่อยแรงผลัก!”

อํานาจดึงดูดเลือนหาย ฝูงชนโดยรอบทั้ง 7 คน บินกลับหัวกลับหาง ปลิวไปคนละทิศทางตันเถียนถูกทําลายโดยแรงผลัก แตกเป็นเสี่ยงๆ เส้นเลือดหัวใจฉีกขาดจากกัน

มองไปยังใบหน้าที่บิดเบี้ยว ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าทั้ง 7 ตายไปเรียบร้อย

ฉินเฟิงวาดมืออีกครั้ง สะเก็ดรูนสีแดงเพลิงร่วงตกลงไป

ร่างของทั้งเก้าพลันลุกไหม้ ถูกสลายเหลือเพียงเถ้าถ่าน

ฉินเฟิงสะบัดมือเล็กน้อย เรียกเอาอุปกรณ์รูนของคนเหล่านนั้นมาในมือเขา

ฉินเฟิงคลายมือที่โอบเอวไป๋หลี และเริ่มก้าวตรงไปยังผู้ใช้อบิลิตี้ ในมือเขาลุกไหม้ไปด้วยเปลวไฟ

ผู้ใช้อบิลิตี้ดีดตัวขึ้นทันที

“อย่าฆ่าฉัน ได้โปรดอย่าฆ่าฉัน!”

ฉินเฟิงแสยะยิ้ม “อ้าว ไม่แกล้งทําเป็นตายแล้วหรอ?”

ก่อนหน้านี้ผู้ใช้อบิลิตี้วางแผนแกล้งตายเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสังหารโดยสิ้นเชิง แต่ฉินเฟิงดันเก็บรวบรวมอุปกรณ์รูนมิติของทุกคนที่โค่นได้

ดังนั้น แผนของเขาจึงแตก และเวลานี้ก็ไม่อาจหลบหนี

อย่างไรก็ตาม ถ้าฉินเฟิงจะฆ่าอีกฝ่าย เขาทําไปนานแล้ว ไม่รั้งรอจนถึงตอนนี้หรอกจริงไหม?

“อย่าฆ่าฉันเลย ฉันยินดีรับใช้ จะทํางานเป็นวัวเป็นควายให้แก่คุณ แบบนี้เป็นอย่างไร? นับจา กวันนี้ไป ฉันจะบูชาคุณในฐานะพี่ใหญ่!”

บังเกิดความขยะแขยงเล็กน้อยในแววตาของฉินเฟิง ทัศนคติน่ารังเกียจเช่นนี้ มันทําให้ฉินเฟิงรู้สึกสะอิดสะเอียน

อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงสังหารคนมามากมาย ดังนั้นทัศนคติเช่นนี้ เขาเห็นมาเยอะจนชินแล้ว

ไอ้ทัศนคติที่ว่า : หากสังหารคนอื่น ตนย่อมไม่ผิด แต่พอเป็นตน กลับไม่อาจยินยอมรับความตาย!

แต่ในเวลานั้นเอง เสียงแหบพร่าพลันดังสวนเข้ามาจากเบื้องหลังฉินเฟิง

“มอบอุปกรณ์รูนมิติทั้งหมดมา ไม่งั้นฉันจะฆ่าเธอ!”

ฉินเฟิงค่อยๆหันกลับไป และผมกับร่างสกปรกผอมแห้ง กําลังใช้กริชจี้คอของไปหลี

ยิ่งไปกว่านั้น คนๆนี้ และเด็กน้อยที่สวมเสื้อผ้าขี้ริ้ว ยังมีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก กระทั่งเสื้อผ้ารุ่งริ่งบนร่างกาย ก็ยังเป็นตัวเดียวกัน

“วิชาหดกระดูก? ย้อนคืนสู่วัยเด็ก? น่าประทับใจจริงๆ แต่ว่า …” ฉินเฟิงยกริมฝีปากจนโค้งมน และกล่าวต่อ “อย่าทําให้เสื้อผ้าของแฟนฉันสกปรกล่ะ เดี๋ยวเธอจะโกรธเอา!”

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท