โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 446

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ep.446 – ชิงโรงงาน

“ในเมื่อหลงซานที่ตายดันมีอุตสาหกรรมปืนอยู่พอดี งั้นฉันจะเข้าไปบริหารมันต่อเอง!” ฉินเฟิงผุดลุกสวมใส่ชุดต่อสู้ “ช่วยนําทางฉันไปที่โรงงานหน่อย”

“ขอรับ ขอรับ”

จิ่นเฟยรีบรับคําสั่ง แต่ที่เขาทํา มันก็แค่การบอกตําแหน่งบนแผนที่ ฉินเฟิงเปิดโหมดล่องเวหาขับรถด้วยตัวเอง มุ่งหน้าไปยังโรงงานทันที

ขณะเดียวกัน ทางฝั่งโรงงานก็เกิดความโกลาหลไม่น้อย แต่เนื่องจากมันคือโรงงานชั้นนําภายใต้การดูแลของหลงซาน เลยเป็นธรรมดาที่สถานที่นี้จะได้รับการปกป้อง แม้หลงซานจะหายตัวไปแต่ลูกน้องผู้ใช้พลังเลเวล D คนอื่นๆ ทั้งหมดมารวมตัวกัน

มีทั้งสิ้น 13 คน!

พวกเขาไม่เชื่อว่าหลงซานตายแล้ว

ถึงกระนั้น คนอื่นๆกลับเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง

ฉินเฟิงมิใช่คนแรกที่มาที่นี่ ก่อนหน้าเขา มีคนกลุ่มอื่นมาถึงก่อนแล้ว

ตั้งแต่ที่ข่าวแพร่กระจายออกมาช่วงเวลาเที่ยงตรง ทรัพย์สินจํานวนมากของเหล่าบอสที่ตายไปก็เริ่มถูกแก่งแย่ง ตัดแบ่งออกเป็นส่วนๆ และหนึ่งในธุรกิจของหลงซาน อย่างโรงงานแห่งนี้ ก็กําลังจะเป็นหนึ่งในนั้น

อุตสาหกรรมของหลงซาน ไม่ได้ทํากําไรมากมายอะไรนัก มันเป็นการมุ่งเน้นผลิตอาวุธปืนระดับสูงสุด แค่นักวิจัยเพียงอย่างเดียว ก็ปาเข้าไปมากกว่า 30 คนแล้ว!

ที่ต้องทุ่มทุนโดยไม่ค่อยได้กําไรแบบนี้ เป็นเพราะหลงซานคือมือปืน กล่าวได้ว่าเขาทํางานวิจัยเพื่อตนเอง

แม้โรงงานจะทําเงินไม่ได้เหมือนกับของหานเหวิน แต่ก็เป็นอุตสาหกรรมเดียวกัน ฉะ นั้นน่าจับจอง!

เพราะเป็นเรื่องน่าเสียดายที่จะทิ้งโรงงานไป หากเปรียบกับอาหาร โรงงานแห่งนี้แม้มีรสชาติจืดชืด แต่ได้กินก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ผลลัพธ์ก็คือ มีคนที่ต้องการมันถึง 4 คน

“โรงงานแห่งนี้ นับจากวันนี้ไป มันจะถูกเปลี่ยนมือเป็นของบอสเรา!”

“มาก่อนก็ได้ก่อนสิวะ ที่นี่ไม่มีอะไรให้พวกแกทั้งนั้น!”

“ปากหมาแบบนี้ เชื่อไหมว่าฉันฆ่าแกได้!”

“ไม่เห็นโลงศพคงไม่หลั่งน้ําตาสินะ รีบไสหัวไปในตอนที่ยังมีเวลาซะ!”

เลเวล D แต่ละคน ถลึงตาใส่กันด้วยความโกรธ แต่ไม่มีใครสามารถโน้มน้าวใจใครได้ สุดท้ายไม่มีทางเลือก จําต้องโทรหาพรรคพวกของตน

พริบตาเดียว ณ ที่นี้ก็เต็มไปด้วยผู้ใช้พลังเลเวล D กว่า 100 คน และแบ่งออกเป็น 4 ฝ่าย

กลุ่มเลเวล D 13 คน ที่เป็นลูกน้องของหลงซาน บัดนี้นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา พวกเขารอดูว่าโรงงานจะเปลี่ยนไปอยู่ในมือของใคร จะได้ทุ่มเทรับใช้เจ้านายคนใหม่

เมื่อเรื่องเริ่มลุกลามบานปลาย สุดท้ายเลเวล C ก็เดินทางมาด้วยตัวเอง

นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ว่าโรงงานสามารถทํากําไรได้หรือไม่อีกแล้ว แต่เป็นเรื่องของศักดิ์ศรี!

“ในเมื่อไม่มีใครยอมใคร และพวกเราต่างฝ่ายต่างก็ไม่อยากให้คนของตัวเองได้รับบาดเจ็บเป็นจํานวนมาก ฉะนั้นขอเสนอให้ทําตามกฏดั้งเดิม!” เลเวล C คนหนึ่งเอ่ยปาก

เลเวล C อีกคนหัวเราะหยัน “มีกันตั้ง 4 คน แล้วจะใช้กฏเดิมได้ยังไง”

“ก็ตะลุมบอลกันทีเดียวไปเลย สู้เสี่ยงชีวิตกัน ใครรอดเป็นคนสุดท้าย คนนั้นก็ได้โรงงานไป”

“ฟังดูไม่เลว!”

เมื่อเลเวล C ทั้ง 4 ยอมรับเงื่อนไขกฏดั้งเดิม พวกเขาก็เริ่มเลือกลูกน้องเลเวล D ฝั่งตนออกมาตัวแทนของใครยืนหยัดเป็นคนสุดท้าย ลูกพี่ของคนๆนั้นก็จะได้โรงงานไปครอบครอง

ในระหว่างนั้นเอง รถศึกของฉินเฟิงก็ขับมาจอดหน้าโรงงานพอดี

จิ๋นเฟยดีดผึ้ง เปิดประตูรถฝั่งตนอย่างรวดเร็ว ต้องการจะเดินไปเปิดประตูรถให้ฉินเฟิง แต่ฉินเพิงไม่ใช่คนของเมืองหวัง เขาคร้านจะใส่ใจพิธีอะไรเล็กๆน้อยๆแบบนี้ เปิดประตูลงจากรถด้วยตัวเองทันที

จากนั้น ก็เริ่มกวาดตามองไปยังผู้คนที่ออกันอยู่หน้าทางเข้าโรงงาน

จิ่นเฟยสั่นสะท้านไปทั้งตัว เมื่อเห็นบอสทั้ง 4 ของอีกฝ่าย

“ลูกพี่ เหมือนว่าพวกเขากําลังจะสู้กันเพื่อชิงโรงงาน และเลเวล C ทุกคนในที่นี้ ไม่มีใครง่ายเลย”

จีนเฟียเริ่มกระซิบกระซาบ แนะนําแต่ละคน

ขณะเดียวกัน เลเวล C ทั้ง 4 คนต่างก็หันมองมายังฉินเฟิงเป็นสายตาเดียว

หลังจากได้รับชมงานเทียนไต้เมื่อวาน ไม่มีทางที่คนเหล่านี้จะไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าคือใคร!

อย่างไรก็ตาม แม้ฉินเฟิงจะแข็งแกร่งมาก แต่เขาไม่มีกําลังพล และหลังจากสังหารเลเวล C ไปกว่า 10 คน ฉินเฟิงก็ไม่ได้เข้าไปยึดสถานที่ใดๆของคนตาย

ดังนั้นจึงไม่มีใครคาดคิด ว่าฉันเฟิงจะบุกมาที่นี่

ฉินเฟิงเดินไปทีละก้าว ก่อนหยุดห่างจากฝายตรงข้ามราวๆ 10 เมตร สายตากวาดมองฝูงชน

“ดูเหมือนว่าพวกคุณทุกคน จะชอบโรงงานแห่งนี้กันสินะ?” ฉินเฟิงเอ่ยถามเสียงครื้ม

สีหน้าของเลเวล C ในที่นี้เริ่มแปรเปลี่ยนไป

โดยเฉพาะหนึ่งในนั้น ที่ยามจ้องมองฉินเฟิง กลับเผยถึงร่องรอยของความหวาดกลัว

และชายคนที่ว่า คือหนึ่งในสองที่ไปดักรอหน้าวิลล่าของฉินเฟิงเมื่อเช้า เพื่อเตรียมการลอบโจมตี และเป็นเขาอีกเช่นกัน ที่ไปยืนยันด้วยตาตัวเอง ว่าสหายเลเวล C ที่คิดร่วมมือกันเสียชีวิตไปแล้ว

แม้จะกล่าวว่าฉินเฟิงทําลายศพจนไม่เหลือร่องรอย แต่รูนมืดยังคงหลงเหลืออยู่ในอากาศไหน จะกําลังภายในที่ใช้โจมตีอีก หลักฐานทั้งสองชิ้นนี้ บ่งบอกว่าฉินเฟิงเป็นคนลงมือ

แต่ตอนนี้ เทพแห่งความตายกลับปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขาอย่างกะทันหัน!

ในหัวใจของผู้ใช้พลังว้าวุ่น โดยไม่ทันรู้ตัว เขาก็ได้เลือกคําตอบแล้ว!

“เหอะ ไอ้โรงงานเส็งเคร็งแบบนี้ ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะถูกคนมากมายหมายปอง สันติจะนํามาซึ่งความมั่งคั่ง” ฉันไม่อยากได้มันแล้ว พวกเรากลับ!”

ลูกน้องของชายคนนั้นหน้าแดงไปถึงลําคอ ทุกคนเบิกตากว้างมองบอสของตนเอง แต่เมื่อเจ้านายสั่งเป็นธรรมดาที่พวกเขาต้องปฏิบัติตาม

คลื่นลูกแรกซัดสาดผ่านไป ผู้คนจากไปกว่า 30 คน

เลเวล C ที่เหลืออีก 3 คนกลายเป็นตกตะลึง

พวกเขาเริ่มขมวดคิ้วมั่น ในหัวใจเริ่มชั่งน้ําหนักข้อดีข้อเสีย

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคน ที่คิดว่าฉินเฟิงเป็นผู้ลงมือสังหารเลเวล C เมื่อวานจริงๆ

ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านี้ยังเกิดความละโมบในความมั่งคั่งของฉินเฟิง

“พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง แกชื่อฉินเฟิงใช่ไหม? อย่าบอกนะว่าแกเองก็ต้องการยึดครองโรงงานนี้เหมือนกัน?” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

ก่อนหน้านี้จิ่นเฟยลอบกระซิบรายละเอียดของทุกคนให้แก่ฉินเฟิงแล้ว คนที่เพิ่งเอ่ยปากออกมา เรียกว่าชางหมิง เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล C2 นอกจากนี้ ยังทรงพลังเป็นอย่างมาก

“ถูกต้อง ผมต้องการโรงงานแห่งนี้ และหวังว่าทุกท่านจะยอมสละสมบัตินี้ไปสักชิ้น” ฉินเฟิงตอบกลับ

“ฮ่าฮ่า แค่แกเอ่ยปากว่าอยากได้ แล้วพวกเราจะต้องทําตามด้วยหรอ คิดว่าพวกเราเป็นตัวตลกรีไง?”

ฉินเฟิงแสยะยิ้ม “ถ้าคุณคิดอย่างนั้น แล้วเห็นว่าผมเป็นคนยังไง? คิดว่าผมดูล้อเล่นรึเปล่าที่เอ่ยปากอย่างมั่นใจว่าอยากได้โรงงาน?”

ชางหมิงพบว่าประโยคข้างต้นมันฟังดูแปลกๆ แต่เขาไม่ทันคิดอย่างรอบคอบถึงเรื่องนั้นตวาดสวนโดยตรง “งั้นก็มอบเงินมา 1ล้านล้าน แล้วฉันจะลองเก็บเรื่องยกโรงงานให้แกไปพิจารณา”

“ที” ฉินเฟิงส่งเสียงในลําคอ “ที่แท้คุณก็เป็นไอ้ตัวตลกจริงๆด้วย ข้อเสนอปัญญาอ่อนแบบนี้คิดหรือว่าผมจะยอมทําตาม?”

คนอื่นๆที่กําลังรับฟัง อดหัวเราะออกมาไม่ได้ นี่มันอะไรกัน? เขากําลังข่มขู่ฉินเพิงแท้ๆแต่ไหงจู่ๆกลับเป็นโดนฉินเพิ่งตลบหลัง ถูกด่าซะเองไปได้

“แกอยากตายใช่ไหม?”

ฉินเฟิงกล่าว “เมื่อวานนี้ มีคนที่ปากบอกว่าอยากจะฆ่าผมอยู่เหมือนกัน แต่วันนี้ พวกมันหายไปจากโลกแล้ว”

เลเวล C อีก 2 คนเมื่อได้ยิน สีหน้าเริ่มซีดเผือดลง

อย่างไรก็ตาม ชางหมิงไม่ใส่ใจ เขากระทั่งมองดูถูกฉินเฟิง

“ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างแก จะสามารถฆ่าเจ้าพวกนั้นได้จริงๆ คิดจะล่อเสือออกจากถ้ําแล้วฉกฉวยผลประโยชน์ไปคนเดียวล่ะสิท่า!”

ชางหมิงมิได้สั่งการให้ลูกน้องตนลงมือ เพราะหลังจากได้รับชมเหตุการณ์บนมิติเทียนใต้ ความแข็งแกร่งของฉินเฟิงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าท่ามกลางหมู่มวลเลเวล D ฉินเฟิงคือตัวตนอันคงกระพัน

ดังนั้นชางหมิงจึงตัดสินใจลงมือด้วยตนเอง

ไม่เล่นลูกไม้หรือตุกติกใดๆ กําลังภายในจากทั้งร่างของชางหมิงถูกขับออกมา แปรสภาพเป็นปราณกําลังภายใน ง้างฝ่ามือและตบฉาดเข้าใส่ฉินเฟิง

ฝ่ามือนี้ ไม่เพียงเพ่งเล็งมายังฉินเฟิง แต่ยังครอบคลุมไปถึงจิ้นเฟยด้วย

ฝีเท้าของฉินเฟิงวูบไหวทันใด

เขาคว้าจิ่นเฟย เปิดใช้งานก้าวมังกร ดีดตัวถอยหลังทันใด

ทุกกระบวนการรวดเร็วว่องไวเป็นอย่างมาก

ปัง!

พื้นแตกระแหงในพริบตา

ความแข็งแกร่งของชางหมิง น่าหวาดกลัวมากจริงๆ

ลูกน้องผู้ใช้พลังเลเวล D สัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึง ส่วนเลเวล C อีกสองคนสีหน้าไม่สู้ดีนัก

เพราะพวกเขาตระหนักได้ ว่าชางหมิงดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นแล้ว

ทั้งสองต่างรู้ดี ว่าเมื่อใดก็ตามที่ก้าวขึ้นสู่เลเวลสูงๆ การจะยกระดับความแข็งแกร่งในแต่ละขั้นมันยากเย็นเพียงใด

แต่ชางหมิงสามารถก้าวไปได้อีกขั้น!

ชางหมิงไล่ตามติด

ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงก็เริ่มวูบไหวอีกครั้ง

เสียงของเขา ถูกส่งกระจายออกไป

“ในเมื่อคุณไม่เชื่อ งั้นก็ไปถามเจ้าพวกนั้นในนรกเองก็แล้วกัน!”

ร่างของฉินเฟิงหายวับไปทันใด

ซ่อนเงา!

ในเสี้ยวพริบตา ปรากฏกายขึ้นอีกที ฉินเฟิงก็มาโผล่เบื้องหลังชางหมิงแล้ว!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท