โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 453

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.453 – ลอบสังเกตการณ์ในที่ลับ

ดวงตาของฝูงชนเบิกกว้าง

คนตายสักคน เลือดทะลักออกมาถือเป็นเรื่องปกติ แต่กระฉูดเป็นเวลานานขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องแปลก

กระทั่งโกวก๋วนก็ยังเกิดความสับสน

พลังสมาธิของฉินเฟิงตรึงลงบนร่างของคนที่เหลืออยู่

ผู้คนเหล่านั้นรู้สึกราวกับถูกสัตว์ร้ายทรงพลังสะกด ข่มตรึงทั้งคนทั้งร่างจนยากจะหายใจ

แผ่นหลังที่เคยตั้งตรงโค้งงอลงเล็กน้อย บางคนแทบทนไม่ไหวต้องคุกเข่าลงให้ฉินเฟิง

“เลือดและเนื้อของจักรพรรดิสัตว์ร้าย พวกคุณจะสามารถทนรับพลังงานของมันได้หรือ? จงตั้งใจฝึกฝนให้ดี จะได้ไม่ผิดพลาดแบบคนๆนี้ และถ้าพวกคุณคิดมุบมิบเล็กๆน้อยๆกับผม จุดจบจะไม่ง่ายดายเหมือนความตายตรงหน้าแน่นอน!”

ในดวงตาของฉินเฟิง สาดประกายคมกริบวาบผ่านออกไป

ผู้ใช้พลังเลเวล F ที่เพิ่งตายลง ชัดเจนว่าแอบขโมยเลือดจักรพรรดิสัตว์ร้าย ทั้งยังไม่ได้ซ่อนมัน แต่กลับดื่มเข้าไปโดยตรง

เลือดของเต่าหมื่นปี เปี่ยมไปด้วยพลังงานมหาศาล หากผู้ใช้พลังระดับต่ําคิดได้รับประโยชน์จากมัน จําเป็นต้องผ่านกระบวนการเจือจางที่ดี มิใช่กลืนเข้าโดยตรงอย่างไม่ยั้งคิด

อันที่จริงหากฉินเฟิงลงมือช่วย แน่นอนย่อมสามารถกําจัดพลังงานบ้าคลั่งในร่างกายอีกฝ่ายได้ตัวโกวก๋วนเองก็ทําได้ นี่จะช่วยให้อีกฝ่ายได้รับผลประโยชน์ครั้งใหญ่

อย่างไรก็ตาม คนอย่างฉินเฟิงน่ะหรือจะยอมให้คนอื่นช่วงชิงผลประโยชน์ที่สมควรเป็นของเขาไป?

แน่นอน มันเป็นไปไม่ได้

ฉินเฟิงจึงสังหารอีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล

ช่วงเวลานี้ เมื่อมีการเชือดไก่ให้ลิงดู ฝูงชนก็เริ่มขบคิดอย่างรอบคอบ กระทั่งกระบวนการเก็บรวบรวมวัตถุดิบ ยังเป็นไปอย่างระมัดระวังมากขึ้น

สิ่งเหล่านี้ จริงอยู่เป็นสมบัติล้ําค่า แต่เมืองหวังไม่เหมือนกับเมืองอื่นๆภายนอก มันคือสวรรค์สําหรับผู้แข็งแกร่ง ตรงกันข้าม หากอ่อนแอแล้วไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้แข็งแกร่ง ถือเป็นบาปมหันต์

ไม่นานคนของโกวก๋วนก็กลับมา แต่ละคนแบกบรรจุภัณฑ์ทั้งเลือดและเนื้อ บางส่วนก็วุ่นอยู่กับการเก็บรวบรวม อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกลิ่นเลือดที่ฟุ้งกระจายออกไป มันได้ดึงดูดสัตว์ร้ายตัวอื่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ในที่แห่งนี้ มีแค่ผู้ใช้พลังระดับต่ํา บางคนเมื่อสัมผัสได้ถึงผู้มาเยือน สองขาก็เริ่มสั่นระริก

“โบรัววววววว”

เป็นเสียงของหมาปาวายุ! สัตว์ร้ายในเลเวล E ผู้ฉกาจในด้านการลอบสังหาร! ยังไม่พอหมาป่าวายุยังอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง เห็นได้ชัดว่าเจ้าตัวนี้คือแนวหน้าของฝูงหมาป่า

สีหน้าของโกวก๋วนแปรเปลี่ยนไป

“เจ้านาย พวกเราควรจะถอยเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้น”

แม้จะยังเหลือวัตถุดิบอีกมาก แต่โกวก๋วนรู้สึกว่าควรถอยดีกว่าการไม่โลภมักช่วยให้มีชีวิตยืนยาว

“ทําหน้าที่ของคุณต่อไป สั่งการให้ทุกคนเร่งมือ!” ฉินเฟิงกล่าวด้วยน้ําเทียงทุ้มลึก

ทั้งคนทั้งร่างของเขาวูบไหว พริบตาเดียวปรากฏข้างกายหมาป่าวายุ มีดกษัตริย์ครามในมือโบกสะบัด สะบั้นหัวหมาป่าทันใด

“โบวววว ….”

จากในระยะไกล เสียงหอนยาวของหมาปาวายุดังสะท้อนอย่างต่อเนื่อง

หมาปาวายุไม่เพียงอาศัยอยู่ร่วมกันเป็นฝูง แต่จมูกของมันยังดีมาก เนื่องจากครอบครองธาตุลม เลยสามารถรับรู้ได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนับหลายกิโลเมตร เรื่องที่ฉินเฟิงสังหารสหายของมัน ฝูงหมาปาก็รู้เช่นกัน

ทั้งฝูงตัดสินใจวิ่งตรงไปในทิศทางเดียว

ช่วงเวลาถัดมา ฝุ่นทรายพลันตลบอบอวล ลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า สายลมกรรโชกแรง มองไกลๆมิต่างจากกําแพงลมกําลังมุ่งหน้ามายังทิศทางของฉินเฟิง

ฉินเฟิงหรี่ตาแคบลง พลังสมาธิของเขาสามารถสัมผัสได้ ถึงจํานวนของหมาป่าในฝูงที่อยู่ห่างออกไป

ไม่คิดเลยว่าจริงๆแล้วจะมีถึงหลักพัน!

ไม่เพียงแค่นั้น แต่ดูเหมือนว่านอกจากเลเวล E แล้ว ในฝูงยังมีหมาปาวายุเลเวล D ระดับนายพลและราชันย์อีกด้วย!

ไม่น่าแปลกใจเลย ว่าทําไมพวกมันถึงกล้าบุกเข้ามา

คราวนี้โกวก๋วนกัดฟัน ไม่ยินยอมรับฟังคําสั่งของฉินเฟิง

“เจ้านาย!”

ฉินเฟิงไม่สนใจเสียงโวยวาย สองปีกสีฟ้าผุดขึ้นบนแผ่นหลังเขา ทะยานเข้าหาฝูงหมาป่า

เมื่อศัตรูแข็งแกร่ง ฉะนั้นย่อมต้องใช้ความแข็งแกร่งเข้าต้านทาน

โกวก๋วนรู้สึกราวกับว่าฉินเฟิงกลายเป็นตัวโง่งม

เพราะอีกฝ่ายคือฝูงหมาปาวายุหลายพันตัว!

ปริมาณที่กระทั่งผู้ใช้พลังเลเวล C ก็ยังต้องเลือกหลบเลี่ยง!

ทว่าฉินเฟิงไม่มีความคิดเช่นนั้นเลย

“เข้ามา!”

ฉินเฟิงฉีกยิ้มมุมปาก แขนขาแนบกับลําตัว พุ่งดิ่งจากฟ้าลงสู่แนวหน้าของฝูงหมาปาทันที

ขณะเดียวกัน หมาปาวายุก็สังเกตเห็นฉินเฟิงเหมือนกัน ไม่จําเป็นต้องเสียเวลาคิด พวกมันควบคุมรูนลม สร้างพายุกรรโชกทันใด

ปราณกําลังภายในผลุบออกมาห่อหุ้มทั้งตัวของฉินเฟิง พายุนี้เมื่อกระทบกับเกราะปราณนอกกายเขาก็ส่งเสียงหวีดลั่น ทว่ามิอาจสั่นคลอนปราณกําลังภายในได้แม้สักนิด

“แบร็ววว”

ราชันย์หมาปาวายุ เมื่อเห็นว่าลูกน้องตนไม่สามารถทําอะไรฉินเฟิงได้ ก็เดือดดาลทันใด ปากอ้ากว้าง ปลดปล่อยกระสุนวังวนวายุออกไป

พายุสีขาวที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าถูกยิงออก มันสามารถบดขยี้ได้แม้กระทั่งหินผา

ฉินเฟิงไม่น้อยหน้า วาดมือออกในทํานองเดียวกัน

“ลูกไฟโลกันต์!”

ก้อนเปลวเพลิงขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวกว่า 5 เมตรถูกยิงออกไป ปะทะเข้ากับกระสุนพายุ

วู้มมมม!

สองอบิลิตี้ปะทะกันและกัน เปลวเพลิงลุกท่วมทันใด ขณะเดียวกันสายลมก็ช่วยหนุนเปลวเพลิง จนโชติโชนขึ้นสู่ฟากฟ้า

เปลวเพลิงนี้มิใช่เปลวเพลิงธรรมดา มันคือเพลิงโลกันต์ที่ยากจะดับ ดั่งหนอนไซกระดูก เมื่อถูกเลื้อยลงไปเพียงครั้ง ไม่มีทางกําจัดมันได้

เพียงพริบตา เพลิงโลกันต์ก็ลุกฮือ โปรยลงในฝูงหมาป่า

มองจากระยะไกล ฉินเฟิงราวกับปลดปล่อยดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ และเมื่อดอกไม้ไฟตกลง ฝูงหมาปาก็กรีดร้องน่าสังเวช และถูกผลาญเป็นขี้เถ้าในพริบตา

ฉินเฟิงวาดมืออีกครั้ง

“สายฝนแห่งความตาย!”

ท้องฟ้าครึ้มไปด้วยเมฆหมอก สีของมันไม่ด้อยไปกว่าสีดําสนิทของรอยแยกมิติ ต่อมา สายฝนสีดําเม็ดขนาดเท่าขนวัวก็เริ่มโปรยปราย กระทบลงบนฝูงหมาปาวายุ

ฝูงหมาป่าที่เหลือรอดจากเพลิงโลกันต์ ร้องโหยหวนน่าสมเพชอีกครั้ง

ขนของพวกมันเริ่มหลุดลอก เผยให้เห็นถึงโครงกระดูกทั้งหมดถูกกัดกร่อน

สายฝนแห่งความตายมีอานุภาพรุนแรงมาก

สัตว์ร้ายนับพันตัวนับว่าเป็นสิ่งใด? ทั้งหมดจบชีวิตลงด้วยน้ํามือของฉินเฟิงในพริบตา

โกวก๋วนและคนอื่นๆที่เฝ้ามองจากระยะไกล อ้าปากตาค้างอย่างโง่งม แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง

“มิน่าเล่า พวกผู้ใช้อบิลิตี้ถึงมักมีนิสัยหยิ่งยะโส เพราะอาศัยพลังของพวกเขาเพียงลําพัง กลับสามารถสังหารศัตรูได้นับพัน!”

หากผู้ใช้อบิลิตี้อย่างฉินเฟิง ปลดปล่อยกระบวนท่านี้ออกมาเพียงครั้งเดียวในเมืองหวังเกรงว่าทั้งเมืองคงกลายเป็นซาก!

ระหว่างทุกคนกําลังขบคิด ฉินเฟิงเกือบเก็บกวาดฝูงหมาปาจนหมดสิ้นแล้ว

ราชันย์หมาปาวายุ เมื่อได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของฉินเฟิง ความอาจหาญของมันพลันหดหาย ตัดสินใจหันหลังและวิ่งหนีหางจุกตูด ทว่าสุดท้ายถูกฉินเฟิงไล่ตามทันในลมหายใจเดียว มีดกษัตริย์ครามระเบิดลําแสงสีแดงม่วงออกมาสับสังหารทันที

คลื่นพลังงานกระจายออก ไหลรวมเข้ามาในร่างของฉินเฟิง

พลังงานนี้ไม่แข็งแกร่งอะไร แต่มันช่วยเติมเต็มจุดที่ยังขาดเหลืออีกเพียงเล็กน้อย ที่จําเป็นในการยกระดับของฉินเฟิงพอดี

เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ ความแข็งแกร่งทางกายภาพของฉินเฟิงถูกยกระดับขึ้นอีกครั้ง

ก้าวขึ้นสู่เลเวล D7

นับตั้งแต่การยกระดับครั้งก่อน เวลามันเพิ่งผ่านไปแค่เดือนเศษๆเท่านั้นเอง แต่ด้วยรอยแยกมิติที่ปรากฏขึ้น มาเคาะประตูส่งมอบพลังงานอันน่าทึ่งของเต่าหมื่นปีทั้ง 11 ตัว จนเขายกระดับจนได้

เรื่องนี้ทําให้ฉินเฟิงรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

และการยกระดับของฉินเฟิง มิได้ถูกปกปิดแต่อย่างใด มันกวาดกระจายออกไปหลายกิโลเมตร

ท่ามกลางปรากฏการณ์ดั่งปาฏิหาริย์นี้ หลายคนที่กําลังซุ่มซ่อนอยู่รู้สึกมึนงงเล็กน้อย

ระหว่างพวกเขากําลังเคลื่อนไหว สัตว์ร้ายอีกหลายฝูงก็บุกเข้ามา แต่ทั้งหมดถูกขวางทาง และสังหารลงโดยฉินเฟิง วัตถุดิบของเต่าหมื่นปี เป็นเสน่ห์อันแสนยั่วยวนสําหรับสัตว์ร้าย

แต่น่าเสียดาย ที่สุดท้ายพวกมันกลับต้องจบชีวิตลง ไม่ก็ทําได้แค่กลับมาที่หลัง และเลียเศษเลือดที่ซึมลงผืนดินเท่านั้น

ช่วงเวลานี้ เลเวล C ที่ซุ่มซ่อนอยู่ในระยะไกล แต่ละคนดวงตาแดงกําด้วยความริษยา!

ก็อย่างที่โกวก๋วนกล่าว ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหวัง เมื่อรอยแยกมิติปรากฏขึ้น เลยมีการจัดตั้งหน่วยพิเศษเข้ามาตรวจสอบ แต่เมื่อพวกเขาเห็นฉินเฟิงก็ไม่กล้าปรากฏตัว

และกลายเป็นฉินเฟิงที่สังหารสัตว์ร้ายตัดหน้าพวกเขา

ได้รับเลือดเนื้อ และแก่นพลังงานของเต่าหมื่นปีไปเพียงผู้เดียว!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท