โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.498 – อัจฉริยะเลเวล D ฮั่นจุน
เสียงอุทานดังขึ้นอย่างกะทันหัน ผู้คนรอบข้างต่างหันมองตามทิศทางสายตาของนายน้อยตระกูลโหว อัจฉริยะจากสี่ทะเลเหนือเองก็หันไป และพบว่าฉินเฟิงกลับมาแล้ว
“ผู้การรัฐ คุณกลับมาแล้ว!”
“ยอดไปเลย ผู้การรัฐ เจ้าเด็กนี่อวดดีนัก คุณต้องมอบบทเรียนให้เขา แสดงให้เขาดู ว่าใครกันแน่คืออัจฉริยะที่แท้จริง!”
หลายคนมองมาทางฉินเฟิงราวกับเห็นพระผู้ช่วย
อย่างไรก็ตาม คำกล่าวของพวกเขาเหล่านี้ มันไม่ต่างไปจากการผลักฉินเฟิงลงสู่กองไฟ สายตาของฮั่นจุนมองข้ามผู้คน กวาดตาขึ้นๆลงๆบนร่างของฉินเฟิง และพบว่าฉินเฟิงไม่ได้ติดตราผู้ใช้พลังบนอกเขา เลยไม่สามารถรู้ถึงเลเวลได้
“โจวจางงั้นหรือ?* เหอะ! ดูเหมือนพวกเขาจะเชื่อมั่นในตัวนายมากเลยนะ” ฮั่นจุนกล่าว ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจผิดว่านี่คือฉินของฉินเฟิง
*(州长 = โจวจาง = ผู้การรัฐ)
ฝั่งฉินเฟิงเองก็ไม่คิดแก้คำ สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เขาเห็นมันแล้ว
“ร้านนี้มันมีอะไรดีนัก ทุกคนถึงดึงดันจะกินอาหารของที่นี่?” ฉินเฟิงหันไปมองคนของเขา ในความคิดของฉินเฟิง ทั้งหมดเป็นเพียงข้ออ้างเรื่องศักดิ์ศรี
“เอ่อ … ”เห็นได้ชัดว่าทุกคนตอบไม่ได้
ฉินเฟิงกล่าว “เอ่ออะไร? ฉันได้ยินมาว่ามีร้านอาหารชั้นนำอยู่มากมายในเมืองเป่ยหัว บางร้านถึงขั้นสั่งเมนูเนื้อของราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล B ได้ แต่พวกนายกลับมาเถียงกันเพื่อห้องอาหารเล็กๆแบบนี้ ช่างน่าขายหน้าจริงๆ สายตาตื่นเขินนัก เสียทีที่ฉันอุตส่าห์พามา!”
ฉินเฟิงกล่าวแค่ไม่กี่คำ ทว่ากลับสามารถลดทอนการกระทำอันหยิ่งผยองของฮั่นจุนเหือดหายไปกว่าครึ่ง
กลับดำเป็นขาว เปลี่ยนพฤติกรรมอันโหดร้ายที่สามารถครอบครองร้านอาหารไว้แต่เพียงผู้เดียว จากสมควรภาคภูมิใจ กลายเป็นตกต่ำลง
“เอ้อ นั่นสิ ฉันรวยจะตาย ไปกินร้านอื่นก็ได้ อาหารร้านนี้ ใครมันจะสนเล่า!”
“ใช่ ใช่ ห้องอาหารในโรงแรมมันมีแต่อาหารพื้นๆ รสชาติก็แปลกๆ ไม่เห็นน่ากินเลย”
“ไปพวกเรา! วันนี้ฉันเลี้ยงเอง ไปฉลองมื้อใหญ่กัน!”
“เฮ้ย ฉันไปด้วย!”
“ฮ่าฮ่า ไปด้วยกันทุกคนนั่นแหละ”
ฝูงชนระบายลมหายใจ ในที่สุดก็เจอทางออกให้ไม่ต้องปะทะกับฮั่นจุนตรงๆ อีกทั้งยังสามารถเยาะเย้ยถากถางทางอ้อมได้ แบบนี้พวกเขาชอบนัก ด้วยเหตุนี้ ฝูงชนต่างเหลือบมองฮั่นจุนด้วยสายตาดูถูก ล่าถอยพลางหัวเราคิกคัก
ฉินเฟิงเมื่อเห็นฝูงชนโดยรอบเริ่มคลี่คลาย ก็หันหลังเตรียมจากไป แต่ในตอนนั้นเอง ฮั่นจุนพลันเอ่ยท้วงขึ้นมา
“นั่นนายจะไปไหน?”
ฮั่นจุนย่อมไม่คิดปล่อยฉินเฟิงที่ทำให้เขาต้องเสียหน้าไป สั่งการพลังสมาธิในจิตใจ สายลมแรงกวาดกระจายไปทั่ว ทว่าเขามิได้โจมตีฉินเฟิงตรงๆ เพียงใช้พลังของตนยก จานชาม , อาหารบุฟเฟ่ต์ในห้องอาหารขึ้นมา และสาดพวกมันเข้าใส่ฉินเฟิง
ฉินเฟิงย่อมไม่คิดรับอาหารเหล่านี้ กำลังภายในปะทุโหม สกัดกั้นอาหารเหล่านี้เอาไว้
อันที่จริงฉินเฟิงสามารถใช้พลังสมาธิเข้าแทรกแซงเลยก็ยังได้ แต่เขาไม่ต้องการเปิดเผยพลังในตอนนี้ เลยใช้วิธีอื่นแทน
จานชามและอาหารกระทบเข้ากับกำลังภายในของฉินเฟิง จานเหล็กที่เต็มไปด้วยอาหารร่วงตกลงกับพื้น ส่งเสียงเกร้งกรั้ง กังวานไปทั่ว
ผู้คนที่แต่เดิมหัวเราะคิกคักและกำลังจะจากไป ร่างกายพลันสั่นสะท้าน รอยยิ้มบนใบหน้าค่อยๆเหือดหาย
ในพริบตาเดียว ทั่วบริเวณเงียบเป็นเป่าสาก
ฮั่นจุนเอ่ยปากอีกครั้ง
“โจวจาง ทำไมไร้มารยาทแบบนี้ ทั้งๆที่ฉันคิดจะเลี้ยงข้าวนายแท้ๆ หยิบยื่นอาหารให้ด้วยเมตตา แต่นายกลับไม่ยอมรับมัน? ขอบอกไว้เลย ว่าวันนี้ ถ้านายไม่ก้มลงกินพวกมัน ก็อย่าหวังว่าจะได้จากไป!”
เห็นได้ชัดว่าฮั่นจุนคิดมอบบทเรียนให้แก่ฉินเฟิง
ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น เขาไม่คิดเลยว่าฮั่นจุนคนนี้ จะหาเรื่องให้ตัวเองต้องอับอายอย่างกะทันหัน
“นายน้อยฮั่นดูเหมือนจะชอบกินอาหารร้านนี้มาก งั้นก็เชิญกินมันเองเถอะ ฉันไม่ว่าง! และอีกอย่างถ้าฉันต้องการจากไป ใครก็หยุดฉันไม่ได้!”
“กล้าหนีหรือ? คิดว่าทำได้ก็ลองดู!” ความโกรธของฮั่นจุนพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เขาวาดมือไปด้านข้าง พายุม้วนหนึ่งถูกบีดบอัดจนมีขนาดเล็ก ปรากฏขึ้นบนมือของฮั่นจุน
ฉินเฟิงไม่แม้จะเหลียวมองมัน หันหลังและเดินจากไป
ฮั่นจุนโกรธยิ่งกว่าเดิม อบิลิตี้พลันระเบิดออก พายุที่เต็มไปด้วยใบมีดสายลมอันแหลมคม โถมทับไปทางด้านหลังของฉินเฟิง
ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง ติ๊ง
มีดสายลมปะทะเข้ากับกำลังภายใน พลังงานอันน่าหวาดกลัวกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง ผู้คนโดยรอบถูกเป่ากระเด็นด้วยสายลมแรง
การระเบิดพลังของผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล D มิใช่สิ่งที่อัจฉริยะเลเวล E จะสามารถต้านทานได้
แต่เห็นได้ชัดว่าที่กล่าวมา ไม่ได้รวมถึงฉินเฟิง!
เพราะฉินเฟิงเป็นผู้ใช้พลังเลเวล C ! กำลังภายในของเขามหาศาลอย่างหาที่ใดเปรียบ ลมพายุเหล่านี้–
–มิอาจสะกิดแม้ปลายขนของเขา กลับกัน เป็นฮั่นจุนที่อยู่ด้านหลัง ยิ่งนานยิ่งอ่อนแรง แต่ด้วยศักดิ์ศรี ตัวเขาอย่างไรไม่มีทางถอย
จะต้องทำลายกำลังภายในของอีกฝ่ายให้จงได้!
ในเวลานี้ เนื่องจากเกิดการต่อสู้ขึ้น ผู้จัดการโรงแรมจึงต้องออกหน้า ก้าวเข้ามาโน้มน้าวฮั่นจุน ขณะเดียวกัน ฉินเฟิงและคนอื่นๆก็จากไป
เหล่าอัจฉริยะมากมายที่เห็นฉากนี้ บังเกิดความซับซ้อนอยู่ในจิตใจ
แม้ฉินเฟิงจะสามารถต้านทานฮั่นจุนได้ แต่เมื่อปะทะกับแรงกดดันของอีกฝ่าย พวกเขากลับรู้สึกยากจะหายใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทีหยิ่งผยองของฮั่นจุน
“ผู้การรัฐ ทำไมคุณถึงไม่มอบบทเรียนให้มัน ด้วยความแข็งแกร่งของคุณ มองมุมไหนก็ทำได้ชัดๆ!” รุ่นเยาว์ตระกูลโหวไม่พอใจกับการกระทำของฉินเฟิง
ฉินเฟิงหัวเราะเย็นชา “ทำไม? นายทำได้แค่พึ่งพาคนอื่นเพื่อระบายความโกรธของตัวเองเป็นอย่างเดียวรึไง?”
นายน้อยตระกูลโหวถูกเปิดโปง เท้าที่กำลังก้าวเดินชะงักงัน เอ่ยอย่างไม่เต็มปากเต็มคำ “หรือว่าคุณจะกลัวพ่อของเขา?”
เปรี้ยง!
ไม่จำเป็นต้องให้ฉินเฟิงเอ่ยปาก โจวฮ่าวซัดหมัดเข้าใส่โดยตรง ทุกอย่างกะทันหันเกินไป นายน้อยตระกูลโหวไม่ทันหลบเลี่ยง รอบตาที่ถูกชกเขียวเป็นจ้ำ
“ฉันทนกับนายมานานแล้ว เมื่อกี้นายพูดอะไร อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ นายเรียกฉินเฟิงเพราะตั้งใจจะให้เขาสู้กับฮั่นจุนใช่ไหม? ตั้งใจให้มีปัญหากับลูกชายของผู้ใช้พลังเลเวล A หาเหาใส่หัวคนอื่น ถ้าไม่พอใจนัก ทำไมไม่จัดการเอง? นายคิดว่าเลเวล A เป็นคนที่ยั่วยุได้ง่ายๆรึไง ถ้าอยากตายก็ตายไปคนเดียวสิ!”
แน่นอน ฉินเฟิงไม่ได้หวาดกลัวเลเวล A แต่นายน้อยตระกูลโหวไม่มีค่าพอที่จะได้รับการคุ้มครองจากเขา ดังนั้นฉินเฟิงไม่เต็มใจไปยั่วยุศัตรู ตรงกันข้าม หากเกิดอะไรขึ้นกับโจวฮ่าว ฉินเฟิงจะลงมืออย่างไม่ลังเล ตีฮั่นจุนให้ตายคามือ!
แต่กลับกลายเป็นว่า คนของตระกูลโหวมีปัญหาแทน และพวกเขายังเกลียดฉินเฟิง ดังนั้นต้องการโยนปัญหาใหญ่ให้!
ฉินเฟิงหัวเราะและกล่าว “นายก็รู้นี่ว่าฉันแข็งแกร่ง งั้นต่อจากนี้ไป ถ้าฉันเห็นว่านายมีแผนตุกติก หรือทำอะไรที่น่าสงสัยอีกแม้จะเล็กๆน้อยๆ อย่าหาว่าฉันรังแกก็แล้วกัน!”
ฉินเฟิงมิใช่คนที่ต้องมาคอยเช็ดตูดให้ผู้คน!
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงเป็นคนรักษาคำพูดของเขา เขาพาทุกคนไปร้านอาหารสุดหรู เลี้ยงอาหารมื้อใหญ่จริงๆ แน่นอน เขาไม่ได้สั่งเนื้อราชันย์สัตว์ร้ายเลเวล B เพราะเกรงว่ารุ่นเยาว์เหล่านี้จะย่อยมันไม่ได้ แต่สั่งอาหารที่ผสมวัตถุดิบเลเวล D ลงไปแทน คนอื่นๆจะได้รับพลังงานที่เหมาะสมจากการรับประทาน
ส่วนนายน้อยตระกูลโหว เขาไม่แม้จะยอมแตะตะเกียบ ในแววตาฉายชัดถึงความดุร้าย เขาคิดว่าฉินเฟิงหวาดกลัวฮั่นจุน
แต่ในใจก็ยังไม่มั่นใจนัก ทว่าสิ่งที่ทำให้ใบหน้าของเขาน่าเกลียดยิ่งกว่าเดิม ก็คือคนอื่นๆกลับเอาแต่กิน ไม่มีใครสนใจเขาเลย!
หลังจบมื้ออาหาร ทุกคนก็พากันเดินกลับโรงแรม เพราะอีกไม่นาน งานประลองจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ฉินเฟิงไม่ได้จริงจังกับงานประลอง หลังกลับโรงแรม เขาก็เปิดเครือข่ายนักสู้ และมองดูแต้มสงครามของตัวเอง
ในระยะเวลาห้าวัน แต้มสงครามสะสมของฉินเฟิงเพิ่มพูนขึ้นอย่างมหาศาล มันได้มาถึง 60,000 แต้มแล้ว!
วันแรกที่ไปหุบเหวมันเป็นช่วงเที่ยง แต่ในวันต่อๆมา ฉินเฟิงกับไป๋หลีไปสำรวจหุบเหวตั้งแต่เช้า ออกล่าตลอดทั้งวัน เลยเป็นธรรมดาที่จะได้รับแต้มสงครามมากพอ