The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1235 – กำจัดโจร

ตอนที่ 1235 - กำจัดโจร
  อสูรวัยกลางคนตะโกนด้วยความตกใจ
“เป็นไปไม่ได้!ยักษ์ทะเลขมอยู่ข้างหลังพวกข้า เมืองอสูรจะถูกกลืนกินได้ยังไง?”
“โว๊ะ!ข้าไม่สนว่าเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่เชื่อ!”
หัวหน้าโจรถอนหายใจแรง
“เจ้าดูตัวเองตอนนี้ให้ดีเสียดีกว่า!”
ในบรรดาโจรที่มีอยู่สี่คนคนที่อ่อนแอที่สุดนั้นเป็นเซียนขั้นหนึ่งเหมือนกับชาเอ๋อ อีกทั้งยังมีเซียนขั้นสามอีกสองคนด้วย
“เจ้ามีทางเลือกสองทางหากเจ้ายอมจำนน เราจะใช้ผนึกทำให้พวกเจ้ามาเป็นพวกเรา! หรือถ้าไม่…ฆ่าจะฆ่าพวกเจ้าทิ้งให้หมดและชิงเอาสมบัติทั้งหมดของเจ้ามา เจ้าเลือกได้รึยังล่ะ?”
เมื่อเผชิญหน้ากับกำลังที่มากกว่าคนส่วนใหญ่ย่อมเลือกอย่างแรก  “หึ!หึ! หึ! เจ้าหลอกใครก็ได้ที่ยังอ่อนต่อโลก แต่หน่วยลาดตระเวนอย่างข้าไม่ถูกโจรอย่างพวกเจ้าหลอกหรอก!”
อสูรวัยกลางคนกล่าว
เขารู้ว่านี่คือกลอุบายธรรมดาๆ ของโจร โจรมัดจะล่อลวงให้เป้าหมายยอมแพ้และเป็นพรรคพวกตัวเอง
แต่เมื่อเป้าหมายถูกควบคุมแล้วไซร้เป้าหมายก็จะถูกขายให้กับตระกูลอสูรใหญ่กลายเป็นข้ารับใช้
สำหรับโจรแล้วทาสรับใช้นั้นมีค่ากว่าร่างไร้วิญญาณ!
ยิ่งไปกว่านั้นหากเป้าหมายเลือกที่จะต่อต้าน พวกเขาจะเสียมากกว่าได้ ดังนั้นพวกมันจะพยายามลวงให้เป้าหมายยอมแพ้
มันน่าขันที่พวกมันคิดจะหลอกหน่วยลาดตระเวน!
กลุ่มโจรหน้าหมองแต่พวกมันก็ไม่แปลกใจเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าการหลอกหน่วยลาดตระเวนนั้นยากแค่ไหน
“บุก!ข้ากับหมายเลขสองจะจัดการหน่วยลาดตระเวนเอง หมายเลขสามสี่ไปจับตัวเด็กผู้หญิง!”
หมายเลขสามคือเซียนขั้นสองหมายเลขสี่คือเซียนขั้นหนึ่ง
ทั้งสองสามารถเอาชนะชาเอ๋อได้ในพริบตา
อสูรวัยกลางคนตะโกนด้วยโทสะ
“เจ้ากล้าดียังไง!”
“ฮ่าๆๆๆ!หุบปากซะ! ยอมรับในโชคร้ายของเจ้าซะเถอะ!”
หมายเลขหนึ่งกับสองแสยะยิ้มเมื่อพุ่งเข้าใส่อสูรวัยกลางคนจากนั้นการต่อสู้อันดุเดือดก็ได้เริ่มขึ้น
สมบัติอสูรและวิชาของโจรทั้งสองกับอสูรวัยกลางคนแทบจะระดับเดียวกันอสูรกลางคนนั้นมีประสบการณ์มากกว่า เขาต่อสู้ได้อย่างสูสีกับโจรสองคน  แต่เขามิอาจช่วยบุตรสาวของตัวเองได้เลย
แต่ถึงแม้ชาเอ๋อจะดูบอบบางนางก็ไม่หวาดกลัวในเวลาเช่นนี้ นางตะโกนด้วยความเกรี้ยวกราด
“ท่านพ่อบอกเสมอว่าความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว!แต่สิ่งที่น่ากลัวคือยามที่ขาดความกล้าในการเผชิญหน้ากับความตาย!”
ชาเอ๋อพุ่งเข้าปะทะกับโจรทั้งสองอย่างไม่ลังเลแทนที่จะหนี
ความกล้าหาญของนางน่าชมเชยแต่ความต่างระหว่างพลังนั้นมากเกินไปนัก
โจรที่เป็นเซียนขั้นสองมองนางพลางดูถูก
“หึหึ!อย่าฆ่านางล่ะ เราค่อยขายนางหลังจากที่เราสนุกกับนางจนพอใจแล้ว!”
ฉั่วะ!
ไหล่ของชาเอ๋อถูกเซียนขั้นสองแทงทะลุตั้งแต่เริ่มสู้  จากนั้นเซียนขั้นหนึ่งก็เรียกเชือกสีดำออกมามัดรอบคอของนาง
เชือกนี้คือสมบัติอสูรมันผนึกพลังเซียนของชาเอ๋อได้ในทันที
ด้วยเหตุนี้ชาเอ๋อจึงถูกจับอย่างง่ายดาย
เห็นดังนั้นอสูรวัยกลางคนตะโกนด้วยความโกรธแค้นและต้านศัตรูทั้งสองออกไป เมื่อเขาหันกลับและกำลังจะช่วยลูกสาว ศัตรูทั้งสองที่มีพลังเทียบเท่าเขาก็เห็นจุดอ่อนที่ด้านหลัง
ฟึ่บ!
หอกทมิฬพุ่งออกจากมือโจรทะลวงร่างอสูรวัยกลางคนทันที
มีหนามที่ปลายหอกสามที่ซึ่งมันทำให้หอกปักแน่นกับร่างของอสูรกลางคน
โจรทั้งสองแสยะยิ้มและดึงหอกกลับมาอสูรวัยกลางคนถูกลากกลับด้วยความเจ็บปวด
แผ่นหลังของเขาฉีกขาดจากฝีมือโจรทั้งสอง
ร่างของอสูรวัยกลางคนแทบจะถูกฟันเป็นสามท่อน!
แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้แม้จะบาดเจ็บสาหัสเขาตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวขณะที่พยายามสลัดตัวให้พ้นจากหอกเพื่อที่จะไปตัดเชือกที่คอบุตรสาว
ปั้ง!
เสียงระเบิดดังลั่นเขาถูกซัดลงไปกองกับพื้นอย่างแรงด้วยสมบัติอสูรที่คล้ายก้อนอิฐโดยโจรคนหนึ่ง
เช่นเดียวกับเชือกทมิฬสมบัติอสูรที่ดูเหมือนก้อนอิฐชิ้นนี้สามารถผนึกพลังของเซียนได้ ขณะนี้ ไม่ว่าอสูรวัยกลางคนจะพยายามสลัดตัวให้พ้นจากหอกเท่าใด เขาก็มิอาจขยับได้อีกแล้ว
“ท่านพ่อ!”
ชาเอ๋อกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาน
อสูรวัยกลางคนร้อนรนในใจเป็นอันมาก  โจรสี่คนนี้แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อวิชาและสมบัติอสูรที่มีทำให้เขาประหลาดใจ
แต่เรื่องพื้นเพของโจรเหล่านี้ไม่สำคัญอีกแล้วเขารู้ว่าสิ่งที่เขากำลังจะเจอนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าความตาย!
บุตรสาวของเขาจะตายอย่างทรมานหลังจากถูกพวกบัดซบนี่ขืนใจ
“ฮ่าๆๆๆ!ไม่คิดเลยว่าหน่วยลาดตระเวนจะมาแพ้ง่าย ๆ แบบนี้!”
หัวหน้าโจรยิ้มเหยียดหยามโจรอีกสามคนเองก็ตื่นเต้น พวกมันรู้ว่าหน่วยลาดตระเวนที่เป็นผู้ติดตามของอสูรคุมดินแดนนั้นร่ำรวยกว่าอสูรทั่วไป!
“หมายเลขหนึ่งกับสองสมบัติของพวกมันเป็นของเจ้า ข้าต้องการแค่ผู้หญิง! หึหึ! ข้าไม่ได้นอนกับผู้หญิงจากตระกูลใหญ่มานานแล้ว!”
“ไม่มีปัญหา!หลังจากนี้ ข้าจะรายงานจบภารกิจ พวกเราจะได้รางวัลอีกเพียบ!”   โจรทั้งสี่เริ่มที่จะแบ่งสมบัติกันด้วยรอยยิ้มโลภโมโทสัน
“เฮ้!พวกเจ้าสี่คน! พวกเจ้าลืมข้าไปแล้วใช่ไหม?”
ซือหยูกอดอกพลางพูดด้วยความเย็นชา
อาจเป็นเพราะพลังต่ำต้อยของซือหยูโจรทั้งสี่จึงเมินเขาอย่างหน้าตาเฉย
ก่อนหน้านี้ซือหยูไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะเขาไม่สนใจเรื่องขัดแย้งภายในของอสูร
แต่ซือหยูประทับใจที่เห็นผู้เป็นพ่อพยายามสุดความสามารถเพื่อที่จะช่วยลูกสาวพวกเขาเหล่านี้คืออสูรตามเรื่องเล่าที่เขาเคยได้ยินมารึ?
เท่าที่ซือหยูรู้อสูรนั้นมักมาก ดุร้าย เห็นแก่ตัว และโหดเหี้ยม พวกมันพยายามที่จะทำตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นโดยการกลืนกินสิ่งมีชีวิตอื่น
แต่อสูรใจดีสองคนนี้ให้ความคุ้มครองซือหยูในระหว่างทางความกล้าของลูกสาวและการขัดขืนอย่างยากลำบากของผู้เป็นพ่อทำให้ซือหยูประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
บางทีอสูรในแดนอสูรอาจจะต่างจากอสูรที่ข้ารู้!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ซือหยูจึงตัดสินใจที่จะช่วยอสูรทั้งสอง
“หึหึ!น่าสนุกนี่! ถ้าเจ้าเอาแต่เงียบ พวกข้าก็คงจะเมินเจ้าไปแล้ว! อสูรที่เป็นแค่อสูรเนรมิตรราคาถูกเกินไปสำหรับพวกข้า แต่หากเจ้าไม่รู้จักสงบปากสงบคำ พวกข้าก็จะเอาเจ้าไปขายด้วย เจ้าหน้าตาใช้ได้ บางทีอาจจะมีผู้หญิงรวยต้องการเจ้า!”
เซียนขั้นหนึ่งที่ไม่ได้เข้าร่วมต่อสู้เมื่อครู่เดินไปหาซือหยูด้วยรอยยิ้มจากนั้นเขาก็ยื่นดัชนีมาที่ไหล่ของซือหยู
เขาเป็นเซียนขั้นหนึ่งเขาเชื่อเหลือเกินกว่าเขาจะสามารถจับอสูรเนรมิตรได้อย่างง่ายดาย  แต่เขาก็ต้องตกใจที่ซือหยูดีดดัชนีของเขาด้วยสองดัชนีที่มีแสงประกายสีทอง
จากนั้นโจรก็เริ่มกรีดร้องด้วยความทรมานเพราะดัชนีหักไปแล้ว
จากนั้นเสียงกรีดร้องก็หยุดลงเพราะดัชนีสีทองของซือหยูทะลวงกะโหลกของเขามันสังหารทั้งกายหยาบและดวงวิญญาณไปพร้อมกัน
เมื่อร่างไร้วิญญาณของอสูรล้มลงกับพื้นโจรอสูรที่เหลืออีกสามตนจึงหุบยิ้มและเบิกตากว้างจ้องซือหยู
The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท