โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 519 – เมฆครามละลานตา

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ep.519 – เมฆครามละลานตา

วูซ วูซ วูซซซ!

ฮอลศึกลำแล้วลำเล่าถูกฉินเฟิงแซง ทิ้งไว้เบื้องหลัง

“บัดซบ! ไอ้บ้านั่นมันมาจากไหนกัน? จะรีบไปตายรึไง!”

“กล้าแซงฉัน? ไม่คิดไว้หน้าสมญา ‘นักซิ่งสายฟ้า’ ของบิดาเลยหรือไร?”

“เฮ้ย! ฉันไม่ชอบให้ใครมาแซง มางัดกันเลยว่าเครื่องยนต์ใครเหนือกว่ากัน!”

ผู้ใช้พลังบนห้องโดยสาร และมือปืนคนขับอีกหลายคน ต่างปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ เร่งความเร็วขับตามทันที

อย่างไรก็ตาม พวกเขาไล่ทันได้เพียงฝุ่นที่ทิ้งไว้เบื้องหลังของฮอลศึกดัดแปลงของฉินเฟิงเท่านั้น

ภายในเวลาไม่กี่นาที ฉินเฟิงได้กลายเป็นหัวหอก นำหน้าสุดของฝูงบินฮอลศึก

แต่ใช่ว่าทุกคนจะสนุกไปกับมัน บางคนบนห้องโดยสาร เร่งกล่าวออกมา “นี่คือรุ่นเมฆครามใช่ไหม? ฉันจำได้ว่าเคยขับมันมาก่อน ถึงมันจะเร็ว แต่ก็เบาและไม่ทนทาน ทั้งยังไม่ได้ติดอาวุธหนักใดๆ … ฉันว่าเราควร–”

“เฮ้ ไม่เอาน่า อย่าทำให้หมดสนุกสิ ฮอลศึกลำนี้ดัดแปลงความเร็วแล้ว คงดัดแปลงอาวุธมาเหมือนกัน ถูกไหมน้องชายคนขับ?”

“นี่มันโคตรเจ๋งเลย ถ้าได้ใช้เครื่องยนต์ของมันในการต่อสู้จริง บางทีพวกเราอาจหนีได้เร็วกว่าเดิมก็ได้”

“ฉันขอถามหน่อยจะได้ไหมว่าคุณซื้อฮอลศึกดัดแปลงลำนี้มาจากที่ไหน”

สีหน้าของเกือบทั้งหมดต่างแสดงออกถึงความตื่นเต้น ภายใต้การเร่งความเร็วของฉินเฟิง จากเดิม 40 นาทีกว่าจะถึงชายแดน ตอนนี้ใช้เวลาเพียง 15 นาทีก็จะถึงแล้ว!

ฮอลศึกลำอื่นๆ ย่อมเร่งความเร็วตาม แม้จะปรับเป็นความเร็วสูง แต่ก็สามารถทำได้เพียงเห็นจุดเล็กๆของฉินเฟิงจากระยะไกล

“แกว๊ก!”

ทันใดนั้นเอง จู่ๆเสียงนกร้องพลันดังขึ้นอย่างกะทันหัน

สีหน้าตื่นเต้นของผู้คนในเมฆครามแปรเปลี่ยนไป

“เป็นสัตว์ร้าย!”

พลังสมาธิและพลังในการรับรู้ของฝูงชนถูกส่งออกไป และค้นพบเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว

เป็นสัตว์ร้ายที่กำลังสยายปีกอยู่เบื้องหน้า ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องล่างของมัน คือกำแพง-ชายแดนของป่าหยวน!

ช่วงเวลานี้ มองจากระยะไกล มองเห็นพวกมันไม่ต่างไปจากคลื่นสีดำที่กำลังกระเพื่อมไหว กำลังภายในและพลังสมาธิมุ่งเน้นไปที่ดวงตา ทำให้สามารถมองเห็นภาพในระยะไกลได้ พวกเขาค้นพบว่ากองทัพสัตว์ปีกเหล่านี้ กำลังกำลังโจมตีกำแพงชายแดนอยู่!

บนท้องฟ้า สัตว์ร้ายบินได้ ตั้งท่าโจมตีตลอดเวลา และทุกครั้งที่มันถลาตัวลง มักจะคว้าทหารรักษาชายแดนขึ้นไปได้อย่างทันท่วงที

“อ๊าาาาา!!”

เสียงร้องตะโกนน่าเวทนาดังขึ้น

จากนั้น ทหารที่ถูกจับได้ก็โดนสัตว์ร้ายฉีกเป็นชิ้นๆ และแบ่งปันให้ตัวอื่นๆกิน

ระหว่างนั้นเอง สัตว์ร้ายบินได้บางตัวได้เห็นเมฆครามของฉินเฟิงจากระยะไกล พวกมันกระพือปีก โฉบบินเข้าหาทันที

ผู้ใช้พลังในห้องโดยสารของเมฆคราม สีหน้าแปรเปลี่ยนไป

“นั่นอินทรีย์ยักษ์โบราณ เลเวลC5!”

ซึ่งผู้ใช้พลังบนเมฆคราม มีเพียงสองคนเท่านั้นที่มีเลเวลมากกว่า C5 และมิใช่มนุษย์ทุกคนที่จะสามารถเอาชนะสัตว์ร้ายในระดับเดียวกันได้

และตอนนี้ ยิ่งเมื่อเห็นว่ามีอินทรีย์ยักษ์ทั้งหมดเกือบ 20 ตัว สีหน้าของแต่ละคนก็กลายเป็นซีดขาว

“หนี! รีบวกกลับเร็วเข้า!” โชคดีที่มีทีมอื่นๆตามมาจากเบื้องหลัง ดังนั้น ตราบใดที่ถอยกลับไป ทุกคนจะสามารถช่วยกันยิงโจมตี และรับประกันความปลอดภัยได้

แต่นั่นคือความคิดของพวกเขา มิใช่ความคิดของฉินเฟิง

ฉินเฟิงทำตรงกันข้าม เขามิได้ชะลอความเร็วลง แต่กลับเร่งมันขึ้นแทน

ณ ขณะนี้ ฮอลศึกที่ตามมาเบื้องหลัง เป็นธรรมดาที่จะเห็นฉากเบื้องหน้า

“ฮ่าฮ่าฮ่า ไอ้เด็กบ้า อยากซ่าบินเร็วนัก เจอสัตว์ร้ายเข้าซะเลยเป็นไง กุ๊กๆๆ มาสิ รีบหนีหางจุกตูดมาขอความคุ้มครองจากบิดาเร็ว!”

ฮอลศึกลำอื่นๆ ทุกคนหัวเราะสะใจ ยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่น

“เร็วนักแล้วมันยังไง? สุดท้ายถ้าสู้เพียงลำพังไม่ได้ ก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี!”

“อ้าว? เจ้าหนูนั่นมันเสียสติไปแล้วรึไง? ทำไมถึงเร่งความเร็วแทน ฉันว่าแบบนี้ ภาพต่อไปที่ได้เห็น คงเป็นฉากของฮอลศึกถูกทำลายเป็นชิ้นๆแน่ๆ น่าสงสารผู้ใช้พลังบนนั้นจริงๆ ที่ต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วย เจอคนขับงี่เง่าแบบนี้!”

ขณะนี้ ภายในเมฆคราม ผู้ใช้พลังต่างจ้องมองฉินเฟิงด้วยความโกรธ คนหนึ่งก้าวไปยังโซนคนขับ คว้าไหล่ฉินเฟิง

“นี่นายจะบ้าหรอ? นั่นมันสัตว์ร้ายเลเวล C5 นะ รีบวกกลับเร็วเข้า อยากเสียฮอลศึกไปรึไง แค่เร็วอย่างเดียวใช่ว่าจะสามารถ … ”

แต่ก่อนที่เขาจะทันพูดจนจบประโยค ในมุมมองเบื้องหลังคนขับ เห็นแค่เพียงหน้าต่างโปร่งใสเบื้องหน้าของฮอลศึก สาดประกายแสงสีฟ้าสดใสออกมา

ลำแสงสีฟ้าพุ่งออกไป ยิงเข้าแสกหน้าอินทรีย์ยักษ์โบราณอย่างรวดเร็ว

เนื่องจากขนาดตัวของอินทรีย์ค่อนข้างใหญ่ ตัวโตราวๆ 12 – 15 เมตร แทบจะเท่ากับเมฆครามเลยด้วยซ้ำ นี่จึงไม่น่าแปลกใจ ว่าทำไมผู้คนในฮอลศึกเบื้องหลัง ถึงกล่าวว่าเมฆครามอีกไม่นานคงถูกฉีกเป็นชิ้นๆ นั่นเพราะสัตว์ร้ายอินทรีย์มันตัวใหญ่เกินไป!

อย่างไรก็ตาม หลังจากลำแสงนี้ยิงออกไป มันกลับสามารถทะลุร่างกายของอินทรีย์ยักษ์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ กระทั่งอินทรีย์อีกสองตัวที่บินตามหลังมา ก็ยังถูกลำแสงเจาะทะลุลำตัว–

–ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสามตัว!

อินทรีย์ยักษ์โบราณไม่แม้จะได้ดิ้นรนขัดขืน ร่วงตกจากฟากฟ้า หมดสิ้นลมหายใจในทันที

ผู้ใช้พลังที่ก้าวเข้ามาตำหนิฉินเฟิง อ้าปากค้างทั้งๆอย่างงั้น ตกตะลึงกลายเป็นบื้อใบ้

ผู้ใช้พลังคนอื่นๆราวกับมีอะไรมาจุกที่คอ มิอาจเปล่งคำใด

“ปล่อยมือแล้วยืนให้มั่น!”

ฉินเฟิงเปิดปากของเขา จากนั้นหักเลี้ยวเมฆครามไปทางซ้ายอย่างแรง

ระหว่างนั้น ลำแสงสีเงินปะทุออกมาอีกครั้ง

ลำแสงนี้ จู่โจมเป็นเส้นตรง อินทรีย์ยักษ์โบราณสี่ตัวเรียงติดกัน ถูกลำแสงนี้ยิงทะลุไปถึงสามตัว ในขณะที่ตัวสุดท้ายตระหนักถึงสถานการณ์ได้ทัน มันหักหลบได้หวุดหวิด ทว่าลำแสงสีฟ้ากลับหักเหทิศทางอย่างกะทันหัน วกกลับมาระเบิดหัวมันในเสี้ยวพริบตาเดียว!

ภายในห้องโดยสารเมฆคราม ฝูงชนโคลงเคลงไปมา แต่ไม่นานก็ปรับตัวได้ พวกเขาใช้พลังสมาธิและกำลังภายใน ถ่ายเทลงไปที่เท้า ให้พวกมันทำหน้าที่ราวกับตัวดูด เพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย

หวือออ!

เมฆครามบินวกกลับมา มุ่งหน้าสู่กำแพงชายแดนอีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ฝูงอินทรีย์ยักษ์ที่เหลือได้ค้นพบการดำรงอยู่ของฉินเฟิงแล้ว เพราะอย่างไรเสีย สองลำแสงพลังงานเมื่อครู่ มันทั้งรุนแรง และสว่างเตะตาเกินไป ไหนจะความตายของสหายทั้งเจ็ด แล้วแบบนี้พวกมันจะยอมปล่อยฉินเฟิงไปได้อย่างไร?

“แกว๊ก!”

อินทรีย์ยักษ์สยายปีกของมัน ก่อนโถมตัวลงจากฟากฟ้า หุบสองปีกแนบลำตัว พุ่งตรงเข้ามาราวกับกระสุนปืนใหญ่ แหวกอากาศเข้าหาเมฆครามของฉินเฟิง

ฉินเฟิงจำต้องดึงคันโยก บังคับฮอลศึกถอยไปสักเล็กน้อย จากนั้นเริ่มสาดลำแสงพลังงานอีกครั้ง

ซี่ ซี่ ซี่ ซี่ ซี่ ซี่ ซี่!

เพียงพริบตา กว่าเจ็ดอินทรีย์ยักษ์ร่วงหล่นจากฟ้า

ความแม่นยำเช่นนี้ ชวนผู้คนต้องอัศจรรย์ใจ แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนทึ่งจริงๆก็คือ ปืนใหญ่พลังงานของฉินเฟิง ที่อานุภาพของมันสามารถเจาะทะลวงศัตรูได้อย่างง่ายดาย เมื่อโดนเป้าหมายแล้วพลังงานยังคงควบแน่น ไม่กระจัดกระจายออกไปนี่อย่างน้อยสมควรมีความรุนแรงในระดับเลเวล B มิฉะนั้นจะสามารถสังหารกว่าเจ็ดสัตว์ร้ายในครั้งเดียวได้หรือ?

หลังจากเจ็ดอินทรีย์ร่วงหล่นลง ผืนฟ้ามิได้ให้ความรู้สึกราวกับมีบางสิ่งมาคอยบดบังแสงอาทิตย์อีกต่อไป หลงเหลือเพียงอินทรีย์ 5 ตัว และเมื่อพวกมันเห็นเมฆครามของฉินเฟิงตรงเข้าหา ต่างก็กรีดร้องคำหนึ่ง แตกกระเจิง หลบหนีไปทุกทิศทาง

“เหอะ!” ฉินเฟิงส่งเสียงในลำคอ ปืนใหญ่รองสาดกระสุนออกไปทันที

การยิงในครั้งนี้ มิใช่เป็นในรูปแบบลำแสงพลังงาน หากแต่เป็นกระสุนปืนใหญ่ติดตาม

ทั้งห้าลูก ล็อคเป้าไปยังห้าอินทรีย์ยักษ์

ในขณะที่ฝูงอินทรีย์ยักษ์โบราณ ไม่มีการดำรงอยู่ดั่งเช่นมือปืน พวกมันไม่สามารถเปลี่ยนความเร็วหรือเบี่ยงวิถีกระสุนได้ ทำได้เพียงเร่งความเร็วขึ้นเล็กน้อย

ทว่า … ความเร็วของพวกมัน จะไปเทียบกับกระสุนปืนใหญ่ได้อย่างไร?

ไม่นานเกินรอ กระสุนปืนใหญ่เจาะลงบนร่างของพวกมัน

เปรี๊ยะ!

กระสุนปืนใหญ่แตกตัวทันที ทว่ามันกลับไม่ก่อประกายไฟใดๆ สะท้อนให้เห็นเพียงแสงหลากสี จากนั้น อินทรีย์ยักษ์โบราณราวกับกลายเป็นผลึก ก่อนแตกสลายในพริบตา

“นั่นปืนใหญ่สลายอนุภาค!”

ฝูงชนเบิกตากว้าง จ้องมองฉินเฟิงด้วยความตกตะลึง!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท