โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 564 – สถานการณ์พลิกผัน

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ep.564 – สถานการณ์พลิกผัน

วังเฉินคิดถ่วงเวลาจริงๆ แต่จุดประสงค์ของเขาไม่ใช่แค่เมืองลอยฟ้า

เทียนหยานคล้ายล่วงรู้ถึงความคิดอีกฝ่าย กล่าวอีกครั้ง “ส่วนเรื่องผู้การรัฐของแก เลิกหวังไปได้เลย ไม่เคยได้ยินวลีที่ว่า ‘บ่อน้ำไกลไม่อาจดับกระหาย’ รึไง?”

อย่างไรก็ตาม หลังคำสุดท้ายของประโยคตกลง น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสงสัยก็เอ่ยสวนกลับมา

“จะใช่หรอ?”

เสียงนี้ ไม่ได้มาจากวังเฉิน อีกอย่างการตั้งคำถามกวนๆแบบนี้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้หากมาจากเซ่าเซี่ยง

คาดว่าน่าจะเป็นบุคคลที่สามในที่แห่งนี้

เส้นสมองของเซ่าเซี่ยงเขม็งเกร็ง หัวใจเต้นระรัวราวกับตกลงไปในหุบเหวลึก บังเกิดความรู้สึกอื้ออึง แข้งขาอ่อนเปลี้ยไร้กำลัง

เขาสะบัดหน้าขึ้นทันใด ทว่าภายใต้ความตื่นตระหนก กลับไม่พบเห็นผู้ใด

“ใครกัน?” เทียนหยานเองก็ตกใจไม่น้อย เพราะภายใต้การรับรู้ของเขา มันไม่มีใครอยู่เลย

หากเสียงนี้ไม่ได้หูแว่วไปเอง ก็มีเพียงความเป็นไปได้เดียว นั่นคือทักษะในการลอบเร้นของอีกฝ่าย แข็งแกร่งกว่าตัวเขา

ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้น เทียนหยานรู้สึกเย็นสันหลังวาบ วินาทีต่อมา ฝ่ามือหนึ่งได้ประทับลงบนแผ่นหลังเขา

เทียนหยานตะลึงงัน

เขาหันขวับไปอย่างแรง แต่หางตาเห็นแค่เพียงผิวหนังช่วงแก้มที่ยังดูอ่อนวัย จากนั้น พลังมหาศาลก็ถูกส่งออกจากฝ่ามือ

ร่างของฉินเฟิง ไม่ทราบมายืนอยู่ข้างกายวังเฉินตั้งแต่เมื่อไหร่ ขณะเดียวกันเทียนหยานที่กำลังกดดันวังเฉิน ถูกฝ่ามือของฉินเฟิงระเบิดปลิวออกไป

โครม!

เทียนหยานปลิวกระแทกเข้ากับผนังของวิลล่า ผนังวิลล่าทำจากวัสดุพิเศษ มันเลยไม่ยุบ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นภาพจิตรกรรมบฝาผนัง , เครื่องประดับตกแต่ง ทั้งหมดต่างร่วงกราว ตกกระจัดกระจายลงกับพื้นส่งเสียงดัง

“อ๊อก!”

เทียนหยานกระอักเลือดออกมา

เมื่อครู่ ฉินเฟิงใช้กำลังภายในเพียง 1% เท่านั้น แต่ 1% ที่ว่ามันเทียบเท่ากับสระน้ำกำลังภายในกว่า 9 สระ ดังนั้นสามารถตบเทียนหยานม้วนกลิ้งได้ง่ายๆโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด

“ตอนนี้ ผมขอถามกลับบ้าง คุณยังรู้สึกว่าบ่อน้ำที่อยู่ห่างไกล ยังไม่สามารถดับกระหายได้อีกรึเปล่า?” น้ำเสียงของฉินเฟิง ราวกับเสียงกระซิบของปีศาจร้าย

เทียนหยานฝืนยืนอย่างยากลำบาก เร่งใช้กำลังภายในตนสลายมวลอากาศที่กำลังอาละวาดในกายเขา ความเจ็บปวดเล่นเอาหน้าผากของเขาท่วมไปด้วยเหงื่อเย็น

“แกเป็นใครกัน!” เทียนหยัน เงยหน้าถาม

ฉินเฟิงกล่าว “ผมไม่ได้ตีหัวคุณสักหน่อย ฉะนั้นน่าจะยังไม่เลอะเลือนนะ คุณไม่รู้จริงๆหรอว่าผมเป็นใคร เมื่อกี้ยังพูดถึงอยู่เลย”

เทียนหยานเพ่งมองใบหน้าอ่อนเยาว์ของฉินเฟิง ความคิดหนึ่งวาบผ่านเข้ามา

“ฉินเฟิง … แกคือฉินเฟิง! ไม่ใช่ว่าแก–”

“–ตายไปแล้ว หรือไม่ก็ติดอยู่ในเขตแดนลับใช่ไหม? ฮี่ฮี่ .. ” ฉินเฟิงแทรกคำ พลางแสยะยิ้ม

เมื่อผู้แข็งแกร่งที่สุดปรากฏกาย เซ่าเซี่ยงคุกเข่าลงกับพื้นทันที ไม่ทราบเป็นเพราะเขาต้องการอ้อนวอนขอฉินเฟิงยกโทษ หรือเป็นเพราะหวาดกลัวจนไร้เรี่ยวแรงกันแน่

“ลูกพี่ ลูกพี่ผมผิดไปแล้ว แต่คุณก็เห็นว่าผมได้รับความไม่เป็นธรรม ทั้งๆที่ตั้งใจทำงานและฝึกฝนอย่างหนัก ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะ ผมไม่ได้ตั้งใจทำแบบนี้ เป็นเขาที่ขู่ผม เป็นเขา!” เซ่าเซี่ยงเร่งอธิบาย น้ำตานองหน้า น้ำมูกหยดย้อย คุกเข่าหมอบกราน กอดขาฉินเฟิง กระดิกหางร้องขอความเมตตาราวสุนัข

อย่างไรก็ตาม ห้วงอารมณ์ของฉินเฟิงมิได้ถูกสั่นคลอนแต่อย่างใด มันนิ่งสงบ สีหน้าว่างเปล่า

มีดกษัตริย์ครามปรากฏขึ้นในมือฉินเฟิง ตวัดลงลวกๆ มันรวดเร็วจนแทบมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวใด ประกายแสงบางอย่างเฉือนผ่านลำคอขอเซ่าเซี่ยงในพริบตา ไร้ซึ่งสรรพเสียง กระทั่งสายตา ฉินเฟิงยังไม่แม้จะเหลียวมอง

หากไม่ใช่เพราะฉินเฟิง คนอย่างเซ่าเซี่ยงคงตายในเมืองหานไปแล้ว อีกฝ่ายติดตามฉินเฟิงมาเพียงหนึ่งปี แต่กลับสามารถก้าวไปถึงเลเวล E 3 ได้มากขนาดนี้ยังไม่พอใจอีกหรือ?

หากเขาตั้งใจฝึกฝนอย่างหนัก อนาคตยังอีกยาวไกล ค่อยๆส่งเสริมความแข็งแกร่งไปเรื่อยๆ เฝ้ารอจนกว่าฉินเฟิงก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด ถึงเวลานั้น ใครที่ติดตามเขา ผลลัพธ์ย่อมไม่เลวร้ายแน่นอน

แม้ทุกคนจะรู้เรื่องนี้ดี แต่จะมีสักกี่คนกันที่สามารถตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองอย่างหนักโดยไม่เกิดความริษยา

สีหน้าของเซ่าเซี่ยงกลายเป็นแข็งค้าง จากนั้น ศีรษะของเขาก็เริ่มร่วงไปตามแรงโน้มถ่วง ตกลงกับพื้น เลือดไม่ทะลักออกมาสักหยดเดียว รอยตัดถูกเปลวเพลิงสีแดงอมม่วงเผาปิดรูสนิท

เมื่อเห็นฉินเฟิงสังหารเซ่าเซี่ยงอย่างไม่ลังเล คู่ดวงตาของเทียนหยานก็หดวูบลง ชายคนนี้ไม่ให้โอกาสผู้ใต้บังคับบัญชาได้แก้ตัวแม้แต่นิดเดียว การจะทำเช่นนี้ได้ จำต้องมีหัวใจแกร่งดั่งหินผา อย่างน้อยในแง่ของการตัดสินใจ ไม่มีช่องโหว่ใดๆ!

ยิ่งไม่กว่านั้น เพียงฝ่ามือเดียว เทียนหยานก็ตระหนักได้ทันที ว่าตนเองมิใช่คู่ต่อสู้ของฉินเฟิง!

ตบออกด้วยฝ่ามืออย่างสบายๆ แต่กลับทำร้ายเขาบาดเจ็บสาหัส แล้วแบบนี้จะสู้กันได้ยังไง!

‘หนี! เราต้องหนี!!’

เทียนหยานคิด หมุนไปอีกทาง ดีดผึงหนีไปอย่างไม่ลังเล

น้ำเสียงเย็นชาของฉินเฟิง ดังสะท้อนไล่หลัง

“คิดหนีเอาตอนนี้ มันจะไม่สายไปหน่อยหรอ? เห็นว่าที่นี่เป็นสถานที่จะมาก็มา จะไปก็ไปรึไง? ”

ช่วงท่อนหลังๆของประโยค แฝงไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยว

แม้ตนจะสังหารเซ่าเซี่ยงอย่างไม่ลังเล แต่เวลานี้ฉินเฟิงรู้สึกโกรธมาก!

เพราะถึงเซ่าเซี่ยงจะไม่พอใจเฟิงหลี แต่หากเทียนหยานไม่ปรากฏตัว เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นหรอ?

พวกพนักงานบางคนที่หลบหนีไปช่วงแรกๆด้วย ตอนนั้นคงถูกใครบางเป่าหูเหมือนกัน การกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากการกระตุกหนวดเสือของฉินเฟิง!

อภัยให้ไม่ได้!

ไม่จำเป็นต้องใช้ออกด้วยเทคนิคก้าวมังกร ฉินเฟิงอาศัยพละกำลังกายอันแข็งแกร่ง พริบตาเดียว มาโผล่นอกวิลล่า แม้เทียนหยานจะทุ่มออกด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดที่มี แต่ผ่านไปแค่เจ็ดวินาที หรือเป็นเวลาเดียวกันกับที่คำพูดของฉินเฟิงตกลง พลังมหาศาลก็ถูกส่งออกมาอีกครั้ง

คราวนี้ เทียนหยานเรียกโล่ปราณกำลังภายในออกมาเตรียมไว้ล่วงหน้า เนื่องจากเขาได้มาเหยียบเลเวล C แล้ว ดังนั้นปราณกำลังภายในจับตัวกันหนาแน่นอย่างหาที่ใดเปรียบ ทว่าภายใต้การโจมตีของฉินเฟิง มันกลับไร้ซึ่งอำนาจจะต้านทาน

เพล้ง!

โล่ปราณกำลังภายในถูกทุบทำลายโดยตรง

ฉินเฟิงเหยียบลงบนต้นขาของเทียนหยาน

ตูม!

“อ๊ากกกก”

ก่อนที่เทียนหยานจะเข้าไปในวิลล่าของวังเฉิน เจ้าตัวยังใช้กำลังภายในปกคลุมพื้นที่นี้เอาไว้ ทำให้ไม่อาจมีเสียงใดเล็ดลอดออกไป แต่ตอนนี้ เมื่อเทียนหยานต้องการหลบหนี เขาจะไปมัวสนใจเรื่องปกคลุมกำลังภายในอยู่ได้ยังไง

เสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังขึ้น ปลุกผู้คนที่พักอาศัยในโซนชั้นสูงของเฟิงหลีกันถ้วนหน้า

หลายคนวิ่งออกมาจากวิลล่าในไม่กี่อึดใจ อย่างไรก็ตาม หลังจากพวกเขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งหมดหยุดฝีเท้ากะทันหัน บังเกิดความประหลาดใจ , ตื่นเต้น , ไม่สบายใจ แตกต่างกันไปสะท้อนในแววตา

ฉินเฟิง –เจ้าเมืองเฟิงหลี ประธานกลุ่มเฟิงหลี ได้กลับมาแล้ว!

ตูม!

อีกเท้าย่ำลงขาอีกข้างของเทียนหยาน ทั้งเนื้อทั้งกระดูกแหลกเป็นเสี่ยงๆ

“อ๊าาาาาาากกกกกกกก” กำลังภายในของเทียนหยานพลุ่งพล่าน ระเบิดกระบวนท่าวรยุทธร้ายกาจ คล้ายคนถึงฆาตพยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้าย

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฉินเฟิง กระบวนท่าวรยุทธเหล่านี้ , กำลังภายในเหล่านี้ ล้วนกลายเป็นสิ่งไร้ค่า

“อ่อนแอเกินไป แกมันช่างอ่อนแอ ไปกินดีหมีหัวใจเสือที่ไหนมา ถึงกล้าบุกเฟิงหลีของฉัน?”

ขณะกล่าว ฉินเฟิงกระทืบเท้าลงอีกสองครั้ง คราวนี้สองแขนของเทียนหยานถูกบดบี้ เหลืองเพียงลำตัวที่ยังดีอยู่!

หัวใจของเทียนหยานฟุ้งไปด้วยความหวาดกลัว เขามองฉินเฟิงไม่ต่างไปจากปีศาจ ไม่มีความคิดที่จะต่อต้านหรือหลบหนีอีกต่อไป

“ประธานฉิน นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด! ทั้งหมดแค่เรื่องเข้าใจผิด!”

“ฮา!”

ฉินเฟิงหัวเราะ แต่เสียงหัวเราะนี้ กลับแฝงไปด้วยเจตนาประชดถากถาง

“เข้าใจผิดงั้นหรอ? แค่ความเข้าใจผิด แต่แกกลับบุกมาในเฟิงหลีของฉัน สังหารไปมากกว่าสิบชีวิต ทั้งยังเหยียบหัวผู้บริหารระดับสูง? ทำถึงขนาดนี้ ยังเรียกว่าเข้าใจผิดได้อีกหรอ?”

ฉินเฟิงไม่เสียเวลาอีกต่อไป ยื่นเท้ามาเหนืออกศัตรู ตราบใดที่เท้านี้ย่ำลง เทียนหยานคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท