โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 568 – เขตแดนลับชั้นที่ 5

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ep.568 – เขตแดนลับชั้นที่ 5

“วางใจเถอะ หลังจากเปิดเขตแดนลับได้แล้ว รางวัลของนายจะไม่ขาดตกแน่นอน”

แม้ปากฮงรีจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา แต่ในหูของเหวินไห่แทบไม่อยากรับฟังแล้ว

ในหัวใจของเขายิ่งมายิ่งรู้สึกหงุดหงิด

เหวินไห่ก็ไม่กล้ากล่าวอะไรอีก ได้แต่หวังว่าฮงรีจะไม่ผิดคำพูด

ในตอนนั้นเอง บนเส้นขอบฟ้าที่ห่างไกล ปรากฏแสงน้อยๆสะท้อนเข้ามา

“ท่านประธาน เกิดเรื่องแล้ว!”

มือปืนยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมา มองไปยังจุดสีดำจากระยะไกลอย่างรวดเร็ว และสามารถระบุสถานะของมันได้ทันที

“เป็นฮอลศึกรุ่นเมฆคราม ภัยคุกคามระดับต่ำ”

เมฆครามโดดเด่นในด้านความเร็ว แต่ในด้านการต่อสู้ ถือว่ามีระดับภัยคุกคามต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งฮงรีที่มีเรือเหาะลำใหญ่ ย่อมสามารถสกัดหรือข่มขวัญผู้มาเยือนได้ไม่ยาก

แต่เมื่อมือปืนพูดจบ และพบว่าฮอลศึกมุ่งตรงมายังทิศทางของพวกเขา เจ้าตัวก็ผงะไป

‘เจ้าฮอลศึกนี่ เห็นเรือเหาะแล้วก็ยังตรงเข้ามา ชักจะกล้าหาญเกินไปแล้ว’

“เจ้านาย พวกเราควรยิงเตือนมันหรือไม่?” มือปืนเอ่ยถาม

ฮงรีขบคิดในใจ สักพักเร่งกล่าว “ไม่ต้อง! นั่นไม่ใช่ผู้บุกรุก แต่เป็นเขา!”

แม้ ‘เขา’ ที่ฮงรีกล่าวจะไม่ระบุชื่อ แต่คนอื่นๆก็พอจะคาดเดาได้

แม้ฮอลศึกจะใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่ปรากฏกับเรือเหาะลำอื่น นี่ทำให้ผู้คนอดสนทนาไม่ได้

“ฉันคิดว่าประธานฉินคนนี้ จะนำเรือเหาะรุ่นดัดแปลงมาด้วยซะอีก ได้ยินมาว่าเรือเหาะลำนั้น มีปืนใหญ่อานุภาพร้ายแรงเทียบเท่ากับของเมืองลอยฟ้า!”

“นั่นสิ แต่สุดท้ายดันเป็นแค่ฮอลศึกลำเล็ก”

“บางที นั่นอาจเป็นการบ่งบอกว่ามาเยือนฉันมิตรรึเปล่า?”

ระหว่างฝูงชนกำลังสนทนา ในที่สุดฮอลศึกก็ร่อนลงจอด ส่วนเสียงฮือฮาของฝูงชน ก็หยุดลงตามเช่นกัน

ฉินเฟิงกับไป๋หลีก้าวลงมาจากฮอลศึก

จากนั้นก็วาดมือ เก็บมันลงในอุปกรณ์รูนมิติ

สิ่งนี้สามารถบ่งบอกได้ว่า ฉินเฟิงมากันสองคนเท่านั้น ไม่มีใครอื่นติดตามมาด้วย

ช่วงเวลานี้ กระทั่งฮงรียังรู้สึกชื่นชมในความกล้าหาญของฉินเฟิงเล็กน้อย

ฉินเฟิงสังหารคนของฮงรีไป แม้ตอนนี้ทั้งสองจะเอ่ยปากว่าร่วมมือกัน แต่หากฮงรีคิดผิดสัญญา กลับใจกะทันหัน ฉินเฟิงที่มีเพียงสองคน หรือพูดอีกอย่างว่ามีเลเวล C แค่สองคนคงไม่รอด! เพราะฝั่งฮงรี เลเวล B หนึ่งคน , เลเวล C สิบคน และเลเวล D อีกกว่า 40 – 50 คน!

‘ฉินเฟิงคนนี้ เขาจะมั่นใจในตัวเองมากเกินไปหน่อยไหม? ’ ฮงรีนึกในใจ แต่บนใบหน้าของเขา ยังแสดงออกถึงท่าทีต้อนรับ

ไม่ว่าจะแบบไหนก็ตาม แต่ฮงรียังไม่มีเจตนาที่จะฉีกหน้าอีกฝ่ายในตอนนี้

“ขออภัยที่ให้รอนาน” ฉินเฟิงกล่าวพลางพยักหน้าทักทาย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่หรอก พวกเราก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเถอะ”

“ตกลง เข้าไปด้วยกัน”

ทั้งสองไม่สนทนาอะไรให้มากความ

เหวินไห่สั่งการคนของตน ให้เปิดเขตแดนลับที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้

ฉินเฟิงสัมผัสได้ถึงรูนมืดที่พลุ่งพล่านอยู่รอบๆ เขาสามารถมองเห็นมันด้วยตาเปล่า อุปสรรคอันคลุมเครือที่คล้ายกับหมอกควันคอยขวางกั้นได้ปรากฏออกมา

อันที่จริง แม้คนเหล่านี้จะไม่ได้ถอนรูนมืดที่คอยปกปิดออก ฉินเฟิงก็ยังสามาถรับรู้ถึงมันได้อยู่ดี เพราะท้ายที่สุดแล้วรูนมืดที่คอยปกปิดนี้ มันเป็นหนึ่งในเทคนิคเก่าแก่ของฉินเฟิง

เขตแดนลับได้ถูกเปิดเผย แต่มันมิได้ดูใหญ่โตอะไร เพียงลอยล่องอยู่ข้างนอก และหากมองลึกเข้าไปจะเห็นว่าภายในประตูเขตแดนลับ ปรากฏพื้นที่ทั้งสิ้นสี่ส่วน แต่ละส่วนบ่งบอกชัดว่าเป็นชั้นแรกถึงชั้นสี่

ส่วนชั้นต่อไปหลังจากนั้น ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้

“ประธานฉิน เชิญ!”

“เชิญ!”

ทั้งสองก้าวเข้าไป พื้นที่แรกปรากฏสู่สายตา ดูจากลักษณะแล้วน่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเคยวางๆซ้อนๆกันอยู่ที่นี่ แต่ทั้งหมดได้หายไปแล้ว

ฉินเฟิงไม่ได้ใส่ใจ เพราะชั้นแรกกลุ่มฮงรีเคยเปิดมาก่อนแล้ว ดังนั้นเป็นธรรมดาที่สมบัติภายในจะถูกเก็บกู้ออกไปจนหมดสิ้น

ฉินเฟิงเดินแถวหน้า ไม่นานก็มาถึงชั้นสี่ และพบกับกำแพงอุปสรรคสู่ชั้นต่อไป

บนประตูเบื้องหน้า ปรากฏรูปสามเหลี่ยมหัวคว่ำลอยออกมา นี่เป็นสัญลักษณ์ของเทคนิคหนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์

ฉินเฟิงนำเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ออกมา ภายใต้การควบคุมของพลังสมาธิ เจตจำนงเริ่มลอยล่อง และตกลงไปในรูปสามเหลี่ยมคว่ำบนอากาศที่ว่างเปล่า ผลปรากฏว่ามันลงล็อคพอดี ราวกับเป็นพิมด้วยกัน

หึ่ง หึ่ง หึ่ง

กลิ่นอายพลังงานแพร่กระจายออกมาจากกำแพงอุปสรรค จากนั้นพลังงานทั้งหมดก็ไหลเข้าสู่หนทางสู่เจตจำนงค์ศักดิ์สิทธิ์ และไม่นาน กำแพงอุปสรรคชั้นนี้ก็หายไป

ฉินเฟิงมองไปยังเสื้อคลุมหยกของตน สัมผัสได้ถึงพลังงานมหาศาล ด้วยสิ่งนี้ ความเร็วในการฝึกฝนพลังสมาธิจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า นี่มันโชคสองชั้นโดยแท้ เสื้อคลุมหยกชิ้นนี้ จากตอนแรกเป็นแค่อุปกรณ์รูนเลเวล E แต่ตอนนี้ อย่างน้อยมันสมควรอยู่ในเลเวล C แล้ว เหมาะที่จะให้ประธานฉินใช้พอดิบพอดี” ฮงรีกล่าว

“อืม เหมาะพอดีเลย” ฉินเฟิงใช้พลังสมาธินำหนทางสู่เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์กลับมา และเริ่มก้าวติดตามฝูงชนก้าวเข้าสู่พื้นที่ถัดไป

มุ่งสู่เขตแดนลับในชั้นห้า!

และไม่เกินความคาดหมายของฝูงชน เพราะสมบัติที่กองอยู่ในชั้นนี้ ทั้งหมดล้วนเป็นวัตถุในเลเวล C มีตั้งแต่สมุนไพรวิญญาณ ยันแก่นสัตว์ร้ายระดับราชันย์ มีกระทั่งอุปกรณ์รูนแบบพิเศษ ดูเหมือนว่าจะเกิดจากการหลอมด้วยวิธีพิเศษตามชื่อมัน ทำให้มีรูปลักษณ์ที่ดูแปลกตา

ผู้ใช้พลังเลเวล C ของกลุ่มฮงรี ทั้งหมดต่างแสดงออกถึงความตื่นเต้น

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ประธานฉิน ครั้งนี้พวกเราได้รับสมบัติชั้นดี เดี๋ยวฉันจะให้คนไปช่วยแบ่งให้เอง”

“รบกวนคุณแล้ว” ฉินเฟิงพยักหน้า แต่ไม่ได้สนใจอะไรพวกนี้เลย อุปกรณ์รูนเลเวล C แล้วมันทำไม? ฉินเฟิงตอนนี้เป็นเจ้าของเกราะศักดิ์สิทธิ์ ใครจะมามัวสนขยะแบบนี้อีก?

สายตาของฉินเฟิง เบนไปตกลงบนประตูอุปสรรคชั้นหก หากเปิดมัน ข้างในย่อมมีอุปกรณ์เลเวล B ไม่ว่าในแง่มูลค่า หรือการใช้งานในอนาคต ทั้งสองล้วนกระตุ้นความสนใจของฉินเฟิง

คล้ายกับว่าจะเห็นถึงความคิดของฉินเฟิง แต่ฮงรีแสร้งทำเป็นไม่สนใจ แบ่งของให้แก่ฉินเฟิง

“ประธานฉิน ครั้งนี้ต้องขอบคุณจริงๆ นี่สมบัติในส่วนของคุณ”

ฮงรี่ส่งสัญญาณให้ลูกน้องยื่นอุปกรณ์รูนมิติ มอบแก่ฉินเฟิอง

ฉินเฟิงเพียงกวาดสายตามองเล็กน้อย พยักหน้าอย่างสงบ ก่อนเบนกลับมามองประตูชั้นหก และกล่าว “ไม่นึกเลยว่าจริงๆแล้วเขตแดนลับแห่งนี้ยังมีอีกชั้น นี่มันดูน่าสนใจไม่เลว ผมอยากจะรู้ว่าหลังจากนี้ มันจะมีทั้งหมดกี่ชั้นกันแน่”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันคิดว่ามันน่าจะมีอีกสักสองสามชั้น แต่อ้างอิงจากข้อมูลก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่ามันจะมีแค่หกชั้นเท่านั้น แต่ฉันคงไม่คิดรบกวนประธานฉินแล้ว”

“ประธานฮงโปรดวางใจ ที่ถามไปผมไม่ได้มีความคิดอะไรแอบแฝง ผมก็แค่คนหนุ่มที่เพิ่งได้รับการปลุกพลัง ในชีวิตแทบไม่เคยเห็นเขตแดนลับ ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมยังอยากอยู่ที่นี่ เพื่อเชยชมมันอีกสักหน่อย ถือเป็นการเพิ่มพูนความรู้ไปในตัว”

ฉินเฟิงกล่าวเช่นนี้ ฮงรีย่อมไม่อาจขับไล่ผู้คน อีกอย่างฉินเฟิงยังบอกว่าไม่ได้คิดอะไร ไม่ว่านั่นจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ฮงรีไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อ

“เข้าใจแล้ว งั้นก็ให้ประธานฉินอยู่ต่อ ให้ฉันคอยช่วยแนะนำเอง ฮ่า ฮ่า”

ฮงรีเอ่ยรับอย่างสุภาพ

แต่เมื่อทั้งสองมาหยุดยืนหน้ากำแพงอุปสรรค —

–วี้~~

เสาแสงพลันปรากฏขึ้นมาขวางกั้นอย่างกะทันหัน

“นี่มันอะไรกัน?” ฮงรีสับสน

เหวินไห่ที่อยู่และคอยศึกษาเขตแดนลับแห่งนี้มานาน เร่งวิ่งเข้ามาสำรวจทันที ขณะเดียวกัน คนอื่นๆต่างช่วยระดมความคิด แต่เหมือนจะไม่มีใครคาดเดาถึงเหตุผลที่มันปรากฏขึ้นได้เลย

“มันถูกติดตั้งไว้เพื่อคอยขวางทางรึเปล่า? ทำไมพวกเราไม่ลองทำลายมันดูล่ะ?” เหวินไห่กล่าว

“ผมแนะนำว่าอย่าทำแบบนั้นจะดีกว่า” ฉินเฟิงเตือนสติ

Next

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท