โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ – ตอนที่ 570 – สอยมันให้แก่บิดา!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Ep.570 – สอยมันให้แก่บิดา!

ฮงรีครอบครองเขตแดนลับแห่งนี้มานานกว่าสองปี อย่างน้อยก็ต้องใช้แนวคิดที่ว่า ‘มาก่อนได้ก่อน’ การที่ตนยื่นเงื่อนไข 40/60 ในตอนแรก เป็นเพราะจำเป็นต้องเปิดชั้นห้า และชั้นห้ามีเพียงสมบัติเลเวล C ซึ่งสำหรับฮงรีแล้ว มันไม่มีค่าอะไรเลย

แต่ตอนนี้มันต่างออกไป ชั้นหกของเขตแดนลับ ชัดเจนว่ามีสมบัติที่ล้ำค่ายิ่งกว่า การที่เขากัดฟันยอม 40/60 อีกรอบ ถือว่าใจกว้างมากแล้ว แต่ฉินเฟิงดันอยากได้ครึ่งต่อครึ่ง นั่นไม่ต่างจากการขูดเลือดขูดเนื้อ!

อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นสิ่งที่ฮงรีเคยคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้วเช่นกัน หากเรียกคนอื่นๆมา เกรงว่าคนเดียวอาจไม่พอ และส่วนแบ่งก็จะถูกหั่นจนน้อยลงยิ่งกว่าเดิม

ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นทำไมไม่ให้ฉินเฟิงได้ทดสอบดู บางทีฉินเฟิงอาจเปิดมันได้ก็ได้!

คนอื่นๆไม่สามารถเอ่ยแทรกในเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้เห็นฉินเฟิงปลดปล่อยพลังสมาธิออกมา มันสามารถขัดขวางการโจมตีโดยพลังสมาธิของผู้ใช้พลังเลเวล B แบบเต็มกำลังได้อย่างง่ายดาย แค่นี้ก็สามารถบอกได้แล้วว่าฉินเฟิงแข็งแกร่งขนาดไหน

‘ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมประธานถึงบอกให้ฉันอย่าคิดเล็กคิดน้อย ฉินเฟิงคนนี้ แข็งแกร่งจริงๆ การโจมตีที่เจ้านายไม่อาจทานรับ กลับถูกเขาหยุดได้ในครั้งเดียว’

‘แต่สงสัยจริงๆว่าเจ้านายจะเห็นด้วยกับเงื่อนไขของฉินเฟิงรึเปล่า แต่นั่นมันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันนี่นา เพราะต่อให้ทะลวงชั้นหก และได้สมบัติเลเวล B มา ฉันก็ใช้งานไม่ได้อยู่ดี’

เหวินไห่คิดในใจ ขณะเดียวกัน ผู้ใช้พลังเลเวล C คนอื่นๆมิได้เอ่ยคำใด พวกเขาเองก็แทรกแซงเรื่องนี้ไม่ได้เช่นกัน

ฮงรีขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก กล่าว “เช่นนั้นประธานฉินเชิญทดสอบดู”

ในหัวใจของฮงรีบังเกิดความคิด อะไรจะเกิดก็เกิดไป หากฉินเฟิงไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขของเสาผลึกได้ มันก็ไม่เป็นไร เพราะไม่เพียงช่วยให้เขาไม่ต้องจ่ายส่วนแบ่ง แต่ยังช่วยทดสอบเงื่อนไขของเสาผลึกนี้ได้

“ฮ่าฮ่า แสดงว่าตกลงสินะ ยอดเยี่ยม!”

ฉินเฟิงหันหน้ากลับมา มองไปยังเสาผลึก ระเบิดพลังสมาธิอย่างรุนแรง

หากพลังสมาธิของผู้ใช้อบิลิตี้เลเวล C ทั้งสองคนก่อนหน้านี้ เปรียบดั่งสายธารเล็กแล้วล่ะก็ พลังสมาธิของฉินเฟิง คงไม่ต่างจากธารใหญ่ที่เต็มไปด้วยกระแสคลื่น

ราวกับบังเกิดเสียงคำราม ดังก้องอยู่ในหูของทุกผู้คน ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว นี่คือเสียงของกระแสพลังสมาธิ

บนเสาผลึก แสงจรัสพรั่งพราวขึ้นทันที พุ่งสูงขึ้นด้วยความเร็วอันน่าตกใจ

มันพุ่งสูงถึงหนึ่งเมตรตั้งแต่แรก หลังจากนั้นยกขึ้นไปสองเมตร , สามเมตร ..

และสุดท้าย ไปได้ถึงห้าเมตร!

หึ่ง!

เสาผลึกสั่นสะท้าน จากนั้นเบื้องหลังเสาผลึกก็ค่อยๆแง้มออก ชั้นสุดท้ายของเขตแดนลับ ได้เปิดสู่สายตาของฝูงชน

ปรากฏสมบัติกองพะเนิน ซ้อนทับกันเป็นจำนวนมาก

ฮงรีในเวลานี้ ไม่ทราบว่าควรยินดีที่เขตแดนลับชั้นสุดท้ายถูกเปิด หรือควรจะร้องไห้ที่เขาต้องสูญเสียสมบัติกว่าครึ่งไปดี

“ประธานฉิน คุณช่างเป็นเด็กหนุ่มที่มีความสามารถจริงๆ” ฮงรีกล่าว ปรากฏร่องรอยริษยาแฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขา

“ประธานฮงชมเกินไปแล้ว” ฉินเฟิงตอบรับคำเยินยอของอีกฝ่ายอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่กลับได้ผลตรงกันข้าม มันยิ่งทำให้ฮงรีรู้สึกหดหู่มากขึ้น

คนของฮงรีเริ่มนับสมบัติ ระหว่างนั้นฉินเฟิงเอ่ยปากอย่างสบายๆขึ้นมา “เสาผลึกนี่ค่อนข้างน่าสนใจ ผมขอแลกมันกับส่วนแบ่งสมบัติในชั้นนี้จะได้ไหม”

สีหน้าของฮงรีเดิมสงบลงแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำขอของฉินเฟิง เขาตัดสินใจในเสี้ยววินาที ผงกศีรษะรับด้วยความสุขทันใด “แน่นอน!”

เหวินไห่มองฮงรีด้วยความสับสน แม้เสาผลึกนี้จะเป็นเพียงอุปกรณ์ที่มีไว้ใช้ทดสอบพลังสมาธิเท่านั้น แต่มันต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน หากนำไปศึกษา และผลิตออกมาได้ มูลค่าของมันคงไม่ต่างไปจากอาวุธเทวะอีกชิ้นหนึ่ง

แต่การตัดสินใจของฮงรี เหวินไห่ไม่อาจโต้แย้ง ทั้งยังมิได้เอ่ยเตือน บางทีในใจของฮงรี วัตถุเลเวล B เหล่านี้ อาจมีค่ามากกว่าเสาผลึกต้นหนึ่งก็ได้

ไม่นาน สมบัติก็ถูกเก็บกู้ ฉินเฟิงเก็บสิ่งที่ตนต้องการ และเอ่ยบอกลา

“เช่นนั้นขอประธานฉินเดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ ”

ฮงรีกล่าวอำลาด้วยรอยยิ้ม

ฉินเฟิงวาดมือ เมฆครามปรากฏขึ้นอีกครั้ง พาไป๋หลีก้าวขึ้นไปบนฮอลศึก

ฮงรีโบกมืออำลาให้ฮอลศึก ก่อนหันหลังเดินเข้าไปในเรือเหาะ หากสังเกตดีๆ จะพบว่าฝีเท้าของเขาเร่งร้อน เรียกว่าอาจเป็นการเดินที่เร็วที่สุดในชีวิตเลยก็ได้

ในเวลาไม่ถึง 30 วินาที ฮอลศึกของฉินเฟิงยังไม่ลับสายตา ฮงรีก็ก้าวขึ้นมาถึงในเรือเหาะ และเมื่อเข้ามา รอยยิ้มบนใบหน้าเขาก็ค่อยๆจางหายไป ปรากฏเจตนาสังหารในสายตา

“ล็อคเป้าเมฆครามนั่นไว้ เร่งพลังงานปืนใหญ่จนถึงขีดสุด สอยมันให้แก่บิดา!”

ลูกน้องของเขาผงะตกใจ สักพักได้สติก็บังเกิดความสุขขึ้นทันใด เพราะในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจความคิดของท่านประธาน นี่เองสินะคือสิ่งที่เขาเคยบอกเอาไว้ตั้งแต่แรก

“รับทราบ!”

มือปืนเลเวล C เริ่มเปิดใช้งานเรือเหาะ ปืนใหญ่ล็อคเป้า เมฆครามในเวลานี้ ยังอยู่ในระยะยิงของเขา!

สมาชิกคนอื่นๆ ทั้งหมดยืนอยู่เบื้องหลังฮงรี เฝ้ารอชมดอกไม้ไฟที่กำลังเกิดขึ้น

“ที่แท้ท่านประธานก็วางแผนไว้ตั้งแต่ต้น”

“ฉันก็บอกนายแล้วไง ว่าท่านประธานไม่ใช่คนที่ยอมเสียเปรียบ อีกอย่างเจ้าเด็กนั่นมันยะโสเกินไป ก็แค่แข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆนิดๆหน่อยๆเองไม่ใช่หรอ?”

“ถูกต้อง ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าถ้ารู้ว่าตัวเองต้องจบชีวิตลงภายใต้ปืนใหญ่ที่กลุ่มตัวเองผลิตขึ้น มันจะรู้สึกยังไง ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

เหล่าฝูงชนต่างตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของฉินเฟิงที่แสดงออกมาก่อนหน้านี้ ในสายตาของพวกเขา ฉินเฟิงย่อมเป็นนักล่าอย่างแน่นอน และคงเห็นทุกคนไม่ต่างไปจากสัตว์ที่ถูกล่า ดังนั้นต่างเกิดความไม่พอใจ โดยเฉพาะเหวินไห่

ฮงรีหัวเราะเยาะ “เดิมทีฉันคิดจะสงบศึกจริงๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กนี่หาเหาใส่หัว เห็นได้ชัดว่าเสาผลึกนั่นคือสมบัติล้ำค่า เขาถึงขั้นใช้สิ่งนั้นแลกกับส่วนแบ่งสมบัติชั้นหก! ตอนนี้มาดูกันดีกว่า ว่าเขาจะรอดไปได้ยังไง”

ฉินเฟิงร้ายกาจจนฮงรีไม่กล้าเผชิญหน้าตรงๆ แต่ตอนนี้ ฉินเฟิงยามอยู่บนเมฆคราม มิอาจสำแดงอำนาจได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังไม่มีผู้ติดตามคนอื่นๆคอยปกป้อง เรือเหาะก็ไม่ได้นำมา

ดังนั้นอีกฝ่ายในปัจจุบัน จึงไม่ต่างจากตัวตนอ่อนแอ ติดอยู่ในกับดักแหเพียงลำพัง

ความคิดชั่วร้ายต่างๆนาๆเริ่มผุดขึ้นมาในจิตใจของฮงรี

‘นี่เป็นโอกาสทอง เพราะฉินเฟิงคือลูกรักของพระเจ้า ย่อมมีสมบัติชั้นเลิศติดตัวอยู่เป็นจำนวนมาก หากฆ่าเขา อาวุธเทวะที่เขาครอบครองก็จะตกเป็นของฉัน!’

‘ถ้าอยากจะโทษ ก็จงโทษตัวเองที่ไม่ระวังก็แล้วกัน!’

‘ลูกรักของพระเจ้า วันนี้แหละจะกลายเป็นวันตาย ร่วงหล่นจากสรวงสวรรค์!’

ระหว่างฮงรีกำลังคิด ปากประบอกปืนของเรือเหาะได้ชาร์จพลังงานจนเต็มแล้ว

ขณะเดียวกัน บนเมฆคราม หน้าผากของไป๋หลีเริ่มยับย่น เอ่ยปากออกมา“เมื่อครู่นี้ ฮงรีมีเจตนาจะฆ่าพวกเรา”

เห็นอยู่ชัดๆว่าฮงรีโบกมือลาด้วยรอยยิ้ม แต่เจตนาฆ่ากลับสะท้อนอยู่ในแววตาเขา เห็นได้ชัดว่าการแสดงออกภายนอก กับภายในจิตใจมันไปคนละทาง

ประกายแห่งความมืดกระพริบไหวในแววตาของฉินเฟิง เขาเปิดปาก “ฉันสัมผัสได้ถึงมันตั้งแต่ตอนบอกว่าต้องการเสาผลึกแล้ว”

“อ้อ”

“หึ หึ เสาผลึกชิ้นนี้เป็นสิ่งที่สามารถใช้ช่วยชีวิตผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มฮงรีได้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะยอมมอบมันให้ง่ายๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปได้สองทาง หนึ่งคือฮงรีโง่จริงๆ หรืออีกหนึ่ง คือเขาวางแผนเอาไว้แล้ว!”

ในจังหวะนั้นเอง ห่างออกไปหลายกิโลเมตร เริ่มบังเกิดคลื่นความผันผวนของพลังงาน กระทั่งไป๋หลีเองก็ยังรู้สึกได้

เธอหัวเราะเย็นชา “ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างหลัง ประธานฮงวางแผนไว้จริงๆ”

มุมปากของฉินเฟิงยกยิ้ม กล่าวว่า “หัวใจมนุษย์ ต่อให้ใหญ่เพียงใดย่อมไม่อาจกลืนกินช้างทั้งตัว เมื่อมีความคิดร้ายฉันใด ย่อมแสดงมันออกมาฉันนั้น ฉันแค่หย่อนเหยื่อลงนิดๆหน่อยๆ เขาก็ติดเบ็ดแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าประธานฮง จะไม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป!”

ช่วงเวลานี้ ปืนใหญ่หลักของเรือเหาะที่ผลิตโดยกลุ่มเฟิงหลี พลันระเบิดลำแสงอันน่าหวาดกลัวออกมา มันพุ่งเป็นเส้นตรง ฉีกอากาศเป็นแนวยาวนับหลายกิโลเมตร มุ่งสู่ฮอลศึกเมฆครามลำเล็กของฉินเฟิง!

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ

Status: Ongoing
ยุคมืดได้มาเยือน รอยแยกมิติปรากฏขึ้นบนผืนโลก เหล่าสัตว์ร้ายเข้ามารุกราน สัตว์ป่าเองก็เริ่มกลายพันธุ์ ส่งผลให้ทุกสิ่งพลิกตลบ มนุษย์ที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดตลอดมา กลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำสุดในห่วงโซ่อาหาร …ร้อยปีต่อจากนั้น จึงได้ถือกำเนิดสามอาชีพหลักที่ใช้ต่อกรกับพวกที่กล่าวมาข้างต้นขึ้น อันได้แก่ ผู้ใช้อบิลิตี้ , ผู้ใช้วรยุทธ และมือปืนขึ้น‘ฉินเฟิง’ เด็กกำพร้าที่เกิดในช่วงยุคมืด ได้ถูกลักพาตัวไปในวันที่เขาสามารถปลุกอบิลิตี้ของตนเองให้ตื่นขึ้น ถูกจับไปทรมานทดลอง แต่สุดท้ายก็รอดหนีรอดมาได้ และใช้ชีวิตยาวนานกว่า 10 ปี และหลังจากนั้นเอง ในช่วงโลกาวินาศของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาก็ได้กลับไปเกิดใหม่อีกครั้ง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท