The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1246 – โลหิตต้องหลั่งริน

ตอนที่ 1246 - โลหิตต้องหลั่งริน

  อย่างนั้นเองรึ?ซือหยูแปลกใจ เขาคิดว่าอสูรที่เป็นเทพจะรู้เรื่องธารดารา กลับกลายเป็นว่าอสูรเหล่านั้นไม่รู้อะไรเลย

  ถ้าเช่นนั้นพวกเขาก็ยิ่งไม่รู้ว่ามีอสูรกลุ่มที่ชั่วร้ายนอกแดนอสูรที่กำลังไล่ล่าสังหารอยู่ในธารดาราสินะ?

  น่าสนุกนี่โลกอสูรซับซ้อนกว่าที่ซือหยูคาดคิด

  หลังจากเข้าใจทุกอย่างซือหยูตาเป็นประกาย

   สิ่งจำเป็นตอนนี้คือการซ่อนตัวจากศัตรูจากแดนอื่นพวกมันจะต้องรู้เรื่องเจ้าหมาแล้ว ไม่แปลกเลยที่มันจะรีบมาที่เมืองนี้ 

  อสูรปราดเปรียวตอบ

   ท่านเจ้าเมืองโปรดพาองค์หญิงกลับเมืองชมทะเลให้เร็วที่สุดเถอะ มีอสูรเจ้าดินแดนมากมายที่เมืองนั้น เราจะปกป้องฝ่าบาทได้ 

   ไม่!ข้าจะอยู่ที่นี่ 

  ซือหยูมองกลับ

  เฉียนจุนใบหน้าเยือกเย็น

   นายท่านโปรดระวังด้วย!แม้แต่ราชาอสูรก็ถูกพวกมันนำมาได้ ทุกคนย่อมเห็นได้ว่าองค์หญิงหกเตรียมการมาดีแค่ไหน อาจจะมีว่าที่เทพมามากกว่าเดิม! อสูรกระทิงกับอสูรสะกดจิตเป็นเพียงกำลังส่วนน้อยเท่านั้น กำลังพวกเราในตอนนี้ไม่มากพอที่จะปกป้ององค์หญิงกับนายท่าน 

  อสูรปราดเปรียวกล่าวอย่างจริงจัง

   เขาพูดถูกมีว่าที่เทพขั้นกลางอยู่อีกคนด้วย หากพวกมันมา จะไม่มีพวกเราคนใดที่หยุดได้ เราไม่ควรอยู่ที่นี่นานเกินไป! 

  ซือหยูพูดเบาๆ

   แล้วเราจะลากพวกมันออกมาให้หมดได้อย่างไรถ้าไม่ให้โอกาสมันเล่า? 

  เจ้าตัวเล็กกลืนกระดูกที่เคี้ยวอยู่ลงไปและจ้องซือหยูด้วยความโมโห

  ‘นี่เพื่อล่อกำลังศัตรูให้เข้ามารึ?เจ้าบ้านี่คิดจะฆ่าข้างั้นเรอะ?’

  นางคิด

  เฉียนจุนกับอสูรปราดเปรียวพยายามเกลี้ยกล่อมซือหยูอีกครั้งแต่ซือหยูก็ยกมือให้หยุด

   ข้าไม่มีเวลาหาศัตรูทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ในแดนจิงหยูทีละคนให้พวกมันออกมาจากรูและกำจัดพวกมันในคราเดียวคือหนทางที่เร็วที่สุด! 

   คำสั่งไปถึงอสูรเจ้าดินแดนทั้งหมดในเมืองชมทะเลแล้วเจ้าต้องรีบไปที่เมืองในสามวัน! 

  เฉียนจุนตอบ

   ขอรับ! 

  จากนั้นเขาถาม

   แล้วถ้าหากพวกนั้นปฏิเสธที่จะพบท่านล่ะ?     จงจำไว้ว่าใครที่กล้าไม่มา 

   ขอรับ! 

  เฉียนจุนตอบเขาแอบคิดว่าจะมีหลายคนที่ปฏิเสธที่จะมาพบซือหยู

  ไม่นานเหล่าอสูรเจ้าดินแดนในแปดสิบเอ็ดเมืองเล็กในเมืองชมทะเลก็ได้รับคำสั่งจากเจ้าเมืองคนใหม่ พวกเขากำลังจะมาในเมืองที่ซือหยูอยู่

  กับเจ้าเมืองคนใหม่มีอยู่หลายคนที่ไม่เต็มใจจะเชื่อฟังเขา เจ้าเมืองคนก่อนมีพลังในระดับเทพทุกคน แล้วอสูรขนนกนี่คือผู้ใดกัน? ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน

  แต่มันคือคำสั่งขององค์หญิงเก้าจึงไม่มีใครเมินได้

  ในขณะเดียวกัน…

  กำลังและแรงกดดันมากมายถาโถมมาที่เมืองของซือหยู

   นายท่านอสูรเจ้าดินแดนในเมืองชมทะเลกำลังออกจากดินแดนตัวเองและมาที่เมืองนี้ตามที่เราคิดเลย 

  หลังจากได้รับรายงานสายตาของอสูรเลือดบริสุทธิ์เยือกเย็น

   ยอดเยี่ยม!องค์หญิงเก้ายังอยู่ในเมืองอสูรปราดเปรียว! หากนางหนีไปเงียบ ๆ ข้าก็คงยืนยันตำแหน่งของนางไม่ได้ง่าย ๆ อย่างนี้ คำสั่งเจ้าเมืองคนใหม่ช่างน่าขันนัก! 

   หรือว่าองค์หญิงเก้าคิดว่ามีกำลังมากพอที่จะต่อต้านเรา? 

  ข้างกายอสูรเลือดบริสุทธิ์มีอสูรกลุ่มเลือดเข้มข้นที่เป็นรองเขาอยู่

  อสูรเลือดบริสุทธิ์แสยะยิ้ม

   ทั้งกองทัพจงฟังข้าเร่งบุกเข้าไป ทำให้องค์หญิงเก้าไม่ทันตั้งตัวนั่นแหละ! 

  เจ้าดินแดนมากมายในเมืองชมทะเลออกมาจากเมืองของตัวเองแล้วทำให้เกิดการคาดเดาไปต่าง ๆ นานา

  หลายคนรู้ว่าพวกเขาจะได้พบกับเจ้าเมืองชมทะเลแต่จริง ๆ แล้วพวกเขาอยากจะเจอกับองค์หญิงเก้ามากกว่า

  ทำไมพวกเขาจะไม่รู้เล่าว่าหลังจากรวมตัวกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น

  พวกเขาจะกลายเป็นกำลังที่พาพวกองค์หญิงและเจ้าเมืองให้หนีออกไป

  แม้กระนั้นซือหยูกำลังบ่มเพาะพลังในตำหนักเงียบ ๆ ท่ามกลางความวุ่นวาย

  เขายังคงบ่มเพาะพลังจากสิ่งที่ได้จากเทพไม้เขาบ่มเพาะอยู่หลายวันและได้เรียนรู้หลายเรื่อง

   ต้องขอบคุณคุกเทวะห้าธาตุข้าเข้าใจพลังไม้ในพลังห้าธาตุล้ำลึกกว่าเดิมแล้ว หากข้าต้องเริ่มทำความเข้าใจพลังไม้ใหม่ตั้งแต่แรก ข้าคงจะใช้เวลาชั่วนิรันดร์ 

  จากความรู้ที่ได้ซือหยูจะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของเทพไม้ได้ในอีกไม่นาน

  พลังที่เขาบ่มเพาะได้นั้นไม่ได้อ่อนแอไปกว่าพลังฎีกาสวรรค์ของเขาเลย

  ส่วนในเรื่องพลังเทพซือหยูได้พลังใหม่ของเทพไม้มาครอง มันเป็นขอบเขตของพลังชีวิต!

  หลังจากมังกรมรกตของเขาถูกชำระล้างเต็มที่และได้พลังพิเศษมาทุกสิ่งภายใต้อำนาจซือหยูจะกลายเป็นอมตะ

  น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสใช้พลังนี้แต่มันกำลังจะถูกพิสูจน์พลังในอีกไม่นาน

  ซือหยูยังเปลี่ยนภูเขาห้าธาตุให้เป็นของเขาเองได้ทีละน้อยในตอนนี้เขาไม่ต้องหวังพึ่งภูเขาห้าธาตุอีกแล้ว เขาใช้พลังจากภูเขาห้าธาตุตรง ๆ ได้แล้ว

  หากเขาฝึกฝนต่อไปเขาจะใช้พลังห้าธาตุได้ง่ายยิ่งกว่าเดิม

  ในระหว่างที่ชำระภูเขาห้าธาตุความเข้าใจในพลังห้าธาตุของซือหยูเพิ่มขึ้นในทุกวัน ในอักษรอสูรเก้าร้อยตัวที่มี ซือหยูเข้าใจมากกว่าสามร้อยตัวแล้ว

  ซึ่งการรับรู้เหล่านี้ถูกทำอย่างลับๆ มังกรเขียวในคุกเทวะห้าธาตุไม่รู้ตัวเลย  เขาไม่เคยลืมคำชี้แนะของมังกรวารี…ว่าเขาไม่ควรเชื่อมังกรเขียวในคุกเทวะห้าธาตุ

  หากมีภัยร้ายเกิดขึ้นซือหยูจะไม่มีวันใช้คุกเทวะห้าธาตุอีกแล้ว

  ถ้าซือหยูเข้าใจอักษรอสูรอย่างถ่องแท้และควบคุมพลังห้าธาตุได้อย่างสมบูรณ์เขาจะมีพลังที่เหนือกว่ามังกรเขียว ซึ่งนั่นจะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง!

  สุดท้ายนี้ซือหยูเป็นอสูรเนรมิตรขั้นสูงสุดมานานแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะทะลวงพลังขั้นถัดไป!

  เซียน!

  ทันทีที่เขาเป็นเซียนซือหยูจะใช้พลังของเทพและเซียนได้พร้อมกันเพื่อปลดปล่อยพลังมหาศาลและทำให้แหล่งพลังเทพของเขาแข็งแกร่งกว่าเดิม และยากที่จะมีใครชิงแหล่งพลังเทพไปจากเขาได้

  หลังจากเป็นเซียนดวงวิญญาณซือหยูจะแข็งแกร่งขึ้น ถึงตอนนั้น เขาจะบ่มเพาะโอรสสวรรค์จ้องนภาในขั้นที่ห้า

  ซือหยูคิดว่าพลังของเขาจะเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อได้เป็นเซียน

  เขาไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดแต่เขารู้สึกว่าไม่ยากนักที่จะได้เป็นเซียน

  หลังจากการบ่มเพาะสามวันซือหยูลืมตาขึ้นช้า ๆ

  ด้านนอกประตูเฉียนจุนและอสูรปราดเปรียวกำลังรอเขา

   เป็นอย่างไรบ้าง? 

  ซือหยูถาม

  เฉียนจุนตอบ

   นายท่านอสูรเจ้าดินแดนทั้งหมดเจ็ดสิบเก้าคนไม่รวมอสูรปราดเปรียวและอีกเมืองที่ถูกทำลาย มีมาหาเราหกสิบคน อีกห้าคงยังอยู่ระหว่างทาง ส่วนอีกสิบสี่คนนั้น…ไม่ได้ข่าวคราวเลย 

   ดีนี่เพิ่งจะสามวันเท่านั้น! จงจำอสูรที่กำลังมาและที่ไม่เคลื่อนไหวเอาไว้!     ขอรับนายท่าน! 

  อสูรปราดเปรียวถาม

   ท่านเจ้าเมืองเราจะทำให้พวกเขาปกป้องทั้งท่านและฝ่าบาทอย่างไรหรือ? 

   ปกป้องพวกข้ารึ?ไม่! 

  ซือหยูตอบ

   รวมตัวพวกนั้นดูแลให้ดี ไม่ต้องสั่งอะไร ไม่ว่าจะมีศัตรูมามากเท่าใดก็ห้ามโต้กลับในทุกรูปแบบ! 

   หา! 

  อสูรปราดเปรียวไม่เข้าใจว่าซือหยูคิดอะไรอยู่เขาโง่งั้นเรอะ? จำนวนศัตรูและกำลังยังไม่มีใครรู้ ขณะที่คนที่เรียกมากลับห้ามทำอะไร!

   แล้วท่านจะเรียกให้พวกเขามารวมตัวกันเพื่ออะไรเล่า? 

  ซือหยูพูดเบาๆ

   เจ้าหมากับข้าไม่ต้องการการปกป้องจากพวกมัน!ข้าขอให้พวกมันมาเพื่อจดจำสิ่งเดียวเท่านั้น 

   จะมากับข้าหรือตายเมื่อหันคมดาบใส่ข้า! พวกมันโชคดีที่มีศัตรูมากมายสาธิตความตายให้ดู! 

  ที่เขาไม่พูดก็คือ…ถ้าหากไม่มีศัตรูเขาอาจจะสังหารอสูรเจ้าดินแดนฝ่ายเดียวกันเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างให้ดู

  อสูรปราดเปรียวสูดหายใจเข้าลึก

   ท่านบ้าไปแล้ว!ท่านคิดจะต่อสู้กับข้าศึกทั้งหมดด้วยตัวเองรึ? 

  อสูรปราดเปรียวรู้แล้วว่าซือหยูเป็นคนบ้า!

  เจ้าเมืองคนใหม่ไม่เคยแสดงพลังออกมาเลยถ้าหากเขาไม่บ้าแล้วจะเป็นอะไรไปได้?

  อสูรปราดเปรียวพูดอย่างเย็นชา

   โชคร้ายนักเรารู้ตำแหน่งข้าศึกแล้ว พวกมันจะมาที่นี่ในอีกครึ่งวัน! มีว่าที่เทพมากกว่าร้อยคน…มีขั้นกลางสองคน! นายท่านหากท่านอยากตายข้าจะไม่หยุดท่าน แต่ถ้าท่านจะพาองค์หญิงไปตายด้วย ข้าไม่ยอมแน่! ข้าจะพาฝ่าบาทหนีไปเดี๋ยวนี้! 

  อสูรปราดเปรียวอดทนซือหยูมามากพอแล้ว

  ซือหยูพูดเยาะเย้ย

   ข้าคิดว่าจะมีกึ่งเทพขั้นสูงมาเสียอีกน่าผิดหวังนัก! 

  อสูรปราดเปรียวส่ายหน้า

   ไอ้บ้าเอ้ย! 

  ว่าที่เทพขั้นกลางคนเดียวก็มากพอที่จะทำให้พวกเขาสั่นกลัวแล้วแล้วพวกเขาจะรับมือกับสองคนยังไง? ยังมีว่าที่เทพอีกหลายคนที่ยากจะรับมือ

  ด้วยความเสียเปรียบขนาดนี้ไม่มีใครคิดว่าซือหยูจะกล้าพูดเช่นนั้นออกมา

  ซือหยูพูดเมื่อมองอสูรปราดเปรียว

   เจ้าเอาเจ้าหมาไปที่ไหนก็ได้ในเขตเมืองนี้แต่ถ้าเจ้าออกไปจากเมืองแม้แต่ก้าวเดียวข้าจะไม่เมตตาอีกแล้ว! 

  อสูรปราดเปรียวกัดฟันแน่น

  ‘ถึงเวลาบอกองค์หญิงเก้าแล้ว!’

  องค์หญิงเก้าถูกบอกเป็นครั้งที่สองว่าซือหยูสั่งให้เหล่าอสูรมาเพื่ออารักขานางกลับไป

  วิกฤติจะถูกแก้โดยง่ายถ้าหากมีเทพสักคนมาพาองค์หญิงเก้ากลับแต่ซือหยูไม่แม้แต่จะคิดถึงเรื่องนี้

   ข้าบอกหลายครั้งแล้ว!ขอให้เทพมาก็เหมือนกับการขอความตาย! 

  ซือหยูพูดอย่างเยือกเย็น

   ตอนที่องค์หญิงเก้าถูกตามล่ามีเทพคนใดบ้างที่อยากจะช่วยชีวิตนาง? 

  อสูรปราดเปรียวกำหมัดนางไม่อยากจะยอมรับ แต่คำตอบก็ชัดเจน

  ถ้าหากมีเทพคอยช่วยองค์หญิงเก้าจะตกอยู่ในสภาพนี้หรือ?    พวกมันอาจจะอยู่ภายใต้เจ้าหมาเพียงในนามแต่ข้าไม่เห็นความภักดีของพวกมัน ตอนที่เจ้าหมากำลังถูกทำร้ายและอ่อนแอ พวกมันนิ่งเฉยไม่ทำสิ่งใด เจ้าเชื่อใจพวกมันรึ? เจ้าแน่ใจรึว่าพวกมันจะมาหากเจ้าให้พวกมันมา? เจ้าแน่ใจรึว่ามันจะไม่ทำร้ายเจ้าหมาในระหว่างที่ต่อสู้กัน? 

   ต่อให้มีเทพเพียงคนเดียวที่ทรยศและทำอุบายเพียงเล็กน้อยเจ้ากับข้าก็แก้ไขไม่ได้แล้ว! 

  ซือหยูกล่าว

   อย่าพูดอะไรโง่ๆ ออกมาอีก เจ้านี่น่ารำคาญนัก! 

  อสูรปราดเปรียวขบริมฝีปากนางมิอาจพูดอะไรต่อได้อีก

   ไปซะ!ทำตามที่ข้าสั่ง! ห้ามใครเคลื่อนไหวทั้งนั้น! 

  ซือหยูตะโกน

  ทุกคนถอยกลับไปและมองซือหยูด้วยความระแวง

  อสูรขนนกเป็นบ้าขนาดนี้แล้วหรือ?

  เขาอยากจะต่อต้านศัตรูทั้งหมด้วยตัวคนเดียวเพื่อที่เขาจะได้รับความนับถือและความชอบธรรมในตำแหน่งเจ้าเมืองงั้นรึ?

  บ้าไปแล้ว!เขาบ้าไปแล้ว!

  มีเพียงเจ้าหมาที่เงยหน้ามองซือหยูด้วยความแปลกใจดวงตานางมองเขาต่างออกไป

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท