วิหคเพลิงทมิฬปรากฏตัวด้านหลังซือหยูเงียบๆ เพราะสงสัยว่าอสูรปราดเปรียวจะพาเจ้าหมาหนีไป นางจ้องอสูรปราดเปรียวอย่างเย็นชา
นายท่านให้ข้าฆ่านางเสีย นางอวดดียิ่งนัก นางไม่รู้อะไรเลยแต่กลับตั้งคำถามต่อทุกเรื่อง ฆ่านางเสีย นางจะได้หุบปาก
วิหคเพลิงทมิฬพูดอย่างเย็นชานางกำลังหาทางออกให้ซือหยู
ซือหยูส่ายหน้าเบาๆ
พวกมันไม่เข้าใจข้าแต่เจ้าเข้าใจข้าไม่ใช่หรือ?
เพื่อที่จะยืนท่ามกลางอสูรเจ้าดินแดนมากมายในเมืองซือหยูจำต้องกล้าเผชิญหน้ากับเหล่าว่าที่เทพที่มีว่าที่เทพขั้นกลางสองคน ดังนั้นเขาจะสนใจอสูรมากมายในอำนาจของเขาที่กังขาในความเป็นผู้นำของเขาหรือ? เขาไม่ต้องสนใจใครเหล่านั้นเลย!
นายท่านกำลังปกป้ององค์หญิงเก้าอยู่จริงๆ ว่าที่เทพเหล่านั้นดูภักดีต่อองค์หญิงเก้า แต่ข้าก็ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่คิดทรยศ หากพวกมันถูกใช้เป็นกำลังในยามต่อสู้ คนที่จะต้องเจ็บปวดที่สุดจะต้องเป็นองค์หญิงเก้าแน่นอน!
นายท่านเชิญให้พวกอสูรเจ้าดินแดนเหล่านั้นมาก็เพื่อเชือดไก่ให้ลิงดูเป็นเยี่ยงอย่างอสูรปราดเปรียวโง่เง่านักที่อ้างตนถูกต้องเพราะสนใจแต่ความเป็นความตายขององค์หญิงเก้า
นางรู้สึกเดือดดาลใจเพราะสิ่งที่ซือหยูต้องเจอ
ทุกคนบนโลกใบนี้เข้าใจเขาผิดคิดว่าเขาเป็น้บา แต่ไม่เข้าใจเลยว่าเขาคือคนที่คิดอ่านได้ถูกต้องที่สุดที่นี่แล้ว
หลายคนไม่รู้ว่าซือหยูกำลังทำสิ่งที่สำคัญที่สุดให้กับองค์หญิงเก้านั่นคือการรับประกันว่านางจะต้องรอดชีวิตในวันนี้ ซือหยูพูดอย่างไร้อารมณ์
จะว่านางไม่ได้เราบอกเรื่องนี้กับใครไม่ได้เช่นกัน พวกทรยศที่แฝงตัวในทัพเราจะถูกหลอกหรือหากเราแสดงธาตุแท้ออกมา?
เจ้าจับตาดูอสูรปราดเปรียวให้ดีอย่าให้นางพาเจ้าหมาออกนอกสายตาเจ้า หากนางล้ำเส้น จงฆ่านางซะ
ตามบัญชา
สายลมพัดผ่นเหลือซือหยูเพียงผู้เดียวในกระโจม
หากมีหนึ่งคนต้องต่อสู้กับว่าที่เทพนับร้อยซือหยูก็รู้ว่ามันบ้าเพียงใด
หากอาจารย์หยุนหยาซือรู้ว่าศิษย์ผู้นี้กำลังอยู่ที่ใดในวันนี้อาจารย์จะพอใจหรือไม่นะ?
ซือหยูยิ้มจางๆ
…
ในจักรวาลอันมืดมิดเรือกระดูกเทพแล่นไปตามเส้นทาง ที่กราบเรือมีชายแก่ยืนมองทะลวงไปยังธารดารา
ไม่คิดเลยศิษย์ข้าเติบโตก้าวกระโดดไม่หยุดยั้ง…
เรือกระดูกเทพของหยุนหยาซือแล่นผ่านโลกเสี้ยววิญญาณมาหลายเดือนแล้ว
เขาโล่งใจ
แม้หากไร้ซึ่งข้าเขาก็จะกลายเป็นเทพได้ด้วยตัวเอง…และอาจไปถึงระดับที่ข้าไม่เคยเอื้อมถึง
เขาไม่เคยเข้าใจศิษย์ตัวเองอย่างถ่องแท้ซือหยูเป็นคนที่ระเบิดความสามารถที่เกินกว่าความคาดคิดเขาเสมอมา
เขาคิดชี้นำซือหยูในก้าวถัดไปแต่ซือหยูมัดจะก้าวข้ามดัชนีของเขาไปหนึ่งก้าวเสมอ หยุนหยาซือต้องประเมินซือหยูใหม่ในทุกครั้ง
โดยเฉพาะเมื่อได้เข้าสู่ธารดาราซือหยูยิ่งคาดเดาได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ
เขาจัดการชำระล้างทรราชย์ออกจากพันธมิตรบูรพาและยังทำลายโลกเสี้ยววิญญาณ สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในขอบเขตของอำนาจพลังที่เหนือกว่าความเป็นเทพ แต่ซือหยูกลับทำได้
เวลานี้ซือหยูอยู่ในโลกอสูรแล้ว เป็นตายมิอาจล่วงรู้
หวังว่าข้าจะไม่สายไปจักรพรรดิอสูรซ่อนเร้นลึกล้ำ กลอุบายเหนือกว่าจักรพรรดิอสูรในอดีต หากซือหยูไม่ทันระวัง คงยากที่จะได้ออกจากโลกอสูร
หยุนหยาซือแสดงความกังวลผ่านแววตา
เรือกระดูกเทพแล่นช้าๆ ในจักรวาลเฉกเช่นดาวตก
…
ที่เมืองอสูรปราดเปรียว…
เฉียนจุนรีบจัดแจงตามที่ซือหยูชี้แนะ
อสูรเจ้าดินแดนทั้งหกสิบคนที่มาล้วนอยู่ในที่พักอาศัยของตำหนัก
พลังเทพมักจะหลุดรอดออกมาจากโถงผู้ที่ไม่ใช่ว่าที่เทพมิอาจรับแรงกดดันมหาศาลนี้ได้เลย
ตำหนักตอนนี้เต็มไปด้วยว่าที่เทพ
มิใช่ทุกคนที่ถูกลิขิตให้เป็นเทพในอนาคตแต่หากรวมพลังกันแล้ว มันแข็งแกร่งจนมิอาจเมินได้
เฉียนจุนดูแลพวกเขาอย่างดีตามที่ซือหยูสั่งเขาบริการอย่างไร้ข้อบกพร่อง
ถึงอย่างนั้นเหล่าอสูรเจ้าดินแดนก็คงไม่พอใจ
เฮ้ยเจ้าเมืองเรียกพวกเรามา เขาแค่ปล่อยให้พวกข้าดื่มชาเฉย ๆ เช่นนี้เรอะ?
ว่าที่เทพคนหนึ่งจ้องเฉียนจุน
แม้เฉียนจุนจะไม่ชอบซือหยูก็ดูแลเขาอยู่ เขาตอบด้วยความนอบน้อม
นอกจากดื่มชาแล้วพวกท่านจะได้พักฟื้นพลังเงียบ ๆ พูดคุยกันและยังมีสิ่งอื่นให้ทำ ตราบเท่าที่ท่านไม่ขัดคำสั่งเจ้าเมืองและออกจากที่นี่โดยไร้คำอนุญาต พวกท่านจะทำสิ่งใดก็ได้
อะไรของเจ้า!
ว่าที่เทพเครายาวคนหนึ่งลุกขึ้นโดยพลัน
ใครเป็นคนสั่งให้เจ้ามาสั่งพวกเราเช่นนี้?ไปบอกเจ้าเมืองเดี๋ยวนี้ว่าถ้าหากเราไม่ได้เจอเขา เราจะกลับไปที่ดินแดนของตัวเองเดี๋ยวนี้แหละ!
เฉียนจุนพูดเบาๆ สีหน้าเขาไม่เปลี่ยนเลย
ท่านเจ้าเมืองพวกว่าท่านกลับไปได้แต่ท่านจะไม่ได้กลับมาอีกหากก้าวออกจากที่นี่ไปแล้ว
จากนั้นเฉียนจุนจึงหยิบเอาชิ้นกระดาษบางขึ้นมาเขาจรดขนนกในมือและจ้องมองคนผู้นั้น
ท่านมีนามว่าอะไรหรือ?
อ๊ะ…
เหล่าอสูรเจ้าดินแดนมองที่กระดาษและเห็นว่ามีรายนามอยู่สิบเก้ารายแล้ว พวกเขาคิดอยู่ครู่หนึ่งและรู้ว่ามันคือชื่อของอสูรเจ้าดินแดนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่
อสูรเครายาวตัวแข็งทื่อไปครู่หนึ่งเขาเงียบลงทันที พวกที่ไม่มานั้นจะถือว่าไม่ฟังคำสั่งสินะ
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?
อสูรเครายาวอับอายและถอนหายใจแรงอย่างเย็นชา
แล้วเราจะขอพบองค์หญิงเก้าก่อนได้หรือไม่?
ไม่ได้!
เฉียนจุนตอบสั้นๆ
อะไรนะ!เจ้าเมืองไม่ให้พวกเราพบเขา แล้วทำไมยังขอพบองค์หญิงไม่ได้ด้วยเล่า?
เขาหัวเราะด้วยความโมโห
เฉียนจุนตอบ
นี่เป็นคำสั่งท่านเจ้าเมืองไม่เหมาะสมที่ท่านจะได้พบกับฝ่าบาท ฮื่ม!
อสูรเจ้าดินแดนอีกคนถอนหายใจแรงด้วยโทสะ
องค์หญิงมีตำแหน่งสูงกว่าหากเราอยากพบองค์หญิง ทำไมต้องให้เจ้าเมืองตัดสินใจ? บอกมา องค์หญิงอยู่ที่ไหน? เราจะไปหานางเอง!
ใช่แล้ว!พวกเราจะบอกนางว่าเจ้าเมืองคนนี้ไม่คู่ควรกับตำแหน่ง
ทุกท่านไปด้วยกันเถอะ เจ้าเมืองทำตามอำเภอใจไร้ผู้ใดขัดขวาง ข้าสงสัยว่าฝ่าบาทกำลังถูกข่มขู่โดยเจ้าเมืองเพราะนางกำลังบาดเจ็บ ไปหาองค์หญิงด้วยกันเถอะ
กลุ่มคนกำลังวุ่นวายซือหยูขอให้พวกเขามา แต่กลับถูกสั่งให้ไม่เคลื่อนไหวจนพวกเขาไม่พอใจ และความไม่พอใจนี้ก็นำโดยอสูรเจ้าดินแดนที่มีความตั้งใจซ่อนเร้น
เฉียนจุนแสยะยิ้มที่มุมปากเขาจรดขนนกในมือเขียนลงบนกระดาษ อสูรเจ้าดินแดนบางคนเห็นว่าเรื่องร้ายกำลังจะเกิดขึ้นและรีบตะโกน
เดี๋ยวก่อน!เจ้าเขียนอะไรลงไป?
เฉียนจุนหลบทางเขาพูดเบา ๆ
ข้าขอพูดอีกครั้งคำสั่งท่านเจ้าเมืองมีผลลแ้ว และพวกท่านยังไม่คิดทำตาม ข้ามิอาจหยุดพวกท่านได้ แต่พวกท่านต้องรับผลที่จะตามมาด้วยตัวเอง
หลังพูดจบเขาเดินออกจากโถงในทันที เขาทิ้งเหล่าว่าที่เทพอย่างไร้เยื่อใย
เท่านั้นเหล่าอสูรเจ้าดินแดนจึงเงียบลงได้ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้นมา ไม่มีใครคิดจะก่อเรื่อง โดยเฉพาะเมื่อไม่รู้ถึงพลังของเจ้าเมืองคนใหม่
ท่านอสูรเขตสิบท่านเป็นข้ารับใช้อดีตเจ้าเมืองชมทะเลคนแรก ท่านจะพูดอะไรเพื่อพวกเราได้หรือไม่?
หลังคิดไม่นานเหล่าเจ้าดินแดนก็มองไปที่มุมหนึ่ง ชายหนุ่มชุดแดงนั้นเงียบอยู่เสมอ เพียงมองเขาก็ให้ความรู้สึกหนาวสั่น
เขาอยู่เงียบๆ ที่มุมนั้นราวกับสัตว์ยักษ์ที่ไม่มีใครกล้ายุ่งเกี่ยว
อสูรทุกคนหันไปมองว่าใครที่กล้าเอ่ยถึงเขาแต่ก็รอให้อสูรเขตสิบพูดออกมาด้วย
เขาเป็นทั้งอสูรเขตสิบและเจ้าดินแดนที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองชมทะเลเขาเคยเป็นเจ้าดินแดนที่สำคัญที่สุดในเมืองชมทะเล บางคนยังแอบเรียกเขาว่าท่านเหนือหัว
นั่นก็เพราะเขาคือว่าที่เทพขั้นกลางคนเดียวในเมืองชมทะเล!
อสูรเขตสิบลืมตาช้าๆ เขาเหลือบมองเหล่าอสูรทั้งหมดอย่างไม่แยแส เขาหลับตาช้า ๆ
จงอดทน
เขาพูดเพียงเท่านั้นโดยไม่พูดอะไรอีก
แม้เหล่าอสูรเจ้าดินแดนจะร้อนใจพวกเขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากอดทนรอ
ในตอนนั้นเองอสูรเจ้าดินแดนคนหนึ่งชักสีหน้าและมองไปที่ท้องนภา
เหล่าอสูรเจ้าดินแนดคนอื่นก็ลืมตาด้วย
พลังมหาศาลนัก!
พวกเขาสัมผัสได้ถึงว่าที่เทพหลายร้อยคนในท้องฟ้า!
ใครกัน?
อสูรเขตสิบกล่าวเขาเองก็ตกใจเช่นกันเพราะมีศัตรูสองคนที่เขาสัมผัสได้และต้องหวาดกลัว
แย่แล้ว!ข้าศึกกำลังจะมาหาฝ่าบาท!
พวกเขาเดาได้ในทันที
เคลื่อนตัวไปปกป้องฝ่าบาท!
เริ่มมีคนตะโกนเขาซัดหลังคาด้วยฝ่ามือเดียวและบุกออกไป
อสูรเจ้าดินแดนคนอื่นเองก็ร่วมด้วยพวกเขาออกจากโถง
แต่ก็มีบางคนที่รออยู่บนฟ้าแล้ว
ตามคำสั่งเจ้าเมืองอสูรเจ้าดินแดนทุกท่านต้องชมการต่อสู้ที่นี่ หากไม่มีคำสั่งเจ้าเมือง ห้ามใครหน้าไหนลงมือทั้งนั้น
เฉียนจุนพูดเสียงดัง
มองดูการต่อสู้…เมื่อรู้ว่าเจ้าเมืองคนใหม่กำลังจะแสดงพลังเหล่าอสูรเจ้าเมืองบางคนตกตะลึงและโกรธเกรี้ยวขึ้นพร้อมกัน
ใครกันจะไปสู้กับว่าที่เทพมากมายเช่นนี้ได้?
เจ้าเมืองบ้าไปแล้วเรอะ?ฝ่าบาทกำลังตกอยู่ในอันตรายแต่กลับให้พวกเรายืนรอ นี่มันกับดักที่จงใจให้พวกเราเข้ามาตายเรอะ?
อย่าไปสนใจไอ้บ้านั่นเลยเราคือคนขององค์หญิง ไปสังหารศัตรูแล้วปกป้ององค์หญิงด้วยกันเถอะ!
เสียงของอสูรเครายาวดังขึ้นเสียงของเขากำลังปลุกใจให้อสูรเจ้าดินแดนที่เหลือลงมือ
ฉั่วะ!
ในตอนนั้นเองหอกพลังปีศาจแล่นมาอย่างรวดเร็วจนเกินคลื่นกระแทก
เป้าหมายเล็งไปที่อสูรเครายาวนั่นเอง
เมื่อหอกปีศาจปรากฏอสูรเครายาวจึงได้มองเห็น หอกอยู่ห่างจากเขาร้อยศอก
เหล่าอสูรเจ้าดินแดนคนอื่นที่เห็นหอกต่างกระจายกันหลบแต่หอกปีศาจก็รู้เป้าหมายของมันเอง
เมื่อเห็นว่าไร้ทางหนีอสูรเครายาวกระซิบ ที่มือของเขามีเครื่องประดับที่ทำจากกะโหลกสิบหกหัว
เอาอัดพลังลงไปกะโหลกปล่อยคลื่นกระแทกทะลวงวิญญาณออกมา
อสูรเจ้าดินแดนใกล้ๆ ก้าวถอยหลัง เขาตกใจ
คลื่นเสียงล่าวิญญาณเรอะ?
อสูรเจ้าดินแดนที่เหลือรีบหลบไปหาเครื่องป้องกัน
เมื่อคลื่นเสียงพุ่งออกไปมันก็มากพอที่จะทำให้หอกปีศาจสั่นสะเทือน อสูรเครายาวใช้โอกาสนี้ตะโกน
ทุกท่านเจ้าเมืองเราสมคบคิดกับข้าศึกและแอบสั่งให้เราสังหารกันเอง แท้จริงแล้วพวกมันใช้ทัพศัตรูเพื่อทำลาย้รา! ทุกคนจับมือกัน เราจะไม่แพ้…
อสูรเครายาวตะโกนแต่สิ่งที่ได้รับก็คือความสะพรึงกลัวจากอสูรเจ้าดินแดนที่เหลือ เหล่าอสูรรีบทิ้งห่างจากเขาร่างกับหนีให้พ้นจากโรคระบาด