The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1249 – ทรยศต่อซือหยู

　　หา?เมื่อรู้ตัวว่าสถานการณ์กำลังเลวร้าย มังกรอสูรบินหนีเอาตัวรอดทันที

　　แต่ความคิดที่จะสวนกลับเมื่อครู่ทำให้เขาเสียโอกาสหนีไปแล้ว

　　มันคล้ายกับการที่เขาใช้พลังแบบครั้งก่อนๆ แต่ครั้งนี้เป็นพลังของเทพมังกรและพลังของห้าธาตุที่หลอมรวมกัน!

　　เกราะสีเลือดที่สร้างจากพลังโลหิตแตกเผยจุดอ่อนที่ลำตัว

　　ดัชนีทะลวงมังกรอสูรด้วยจิตสังหารอย่างไม่ลังเลดัชนีของซือหยูแข็งแกร่งมาก

　　มันน่ากลัวยิ่งกว่าเมื่อพลังห้าธาตุจากปลายดัชนีหลั่งรินไปที่ร่างของมังกรอสูรจนกลายเป็นอณูแสงเหลือเพียงแค่ดวงวิญญาณที่สั่นกลัว!

　　เกราะโลหิตคือเกราะสุดยอดที่สร้างจากโลหิตตั้งแต่ยุคโบราณซึ่งโลหิตก็มีต้นกำเนิดจากวารี

　　ธาตุวารีที่เป็นหนึ่งในพลังของห้าธาตุสามารถแยกออกจากโลหิตและกลับสู่สภาวะปกติได้ดังนั้นดัชนีของซือหยูจึงทะลวงผ่านเกราะโลหิตได้

　　ดวงวิญญาณของอสูรกรีดร้องด้วยความสะพรึงกลัว

　　 นายท่านช่วยข้าด้วย!! 

　　ดวงวิญญาณรีบกลับไปหาแม่ทัพ

　　แม่ทัพไม่ยินดีนักเขาเรียกเหยือกทมิฬออกมาที่ฝ่ามือ

　　 รีบเข้ามาถ้าเจ้าไม่อยากถูกมิติวิญญาณในท้องนภากลืนกิน! 

　　ดวงวิญญาณของมังกรอสูรฝืนพลังดูดจากท้องนภาที่ลากเอาดวงวิญญาณขึ้นไปและรีบไปยังเหยือกทมิฬเพื่อหลบซ่อน

　　แม้จะเสียร่างอสูรอันทรงพลังไปแล้วเขาก็จะฟื้นคืนร่างกลับมาได้ใหม่ตราบเท่าที่กายหยาบและดวงวิญญาณยังคงอยู่　　ขณะที่กำลังโล่งใจอยู่นั้นแสงแสงทมิฬก็ได้แล่นผ่าน กรงขังที่ทำจากกระดูกเทพอสูรหล่นมาจากฟ้า

　　เมื่อเงยหน้ามองดวงวิญญาณมองกรอสูรก็กลัวมา มันอุทาน

　　 คุกสวรรค์เทพอสูร!ไม่นะ! อ๊ากกก…! 

　　กรงขังดวงวิญญาณมังกรอสูรไว้ภายในมันมิอาจหนีได้อีกแล้ว

　　ดวงวิญญาณทั้งหมดที่ถูกพาไปยังคุกสวรรค์เทพอสูรจะสูญเสียการรับรู้และจะถูกจองจำไปตลอดกาล

　　แม่ทัพร้องคำรามเมื่อดวงวิญญาณของมังกรอสูรถูกชิงไปเขารีบบินไปชิงคุกสวรรค์เทพอสูร

　　แม้เขาจะเร็วแต่เขาก็มิอาจเทียบความเร็วกับซือหยูที่ใช้พลังห้าธาตุร่วมด้วยได้

　　พริบตาเดียวซือหยูก็คว้าคุกสวรรค์เทพอสูรมาด้วยมือเดียว เสียงกรีดร้องดังก้องจากด้านในคุกสวรรค์　　นี่คือการทำลายตัวตนของมังกรอสูร!

　　ไม่นานก็ไม่มีเสียงดังมาจากคุกสวรรค์เทพอสูรอีก

　　ว่าที่เทพถูกทำให้เป็นข้ารับใช้ของซือหยูทั้งเป็น!

　　ทุกคนที่ได้เห็นจ้องมองซือหยูราวกับมองสัตว์ป่าคลั่ง

　　 เจ้าอยากตายงั้นเรอะ! 

　　อสูรเลือดบริสุทธิ์โกรธแค้นโทสะของพวกเขาปะทุเมื่อเห็นสิ่งที่ซือหยูทำ

　　ในยามที่มาถึงพวกเขาคิดว่านี่จะเป็นการล้างบางอยู่ฝ่ายเดียว ไม่มีใครคิดว่ามังกรอสูรจะถูกเจ้าเมืองชมทะเลคนใหม่จัดการได้ง่ายดายเช่นนี้!

　　ซือหยูเก็บคุกสวรรค์เทพอสูรและเหลือบมองข้าศึกเล็กน้อย

　　 มังกรอสูรเองก็พูดว่าข้าอยากตายแต่มันกลับเป็นฝ่ายตายเสียเอง หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ครั้งนี้จะถึงคราวพวกเจ้า!  　　แม่ทัพผู้โกรธเกรี้ยวปลดปล่อยพลังอสูรอันน่ากลัวออกมาเสียงหัวใจเต้นอย่างบ้าคลั่งของเขาดังราวกับเส้นเลือดในกายนับไม่ถ้วนบีบรัดพร้อมกัน ท้องนภาราวกับเต้นเป็นจังหวะ

　　เส้นโลหิตปรากฏทั่วทั้งตัวของเขา

　　มังกรอสูรมีมันเพียงสิบเส้นแต่ตอนนี้แม่ทัพมีมันหลายร้อยเส้น!

　　นี่คือความต่างระหว่างอสูรเลือดบริสุทธิ์กับอสูรเลือดผสม!

　　พลังโลหิตอันยิ่งใหญ่พุ่งพล่านออกจากร่างล้อมรอบตัวแม่ทัพจนกลายเป็นอสูรแดงสูงสิบศอก

　　 แปลงร่างอสูรศักดิ์สิทธิ์! 

　　แม่ทัพคำรามเขาปรากฏตัวที่ด้านหน้าซือหยูและซัดหมัดเลือดใส่เขา

　　ซือหยูย่อตัวปลดปล่อยพลังเทพมังกรพลังห้าธาตุ และพลังดูดซับออกมาพร้อมกัน

　　แต่ซือหยูก็ชักสีหน้าเล็กน้อยเมื่อได้ปะทะแสงพลังห้าธาตุแล่นออกจากร่างและลักพาตัวเขาไป

　　พรึ่บ!

　　หมัดเลือดทะลวงผ่านความว่างเปล่าเผยให้เห็นธารดาราในโลกอสูร

　　ซือหยูที่ใช้พลังเต็มที่ทำได้เพียงป้องกันพลังหมัดเล็กน้อยเขามิอาจสลายมันได้ทั้งหมด

　　ไม่เพียงแต่แม่ทัพจะมีพลังป้องกันอันน่าทึ่งแต่เขายังแข็งแกร่งกว่ามังกรอสูรหลายขุม

　　หากซือหยูก้าวพริบตาไม่ทันหมัดนั้นคงจะเอาชีวิตเขาไปแล้ว

　　 ฮ่าๆๆๆนี่คือความต่างระหว่างอสูรเลือดบริสุทธิ์กับอสูรเลือดผสม! เจ้าคิดว่าข้าล้อเล่นตอนที่บอกว่าจะฆ่าเจ้าเรอะ? 

　　แม่ทัพมองซือหยูอย่างเย็นชาด้วยจิตสังหาร

　　ฟึ่บ!

　　แม่ทัพพุ่งเข้ามาอีกครั้งด้วยความเร็วปานสายฟ้า

　　ซือหยูที่ใช้พลังห้าธาตุได้ดีย่อมหลบการโจมตีได้แม้ศัตรูจะแกร่ง แต่มันก็มิอาจหยุดยั้งซือหยู

　　ทั้งสองดูกระวนกระวายการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้จะตัดสินว่าใครคือผู้ชนะ

　　อสูรเจ้าดินแดนหลายคนจากเมืองชมทะเลเริ่มตึงเครีดยซือหยูทำให้พวกเขามีหวัง แต่แม่ทัพข้าศึกก็ทำให้พวกเขาหมดกำลังใจ หากยังเป็นเช่นนี้ ซือหยูจะกลายเป็นฝ่ายแพ้ หากเวลานั้นมาถึง การนองเลือดย่อมรอพวกเขาอยู่

　　ท่านอสูรเขตสิบมีเพียงท่านกับท่านเจ้าเมืองเท่านั้นที่จะต่อสู้กับศัตรูได้ เพื่อเมืองชมทะเล โปรดให้พวกเรายืมมือด้วยเถอะ

　　หลังจากตรึกตรองพวกเขาทุกคนก็มองไปที่อสูรเขตสิบ

　　หากพวกเขาต่อสู้ว่าที่เทพอีกหลายร้อยคนของอีกฝ่ายจะเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย　　แต่ถ้าหากมีอสูรเขตสิบเพียงคนเดียวศัตรูอาจลังเล

　　อสูรเขตสิบยังคงมองดูการต่อสู้ระหว่างซือหยูและแม่ทัพอย่างเงียบเชียบต่อไป

　　เขาแสยะยิ้ม

　　 ท่านเจ้าเมืองเตือนเราไม่ให้ยุ่งเกี่ยวไม่ใช่หรือ?หากแข็งแกร่งเช่นนั้น ใยต้องการความช่วยเหลือจากข้าเล่า? 

　　เหล่าอสูรเจ้าดินแดนยิ้มอย่างขมขื่นเจ้าเมืองผู้นี้โอหังเกินไป

　　ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว

　　แม่ทัพร้องคำรามหลังจากโจมตีไม่โดนมาหลายครั้งแสงส่องประกาย ร่างใหญ่ของเขาปล่อยหนวดออกมาหลายร้อยเส้นบนท้องนภาและล้อมพื้นที่รอบ ๆ เอาไว้

　　หากมองดูจากด้านนอกจะเห็นว่าซือหยูและแม่ทัพอีกฝ่ายถูกปิดผนึกอยู่ในก้อนโลหิตกลมขนาดใหญ่

　　 ไม่มีที่ให้เจ้าหนีอีกแล้ว…  　　ก้อนกลมค่อยๆ ลดขนาดลงจนซือหยูไม่เหลือพื้นที่ให้ก้าวพริบตา

　　การต่อสู้ด้วยพลังเต็มที่มิอาจเลี่ยงได้อีกแล้วซือหยูพูดเบา ๆ

　　 ถึงเวลาที่ข้าจะจัดการให้เสร็จในคราเดียว 

　　มือซือหยูสร้างผนึกพลังธาตุธรณีล้อมรอบกาย

　　แม่ทัพแปลกใจเล็กน้อย

　　 พลังธรณีสูงมาก!ไม่คิดว่าเจ้าจะใช้ธาตุนี้ได้! 

　　ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยั้งมือที่จะสังหารซือหยู

　　ขณะที่แม่ทัพกำลังจะสังหารซือหยูเถาวัลย์หนามากมายแทงทะลุมาจากด้านล่างเต็มพื้นที่ทรงกลมที่ถูกปิดตาย มันอัดเข้ามาแน่นราวกับเส้นผม

　　เถาวัลย์นี้เติบโตไม่หยุดหย่อนมันเติมเต็มพื้นที่แคบอย่างรวดเร็ว　　แม่ทัพพุ่งลงไปทำลายเถาวัลย์ที่พุ่งเข้ามาด้วยหมัดแต่พลังส่วนใหญ่ก็ถูกเถาวัลย์ต้านเอาไว้และไม่ถึงตัวซือหยูเลย

　　เถาวัลย์ที่เติบโตไม่รู้สิ้นบังคับให้แม่ทัพต้องถอยอีกครั้ง

　　แม่ถอยมาจนถึงขอบพื้นที่ปิดตายภายในก้อนกลมก็มีแต่เถาวัลย์แล้ว ไม่เหลือพื้นที่ให้ขยับตัวได้อีก

　　ในตอนนั้นเองหนามเล็ก ๆ ได้งอกออกมาจากเถาวัลย์ พวกมันพุ่งเข้าหาแม่ทัพพร้อมกับการผสานพลังดูดซับของซือหยู

　　การขัดขืนไม่เป็นผลในพื้นที่คับแคบหนามเริ่มใหญ่ขึ้นทะลวงร่างของแม่ทัพ

　　หนามเล็กน้อยอาจดูดกลืนพลังโลหิตไม่ได้แต่ถ้าหากมีนับพันนับหมื่นหนามเล่า?

　　ร่างยักษ์ของแม่ทัพหลอมละลายอย่างรวดเร็วจนเป็นร่างต้นเหมือนกับตุ๊กตาหิมะกลางแดดจ้า

　　แม่ทัพต้องคลายพลังปิดพื้นที่ออกและรีบถอย

　　แต่ในเวลาเดียวกันเสียงอันเยือกเย็นของซือหยูก็ดังมาจากเถาวัลย์นับไม่ถ้วน

　　 ตอนนี้แหละ! 

　　ฟึ่บ!

　　หนามยักษ์หนึ่งที่มีพลังดูดซับเข้าแทงร่างของแม่ทัพทันที

　　พลังโลหิตที่ลำตัวแม่ทัพสลายไปเผยร่างกายท่อนบนให้เห็น

　　ซือหยูไม่รอช้าเขาก้าวพริบตาไปที่ด้านหน้าศัตรู แปลงกายตัวเองเป็นมังกรทองที่มีแสงพลังห้าธาตุรอบตัวและใช้พลังสายฟ้าจัดการปิดฉาก

　　เท่านี้ก็มากพอที่จะสังหารแม่ทัพแล้ว!

　　เหล่าอสูรเจ้าดินแดนเมืองชมทะเลหัวใจแทบจะทะลักออกจากอกกระบวนท่านี้จะตัดสินว่าพวกเขาสามารถเอาชนะได้หรือไม่

　　แต่พวกเขาก็กังวลมากจนเกินไปและไม่ทันรู้ตัวว่าอสูรเขตสิบที่มักจะเงียบได้หายตัวไปแล้ว!

　　แม่ทัพสะพรึงกลัวมังกรอสูรเองก็พ่ายแพ้โดยการผสานสามพลังเช่นนี้!

　　ในตอนนั้นเองเขาตะโกน

　　 อสูรเขตสิบ!เจ้ายังรออะไรอยู่! 

　　อสูรเขตสิบงั้นเรอะ?เหล่าอสูรเจ้าดินแดนเมืองชมทะเลใจหาย หรือว่าจะ…

　　ในจังหวะสุดท้ายของการต่อสู้ชายสวมผ้าคลุมแดงปรากฏตัวที่ด้านหลังของซือหยู

　　 รับไปซะ! 

　　ฉั่วะ!

　　กระบี่ทมิฬขนาดใหญ่ปรากฏในมืออสูรเขตสิบและซัดลงมา

　　ด้วยพลังเต็มที่ของอสูรเขตสิบพลังนี้เป็นรองเพียงพลังเต็มที่ของแม่ทัพอีกฝ่ายเท่านั้น

　　ซือหยูถูกฟันเป็นสองท่อน!

　　โลหิตซ่านกระเซ็นมังกรทองร้องคำราม

　　แสงเลือนลางมังกรทองคืนร่างเป็นซือหยูเหล่าอสูรเจ้าดินแดนเมืองชมทะเลตกตะลึง

　　เจ้าเมืองตายแล้ว…

　　เขาไม่ได้ถูกฆ่าด้วยมือศัตรูแต่เป็นการฆ่าด้วยฝ่ายเดียวกันในขณะที่รับมือกับศัตรู!

　　อสูรเขตสิบ!

　　เหล่าอสูรเจ้าดินแดนเมืองชมทะเลมองทรราชย์ด้วยความชิงชังพวกเขามิอาจเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น

　　ไม่แปลกเลยยามที่เจ้าเมืองกำลังต่อสู้อย่างยากลำบาก เขาปฏิเสธที่จะช่วยเหลือและล้อเลียน

　　เมื่อเจ้าเมืองกำลังจะชนะเขาก็แทงเจ้าเมืองจากข้างหลัง

　　 ไอ้เดรัจฉาน! 

　　เหล่าอสูรเจ้าดินแดนเมืองชมทะเลโกรธจนแทบบ้าพวกเขาแพ้เพราะหนอนบ่อนไส้!

　　 ไปฆ่าไอ้ทรราชย์ด้วยกัน! 

　　พวกเขาโกรธแค้นถึงขีดสุด　　อสูรเขตสิบมองเหล่าอดีตพันธมิตรที่ไม่พอใจพลางเช็ดโลหิตจากคมกระบี่

　　 เจ้ามันพวกโง่ที่ไม่รู้จักมองปัจจุบัน!ต่อให้องค์หญิงเก้ายังอยู่ นางก็ถูกทำร้ายจนกลับคืนร่างต้น เป็นไปไม่ได้ที่นางจะฟื้นคืนร่างกลับมา มิเหตุผลอันใดที่จะภักดีนางอย่างพวกเจ้า! คงจะดีกว่าถ้าหันหน้ารับใช้องค์หญิงหกแทน! 

　　อสูรเขตสิบเหลือบมองพวกเขาด้วยแววตาเวทนา

　　 เจ้าคิดรึว่าข้าเป็นคนเดียวที่เชื่อใจองค์หญิงหก?