ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 733 พระราชกฤษฎีกา (กลาง)

ตอนที่ 733 พระราชกฤษฎีกา (กลาง)

ท้องฟ้า​เพิ่งจะ​สว่าง​ ​ใน​เช้า​ฤดูใบไม้ผลิ​ที่​อากาศ​หนาวเย็น​เช่นนี้​ ​หน้าต่าง​ทุก​บาน​ของ​ห้อง​หนังสือ​ถูก​เปิด​ออก​ ​ลม​เย็น​ๆ​ ​พัด​เข้ามา​พร้อม​กลิ่นหอม​สดชื่น​ที่​ทำให้​คน​รู้สึก​กระปรี้กระเปร่า

แผนที่​จิ​่ว​โจว​ที่​รวบรวม​อยู่​ใน​กล่อง​ไม้​การบูร​ถูก​นำ​ออกมา​วาง​บน​ชั้น​หนังสือ​ไม้​หวง​ลี่​ขนาดใหญ่​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​สวม​เสื้อแขนยาว​ผ้าไหม​หังโจว​สีน้ำเงิน​ที่​ยัง​ดู​ใหม่​อยู่​ ​ยืน​เอา​มือ​ไขว้หลัง​อยู่​หน้า​ชั้นวางหนังสือ​ ​ก้มหน้า​ลง​เล็กน้อย​ ​จ้องมอง​ไป​ที่​แผนที่​โดยที่​ตา​ไม่​กะพริบ​ ​สีหน้า​ของ​เขา​ดู​เคร่งขรึม​อย่างยิ่ง

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ดังนั้น​ก็​หยุด​ฝีเท้า

เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​การเคลื่อนไหว​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​เงยหน้า​ขึ้น​ ​“​เจ้า​มา​แล้ว​หรือ​!​”

ถูก​เรียก​เข้าไป​ใน​วัง​อย่างกะทันหัน​ ​สือ​อี​เหนียง​จะ​ต้อง​เป็นกังวล​อย่างแน่นอน​ ​เมื่อ​รู้​ว่า​เขา​กลับมา​แล้ว​ ​ย่อม​ต้อง​มาหา​เขา​ในทันที

เหตุใด​ถึง​ต้อง​ดู​แผนที่​จิ​่ว​โจว

สือ​อี​เหนียง​มี​ลางสังหรณ์​ไม่ดี​…

“​เกิด​อะไร​ขึ้น​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​นาง​ถาม​พลาง​เดิน​ไป​ยืน​อยู่​ข้าง​สวี​ลิ่ง​อี๋

ภูเขา​สลับซับซ้อน​และ​สายน้ำ​หลาก​ลาย​สาย​ล้วน​เห็น​อย่างชัดเจน

สวี​ลิ่ง​อี๋​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​ชี้​ไป​ที่​ตำแหน่ง​เมือง​เซ​วี​ยนถ​งบน​แผนที่​ ​“​ชน​เผ่า​ตาด​มองโกล​รวบรวม​คนใน​เผ่า​อื่น​สามสิบ​เผ่า​อ้อม​ผ่าน​ด่าน​หุบเขาจ​ยา​อวี​้​ไป​ถึง​นอกเมือง​เซ​วี​ยนถง​แล้ว​”

สือ​อี​เหนียง​ใจเต้น​ระส่ำ​ ​สีหน้า​เปลี่ยนไป​เป็นอย่างมาก​ ​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​แหบ​พร่า​ ​“​เป็น​เช่นนี้​ได้​อย่างไร​”

เมือง​เซ​วี​ยนถง​ถือเป็น​เมือง​หน้า​ด่าน​ของ​เยี​่​ยน​จิง​ ​หาก​เมือง​หน้า​ด่าน​ถูก​ทำลาย​ ​เยี​่​ยน​จิง​ก็​จะ​ตกอยู่ในอันตราย​!

“​ฤดูหนาว​ปี​ที่แล้ว​หนาว​จับใจ​ ​ฤดูใบไม้ผลิ​ปีนี​้​ก็​มาสาย​ ​แม้แต่​ต้นไม้ใบหญ้า​สัก​ต้น​ก็​ไม่มี​ ​มี​เพียง​ต้อง​บุกเข้าไป​ใน​ด่าน​เพื่อ​แย่ง​ทรัพยากร​มา​!​”​ ​น้ำเสียง​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​สงบนิ่ง​เป็นอย่างมาก​ ​“​ดูแล​้ว​เกรง​ว่า​คงจะ​ต้อง​ใช้​ทหาร​ทั้ง​ห้า​เหล่าทัพ​แห่ง​กองทัพ​ภาค​แล้ว​!​”

“​เช่นนั้น​จิ​่น​เกอ​จะ​เป็น​อะไร​หรือไม่​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เป็นห่วง​เรื่อง​นี้​มากกว่า

“​เขา​ไม่เป็นอะไร​หรอก​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​มอง​นาง​ ​“​สื่อ​หยาง​อยู่​ห่างไกล​จาก​เซ​วี​ยนถง​เป็นอย่างมาก​ ​แม้ว่า​พวก​ตาด​มองโกล​เหล่านั้น​จะ​เดิน​ผิดเส้น​ทาง​ ​แต่​ก็​ไม่มีทาง​ไป​ถึงที่​นั้น​ได้​ ​ตอนนี้​สถานการณ์​ตึงเครียด​ ​ผู้ว่าการ​กองทัพ​ทั้ง​ห้า​ต้อง​ใส่ใจ​ความเร็ว​ใน​การ​ใช้กำลัง​ทหาร​ ​ไม่มีทาง​ที่จะ​ไม่​ใช้​กองกำลัง​ทหาร​แนวหลัง​ที่อยู่​ใกล้​เซ​วี​ยนถ​งมาก​ที่สุด​ ​แล้ว​ขอก​อง​กำลัง​ทัพ​ขวา​ที่​ไกล​ออก​ไป​ ​เจ้า​วางใจ​ได้​ ​เขา​ปลอดภัย​กว่า​พวกเรา​เสียอีก​!​”​ ​เมื่อ​พูด​จบ​ก็​เผย​ให้​เห็น​รอยยิ้ม​ที่​แฝง​ไว้​ด้วย​ความ​ปลอบใจ​อย่าง​อ่อนโยน

มณฑล​ซื่อ​ชวน​อยู่​ภายใต้​เขต​อำนาจ​ของกอง​ทัพ​ฝ่ายขวา​ ​มณฑล​ซาน​ซี​อยู่​ภายใต้​เขต​อำนาจ​ของกอง​ทัพ​แนวหลัง

สือ​อี​เหนียง​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​แล้ว​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ฮ่องเต้​เรียก​ท่าน​โหว​เข้า​วัง​ทำไม​หรือ​เจ้า​คะ​”

“​ราชสำนัก​ไม่ได้​ใช้กำลัง​ทหาร​กับ​ซี​เป่ย​มา​เป็นเวลา​สิบ​กว่า​ปี​แล้ว​ ​ฮ่องเต้​ไม่รู้​ว่า​ควร​ทำ​อย่างไร​จึง​เรียก​ข้า​เข้าไป​สอบถาม​”​ ​ขณะที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ประโยค​นี้​ ​ ​น้ำเสียง​ฟัง​ดู​เรียบ​เฉย​แต่​หาง​ตา​และ​สีหน้า​ของ​เขา​แสดงให้เห็น​ถึง​ความมั่นใจ​อย่างแรงกล้า​ ​ทำให้​ตัว​เขา​ดู​ทรงพลัง​มากขึ้น​และ​มี​ความ​เคร่งขรึม​ในทันที

นี่​คงจะ​เป็น​บุคลิก​ตอนที่​เขา​อยู่​ใน​ค่ายทหาร​กระมัง​!

ทันใดนั้น​สือ​อี​เหนียง​ก็​รู้สึก​ราวกับว่า​ได้​เห็น​อีก​ด้าน​หนึ่ง​ที่​สวี​ลิ​๋​งอี​่​ซ่อน​ไว้​โดย​ไม่ได้ตั้งใจ

“​ฮ่องเต้​ถาม​ท่าน​เพียงแค่​เรื่อง​ของ​ซี​เป่ย​หรือ​ ​ไม่ได้​ถาม​เรื่อง​อื่น​อีก​?​”​ ​นาง​ถาม​อย่าง​ลังเล

สวี​ลิ่ง​อี๋​เงียบ​ไป​นาน​ก่อน​จะ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​ฮ่องเต้​ยัง​ถาม​อีกว่า​ข้า​ต้องการ​จะ​ไป​บรรเทา​ความโกลาหล​ที่​ซี​เป่ย​หรือไม่​…​”​ ​เขา​ชะงัก​ไป​เล็กน้อย​ ​“​ข้า​ปฏิเสธ​ไป​อย่าง​อ้อมค้อม​แล้ว​!​”​ ​น้ำเสียง​เบา​สบาย​ราวกับ​สายน้ำ​ที่​ไหล​เอื่อยๆ​ ​ก็​ไม่​ปาน

หาก​ไม่ใช่​เพราะ​พิจารณา​เหตุผล​ด้าน​การเมือง​ ​เขา​คง​อยาก​จะ​ไป​ซี​เป่ย​อีกครั้ง​กระมัง

เมื่อ​นึกถึง​ความมั่นใจ​ที่​เขา​แสดงออก​มา​เมื่อ​ครู่​ ​จู่ๆ​ ​ใน​ใจ​ก็​รู้สึก​ตื่นตระหนก​เล็กน้อย​ ​มือวาง​ลง​บน​กำปั้น​ของ​เขา​ที่​วาง​อยู่​บน​โต๊ะ​อย่าง​แผ่วเบา​ ​“​จิ​่น​เกอ​อยู่​ที่​ซื่อ​ชวน​ ​หาก​ท่าน​ไป​ซี​เป่ย​อีก​ ​ที่นี่​ก็​จะ​เงียบเหงา​…​รอ​อยู่​ที่​เรือน​เถิด​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สายตา​ที่​มอง​เขา​อ่อนโยน​ราวกับ​สายน้ำ​ใน​ฤดูใบไม้ผลิ​ซาด​ซัด​เข้าไป​ใน​ใจ​ของ​เขา​ ​ทำให้​เขา​รู้สึก​ผิดหวัง​เล็กน้อย

ที่นาง​พูด​คำ​เหล่านี้​ออกมา​ก็​เพื่อ​จะ​ปลอบโยน​เขา​กระมัง​!

หาก​ไม่ใช่​สถานการณ์​เช่นนี้​จะ​ดี​แค่ไหน​…

สวี​ลิ่ง​อี๋​ส่ายหน้า​เบา​ๆ​

คู่รัก​ใน​วัยหนุ่มสาว​ ​คู่ชีวิต​ใน​วัยชรา​ ​บางที​ตัวเอง​อาจจะ​คิดมาก​เกินไป

เขา​ยิ้ม​พลาง​ตบมือ​สือ​อี​เหนียง​เบา​ๆ​ ​“​เช้า​ขนาด​นี้​ ​ยัง​ไม่ได้​ทานอาหาร​เช้า​ใช่​หรือไม่​”​ ​จากนั้น​ก็​หันกลับ​ไป​ตะโกนเรียก​เติงฮ​วา​ ​“​ปิดหน้า​ต่าง​ให้​หมด​ ​แล้ว​ให้​บรรดา​ป้า​รับใช้​ยก​อาหารเช้า​เข้ามา​!​”​ ​เปลี่ยน​หัวข้อ​สนทนา

มีบร​รยา​กาศ​เย็นยะเยือก​เล็กน้อย​ระหว่าง​ทั้งสอง​คน

สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ

สวี​ลิ่ง​อี๋​เดิน​ไป​ที่​เตียง​เตา​ใหญ่​ริม​หน้าต่าง​ ​หยิบ​กาน้ำ​ชา​อุ่นๆ​ ​บน​โต๊ะ​เท​ใส่​ถ้วย​ชา​ ​“​มาสิ​ ​นั่งลง​ดื่ม​ชาร้อน​ๆ​ ​สักหน่อย​”

รอยยิ้ม​ยังคง​อ่อนโยน​ ​แต่กลับ​ขาด​ความอบอุ่น​เหมือนปกติ

สือ​อี​เหนียง​เดิน​ไป​นั่งลง​อย่าง​เงียบๆ​ ​ยก​ถ้วย​ชา​ขึ้น​มา​ ​พูด​เรื่อง​ใน​เรือน​ทั่วไป​ ​พยายาม​ทำลาย​ความเยือกเย็น​ระหว่าง​ทั้งสอง​คน​ ​“​ระหว่างทาง​กลับมา​เมื่อวาน​ ​ข้า​ปรึกษา​กับ​อิง​เหนียง​เป็นเวลา​นาน​ ​อยาก​จะ​ปลูก​ต้น​กระจับ​ที่​ท่าเรือ​หลิว​ฟัง​ ​แต่​ก็​กลัว​ว่า​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​กระจับ​จะ​แพร่กระจาย​จน​แน่นขนัด​ไป​หมด​ ​ทำให้​ไม่​สามารถ​พาย​เรือ​ได้​…​”​

เรื่องเล็ก​แค่นี้​จะ​เป็นเรื่อง​ยาก​สำหรับ​สือ​อี​เหนียง​ได้​อย่างไร

เมื่อ​เห็น​ร่องรอย​ความไม่สบายใจ​ผ่าน​เข้ามา​ใน​แววตา​ของ​นาง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​หัวเราะ

ตัวเอง​ก็​ใจแคบ​เกินไป​แล้ว

สือ​อี​เหนียง​มี​อารมณ์​มั่นคง​ ​ทั้ง​ยัง​มาจาก​สกุล​ใหญ่​ ​สงวนท่าที​จน​เคยชิน​ ​เมื่อ​นึกถึง​ความอ่อนโยน​และ​ความอ่อนหวาน​ของ​นาง​…​ตัวเอง​ช่าง​โลภมาก​เสีย​จริง​!

เมื่อ​คิดได้​เช่นนี้​เขา​ก็​โอบ​ไหล่​สือ​อี​เหนียง​ ​หอม​ที่​แก้ม​นาง​อย่าง​เสน่หา​ ​“​หาก​กระจับ​ขึ้น​หนา​เกินไป​ ​ก็​ให้​ผู้ดูแล​เชิญ​บรรดา​หญิง​เฒ่า​ที่​ดูแล​ที่นา​มากำ​จัด​ออก​ก็ได้​แล้ว​ ​ข้า​จำได้​ว่า​กระจับ​จะ​มี​ใน​ช่วงเดือน​ห้า​เดือน​หก​ ​เมื่อถึง​เดือน​ห้า​เดือน​หก​ ​อากาศ​ค่อนข้าง​ร้อน​ ​ใคร​ยัง​จะ​ไป​พาย​เรือ​อีก​ ​ไม่มีปัญหา​สำหรับ​การ​ปลูก​กระจับ​…​”

รู้สึก​ถึง​ลมหายใจ​อัน​อบอุ่น​ของ​เขา​ ​เมื่อ​ได้​ฟัง​เสียง​นุ่มนวล​ของ​เขา​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​อด​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ไม่ได้​ ​ราวกับว่า​ก้อนหิน​ก้อน​ใหญ่​ใน​ใจ​ของ​นาง​ถูก​ยก​ออก​ในทันที​

เมื่อ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​นาง​ถอนหายใจ​ใน​อ้อมแขน​ของ​เขา​เบา​ๆ​ ​รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​ของ​เขา​ก็​กว้าง​ขึ้น

ดูเหมือนว่า​สือ​อี​เหนียง​จะ​ผูกพัน​กับ​ตัวเอง​มากขึ้น​

มัน​เริ่มต้น​ตั้งแต่​เมื่อไร​…​ความอบอุ่น​ ​ความอ่อนโยน​ ​ความโกรธ​หรือ​การ​ตำหนิ​ใน​ชีวิต​ของ​เขา​เหล่านั้น​ ​วนเวียน​อยู่​ใน​จิตใจ​ราวกับ​สัญญาณไฟ​ที่​หมุน​เปลี่ยน​อยู่​ใน​สมอง​ของ​เขา​ ​แต่​ไม่​สามารถ​หา​แหล่งที่มา​ได้​…

เติงฮ​วา​เข้ามา​ ​เห็น​ทั้งสอง​คน​นั่ง​อยู่​ด้วยกัน​อย่างสนิทสนม​ก็​รีบ​ก้มหน้า​ลง​ ​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​ท่าน​โหว​ ​ให้​วาง​อาหารเช้า​ไว้​ตรงไหน​ดี​ขอรับ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พยา​มดิ​้น​เพื่อ​ลุกขึ้น​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​โอบ​นาง​ไว้​แน่น​ ​นาง​จึง​ต้อง​พิง​ไหล่เขา​อีกครั้ง​ ​ใบหน้า​แดง​เล็กน้อย​ ​แต่กลับ​ไม่ได้​พยายาม​ดิ้น​อีก

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​เล็กน้อย​ ​กำชับ​เติงฮ​วา​ ​“​วาง​ไว้​ตรงนี้​เถิด​!​”

เติงฮ​วารับ​คำ​แล้ว​ถอย​ออก​ไป

สวี​ลิ่ง​อี๋​จูบ​หน้าผาก​นาง​ก่อนที่จะ​ปล่อย​นาง

สือ​อี​เหนียง​ลุกขึ้น​นั่ง​

ป้า​รับใช้​ที่​ได้รับ​คำสั่ง​ต่าง​ก็​ก้มหน้า​เดิน​เข้ามา​ ​ย้าย​โต๊ะ​บน​เตียง​เตา​ออก​ไป​ ​แล้ว​นำ​โต๊ะอาหาร​เช้า​มา​วาง​บน​เตียง​เตา

สอง​สามีภรรยา​นั่ง​รับประทาน​อาหารเช้า​ด้วยกัน

ได้ยิน​เสียง​กระทบ​กัน​ของ​เครื่องลายคราม​ใน​ห้อง​เป็นครั้งคราว​ ​เสียง​ซด​น้ำแกง​เบา​ๆ​ ​และ​เสียง​เคี้ยว​อาหาร

ตอน​นาง​ยัง​เด็ก​ท่าน​แม่​มักจะ​ยุ่ง​อยู่​เสมอ​ ​นานๆ​ ​ที​ถึง​จะ​ได้​ทานข้าว​ด้วยกัน​ ​นาง​ก็​มักจะ​เล่าเรื่อง​ที่เกิด​ขึ้น​รอบตัว​ให้​ฟัง​ ​ราวกับว่า​เมื่อ​ทำ​เช่นนี้​จะ​สามารถ​ทดแทน​วันที่​นาง​ไม่ได้​อยู่​กับ​แม่​ได้​ ​แต่​ใน​ใจ​ก็​ยังคง​มี​ช่องว่าง​ ​ไม่ว่า​เสียง​จะ​ดัง​แค่ไหน​ก็​ไม่​สามารถ​เติมเต็ม​ได้​ ​แต่กลับ​ยิ่ง​ทำให้​รู้สึก​ผิดหวัง​ ​ต่อมา​เมื่อมา​อยู่​ที่​อวี​๋​หัง​ก็ได้​ให้ความสำคัญ​เรื่อง​ ​‘​ทาน​ไม่​คุย​นอน​ไม่​พูด​’​ ​ตอนนั้น​รู้สึก​เพียง​ว่าน​่า​เบื่อ​…​แต่​ไม่รู้​ตั้งแต่​เมื่อไร​นาง​ถึง​ได้​เคยชิน​กับ​การ​ทานอาหาร​เงียบๆ​ ​เช่นนี้​ ​แต่​ใน​ใจ​กลับ​รู้สึก​สงบ​และ​มั่นคง

สือ​อี​เหนียง​อด​มอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่อยู่​ตรงข้าม​ไม่ได้

เขา​กำลัง​คีบ​อาหาร​ ​สีหน้า​สงบนิ่ง​ ​ท่าทาง​มั่นคง​และ​ทรงพลัง​…​เช่นเดียวกัน​กับ​คืน​นั้น​ที่​เขา​ถูก​ฮ่องเต้​องค์​ก่อน​เรียก​เข้า​วัง​…​เขา​โอบ​นาง​เบา​ๆ​ ​แขน​ของ​เขา​มั่นคง​และ​แข็งแรง​ ​กำชับ​ให้​นาง​พา​เด็ก​ๆ​ ​ไป​ด้วย​สีหน้า​สงบนิ่ง​…​นาง​ยังคง​จำ​ลมหายใจ​ตอนที่​ถูก​เขา​กอด​ได้​…

นาง​อยู่​ใน​ความ​สับสน​เล็กน้อย

เมื่อ​ได้​เห็น​เขา​อีกครั้ง​ ​ทำไม​ถึง​ไม่​ถาม​เขา​ว่า​เหตุใด​จึง​ได้​จัดการ​ให้​นาง​พา​เด็ก​ๆ​ ​ไป​…​นาง​เป็นฮู​หยิน​ของ​หย่ง​ผิง​โหว​…​หาก​จะ​ให้​ไป​ ฮู​หยิน​สอง​คงจะ​พา​ไป​ได้​ง่าย​กว่า​…​อีก​อย่างฮู​หยิน​สอง​เคย​มีประสบการณ์​เรื่อง​ความเสี่ยง​ของ​สกุล​สวี​แบบนี้​ ​ทั้ง​ยัง​มี​ความภักดี​ ​ความมุ่งมั่น​ ​และ​ความสามารถ​ใน​การปรับตัว​มากกว่า​เมื่อ​เทียบ​กับ​นาง​ ​จะ​ทำให้​คน​รู้สึก​วางใจ​มากกว่า​…​สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็น​คนที​่​กระทำการ​ได้​อย่างเหมาะสม​ ​โดยเฉพาะ​ช่วงเวลา​ที่​ต้อง​เผชิญ​กับ​ความ​เป็นความ​ตาย​ของ​ตระกูล​…

ดูเหมือนว่า​นับแต่​นั้น​เป็นต้นมา​นาง​จึง​ได้​ตระหนักถึง​ภาระ​อัน​หนักอึ้ง​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​แบกรับ​ไว้​ด้วยตัวเอง​อย่างแท้จริง​ ​และ​นับแต่​นั้น​เป็นต้นมา​เวลา​ที่​เขา​ไม่มี​ความสุข​ ​หัวใจ​ของ​นาง​ก็​ราวกับ​ถูก​กระชาก​ออกมา​ ​จากนั้น​ก็​อยาก​จะ​พูด​หรือ​ทำ​อะไร​บางอย่าง​ที่จะ​ทำให้​เขา​ผ่อนคลาย​และ​มีความสุข​…

“​เป็น​อะไร​ไป​หรือ​”​ ​เมื่อ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​ว่า​คนที​่​อยู่​ตรงข้าม​เขี่ย​เม็ด​ข้าว​ใน​ถ้วย​โจ๊ก​อย่าง​เหม​อลอย​ ​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​อาหารเช้า​ไม่ถูกปาก​หรือ​”

เขา​ทาน​ง่าย​ ​ส่วน​นาง​เป็น​คน​ทาน​ค่อนข้าง​ยาก​…​ปกติ​อาหาร​โต๊ะ​ใหญ่​นาง​จะ​ทาน​ไป​แค่​สอง​ใน​สาม​ส่วน​ ​คิดไม่ถึง​ว่านาง​จะ​มา​ ​เห็นได้ชัด​เจน​ว่า​ห้องครัว​ได้​จัดเตรียม​อาหารเช้า​ใหม่​ ​เวลา​ค่อนข้าง​ฉุกละหุก​ ​ส่วนใหญ่​เลย​จะ​เป็น​ก๋วยเตี๋ยว​ ​หมั่น​โถว​ ​มี​ผัด​ผัก​แค่​ไม่​กี่​อย่าง​ ​และ​โจ๊ก​ข้าวฟ่าง

“​เปล่า​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ข้า​สบายดี​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า

มีบ​่า​วรับ​ใช้​วิ่ง​เข้ามา​รายงาน​ ​“​ท่าน​โหว​ ​ใต้เท้า​หม่า​แห่ง​ทหาร​ทั้ง​ห้า​เหล่าทัพ​แห่ง​กองทัพ​ภาค​มา​ขอ​พบ​ขอรับ​!​”

ใต้เท้า​หม่า​ดูแล​กองทัพ​ส่วนกลาง​ของ​ทหาร​ทั้ง​ห้า​เหล่าทัพ​แห่ง​กองทัพ​ภาค

สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ได้​แสดงอาการ​แปลกใจ​ใดๆ​ ​แต่​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่ใหญ่​ก่อน​จะ​กำชับ​บ่าว​รับใช้​ว่า​ ​“​เชิญ​เขา​ไป​นั่ง​รอที​่​ห้องโถง​บุปผา​!​”

สือ​อี​เหนียง​รีบ​ลุกขึ้น​ช่วย​สวี​ลิ่ง​อี๋​เปลี่ยน​ชุด

“​เจ้า​รอ​ข้า​สักครู่​ ​พวกเรา​จะ​ได้​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน​ด้วยกัน​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​พลาง​เดิน​ออกจาก​ห้อง​ไป

บอกว่า​ครู่หนึ่ง​ ​แต่​รอมา​เกือบ​หนึ่ง​ชั่ว​ยาม​กว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​กลับมา

“​ไป​กัน​เถิด​!​”​ ​เขา​พูดเสี​ยง​เรียบ​ว่า​ ​“​เดี๋ยว​ท่าน​แม่​จะ​รอ​!​”

ตอนนี้​ไท่ฮู​หยิน​ต้อง​เจอ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ทุกวัน​เช้า​เย็น​ถึง​จะ​รู้สึก​สบายใจ

สือ​อี​เหนียง​เดินตาม​เขา​ออก​ไป

เมื่อ​เดิน​มา​ได้​ครึ่งทาง​นาง​ก็​ถาม​อย่าง​ลังเล​ว่า​ ​“​ใต้เท้า​หม่ามา​หา​ท่าน​มีเรื่อง​เร่งด่วน​อะไร​หรือ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ได้​พูด​อะไร​ ​จนกระทั่ง​เข้ามา​ใน​ลาน​ของ​เรือน​ไท่ฮู​หยิน​จึง​ได้​พูดเสี​ยง​เบา​ว่า​ ​“​ฮ่องเต้​เรียก​คนใน​ทหาร​ทั้ง​ห้า​เหล่าทัพ​แห่ง​กองทัพ​ภาค​เข้า​วัง​ ​เขา​มาถาม​ข้าว​่า​ถ้าหาก​ฮ่องเต้​ขอให้​เขา​แนะนำ​แม่ทัพ​เพื่อนำ​ทัพ​ ​เขา​ควรจะ​แนะนำ​ใคร​ดี​”

สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ

สวี​ลิ่ง​อี๋​ออกจาก​ค่ายทหาร​มาสิ​บก​ว่า​ปี​แล้ว​ ​แต่​ผู้ดูแล​กองทัพ​ส่วนกลาง​ของ​ทหาร​ทั้ง​ห้า​เหล่าทัพ​แห่ง​กองทัพ​ภาค​กลับมา​ถาม​สวี​ลิ่ง​อี๋​ว่า​เขา​ควรจะ​แนะนำ​ใคร​เป็น​แม่ทัพ​…​อย่า​ลืม​ว่า​หาก​แพ้​สงคราม​ผู้​ที่​แนะนำ​ก็​ต้อง​รับผิดชอบ​ด้วย​ ​กระทั่ง​อาจจะ​ต้อง​ไป​ถูก​ลงโทษ​ร่วมกัน​…​บางที​การ​ที่อยู่​ร่วมกัน​โดย​ไม่มี​ระยะห่าง​ ​อาจจะ​ทำให้​บางสิ่ง​ถูก​ละเลย​

นาง​อยาก​ถาม​เขา​มาก​ว่า​ตอนที่​ซี​เป่ย​สงบ​ลง​ได้​เกิดเรื่อง​อัน​ใด​ขึ้น​บ้าง​ ​เหตุใด​เวลา​ผ่าน​มา​หลาย​ปี​แล้วก็​ยัง​มี​คน​เคารพ​และ​เชื่อมั่น​ใน​ตัว​เขา​เช่นนี้​!​ ​แต่​เมื่อ​คิดถึง​น้ำเสียง​ที่​ฟัง​ดู​หลีกเลี่ยง​ปัญหา​ของ​เขา​เมื่อ​ครู่​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ได้​กลืน​คำพูด​ของ​ตัวเอง​ลง​ไป​อีกครั้ง

ไท่ฮู​หยิน​จับมือ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พลาง​ถาม​เขา​ด้วย​ความเป็นห่วง​ว่า​เมื่อวาน​เขา​ไป​ทานข้าว​ที่ไหน​ ​ได้​ดื่ม​สุรา​หรือไม่​ ​โจว​ซื่อ​เจิง​เรียก​เขา​ไป​ทำ​อะไร​…​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​พลาง​ตอบคำถาม​ ​อ่าน​หัวใจ​พระ​สูตร​ให้​ไท่ฮู​หยิน​หนึ่ง​บท​ ​ไท่ฮู​หยิน​จึง​ได้​ยิ้ม​พลาง​ให้​เขา​กลับ​ไป

ฮู​หยิน​สอง​มาส​่ง​พวกเขา​ที่​หน้า​ประตู​แทน​ไท่ฮู​หยิน

“​คุณชาย​สี่​!​”​ ​นาง​พูด​อย่าง​มีนัย​ยะ​ว่า​ ​“​หาก​เจ้า​ตกลง​ ​ข้า​อยาก​ไป​อาศัย​ที่​เรือน​ซี​ซาน​กับ​ท่าน​แม่​สัก​ช่วง​ระยะ​หนึ่ง​ ​เช่นนี้​เมื่อ​คุณชาย​สี่​มี​แขก​ก็​จะ​ได้​ไม่ต้อง​พามา​คารวะ​ท่าน​แม่​ ​ท่าน​แม่​ก็​จะ​ได้​ไม่ต้อง​กระตือรือร้น​มาต​้อ​นรับ​คน​เหล่านี้​ ​เจ้า​ว่า​อย่างไรบ้าง​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท