ซือหยูตาเปล่งแสงพลังปีศาจมหาศาลระเบิดออกมาจากระหว่างคิ้ว
สุนัขทมิฬขนาดยักษ์ยื่นอุ้งมือทมิฬกำหอกพลังปีศาจไว้แน่นมันซัดหอกออกไป
เทพตำราระวังตัวไว้อยู่แล้ว
ข้ารู้น่า!
เขาก้าวพริบตาหนีจากที่เดิมอย่างรวดเร็วเหลือเพียงแสงเทพเปล่งประกายที่ถูกหอกพลังปีศาจแทงทะลุ
เทพตำราตกใจเล็กน้อยเมื่อมองสุนัขทมิฬขนาดยักษ์ที่ปรากฏตัวหน้าซือหยู
เจ้าคือเสี้ยววิญญาณประหลาดที่เทพรากษสพูดถึงไม่ใช่รึ?
ไม่เลวนี่เจ้าไม่เหมือนเทพอื่น หนึ่งในสิบของเสี้ยววิญญาณเจ้ามีพลังอันเข้มข้นของว่าที่เทพขั้นสูง หากฟื้นคืนพลังเต็มที่ คงจะไม่มีใครนอกจากจักรพรรดิอสูรที่เทียบฝีมือกับเจ้าได้ ใช่ไหม?
สุนัขทมิฬเริ่มคุยโว
เจ้าก็ไม่เหมือนกับเทพอื่นเช่นกันแม้จะต้องกดพลังของเทพกาลกิณีเอาไว้ พลังของเจ้าก็ยังแข็งแกร่งอยู่
การโจมตีล้มเหลวเมื่อครู่นั้นเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดหอกพลังปีศาจถูกใช้มานานหลายครั้งและมีพลังปีศาจที่น้อยลงเรื่อย ๆ
ทีแรกสุนัขทมิฬมีพลังเทียบเท่าเทพด้วยหอก มันสามารถรับมือกับเทพรากษสที่เป็นอันดับสี่แห่งพันธมิตรบูรพาได้แม้นางจะร่วมมือกับเทพตำรา
ตอนนี้เมื่อหอกขาดพลัง มันก็มิอาจสังหารเทพตำราได้ในคราเดียว
โชคดีที่เทพตำราต้องแบ่งพลังส่วนหนึ่งมากดพลังของเทพกาลกิณีเอาไว้เขาจึงไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับครั้งที่แล้ว มิเช่นนั้นเขาคงจะไม่ต้องหลบและสังหารเสี้ยววิญญาณของสุนัขทมิฬได้ในทันที เทพตำรายังคงเป็นเทพพลังเทพมหาศาลมิใช่สิ่งที่เทพปีศาจจะเทียบได้ เทพตำราเป็นฝ่ายได้เปรียบ
ฟึ่บ!
ทั้งสองต่อสู้กันอีกครั้งในเสี้ยววินาที
หลังผ่านไปสิบกระบวนท่าเทพตำราตาประกายเฉียบคม เขารวบรวมพลังสามในสิบที่ปลายดัชนีและจรดไปยังปลายหอกที่พุ่งเข้ามาแทงเขา
หอกพลังปีศาจไม่สามารถต้านทานได้อีกมันแตกสลายกลายเป็นเศษพลังปีศาจก่อนจะหายไป
เทพตำราใช้จังหวะนี้ชี้ดัชนีไปที่สุนัขทมิฬราวกับสายฟ้า
เมื่อไร้อาวุธสุนัขทมิฬชักสีหน้าเล็กน้อย มันถูกบังคับให้รับพลังด้วยร่างต้น
มันฟื้นคืนพลังมาเล็กน้อยเมื่อมีซือหยูคอยช่วยมันมั่นใจว่าจะต้องรับมือกับพลังนี้ได้สักครั้ง แต่ทันทีที่ดัชนีสัมผัสกับมันเทพตำราก็ได้ฉีกยิ้มออกมาที่มุมปาก พลังสีเทาเปล่งแสงออกมาจากปลายดัชนี
มันจะต้องเป็นพลังเทพของเทพรากษส!
เทพปีศาจที่รู้ตัวเบิกตากว้างและรีบหนีอย่างรวดเร็ว
แต่การจู่โจมที่เทพตำราคิดมาล่วงหน้านั้นจะหลบได้ง่ายๆ หรือ?
จิตวิญญาณเทพของเทพปีศาจกำลังจะถูกทำลายแต่ก็มีดวงวิญญาณอีกดวงร้องคำรามออกมา
ดวงวิญญาณนั้นมีจิตวิญญาณเทพของว่าที่เทพขั้นกลางมันระเบิดตัวเองทันที
เทพตำราขมวดคิ้วเล็กน้อยเขาไม่มีทางเลือกนอกจากถอยและปกป้องร่างกายของตัวเองแทน
ตู้ม!ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดราวสายฟ้าลั่นดังก้องนภาครึ่งตำหนักได้กลายเป็นหลุมไร้ก้น กระโจมที่ซือหยูเคยอยู่พังทลายไปแล้ว
ที่ข้างบนร่างสุนัขทมิฬบินขึ้นไป ซือหยูขี่หลังมันอยู่
หากเจ้าไม่อยู่ที่นี่ข้าคงจะรักษาชีวิตตัวเองไว้ไม่ได้…
เทพปีศาจหรี่ตาด้วยความอับอาย
มันยุ่งยากกว่าที่ข้าคิดมันเก็บพลังเทพรากเทพรากษสที่ระเบิดตัวเองมามากทีเดียว! พลังเทพของเทพรากษสมันมากกว่าเทพตำราหลายเท่า!
ซือหยูตกใจเช่นกันเทพตำราเก็บไพ่ตายใบนี้เอาไว้!
เมื่อฝุ่นควันสลายเทพตำรายืนนิ่งไร้รอยข่วนภายใต้พลังเทพที่ปกป้องร่างกาย เขาจ้องซือหยูอย่างไม่แยแส
อย่างที่ข้าพูดครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ข้าไม่แพ้!
ฟึ่บ!
เทพตำราจู่โจมอีกครั้งพลังเทพของเขาและเทพรากษสเอ่อล้นออกมาในคราเดียว
เทพปีศาจแยกเขี้ยวพุ่งไปด้านหน้าแม้จะหวาดกลัว
แต่ในตอนนี้มีภูเขาห้าสีขนาดเล็กเปล่งประกายที่อุ้งมือของมัน
พลังเทพและพลังห้าธาตุที่ปะทะกันทำให้เกิดคลื่นกระแทกที่สั่นไปทั้งเมืองชมทะเล
ทั้งสองได้รับแรงปะทะกลับคืน
เทพตำรามองภูเขาห้าสีขนาดเล็กด้วยแววตาเคร่งเครียด
จะมีประโยชน์อันใดถ้ามีสมบัติมากมายในเวลาที่เจ้าใช้พลังของมันได้ไม่เต็มที่?
เมื่อพูดจบเทพตำราก้าวพริบตาเข้ามาอีกครั้งและจู่โจม
เทพปีศาจพอจะรับมือได้บ้างเมื่อมีพลังห้าธาตุเข้าช่วยถึงอย่างนั้นมันก็ไม่สามารถเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือดและก้าวพริบตาออกไปที่นอกเมืองแล้ว ไม่ว่าจะผ่านไปที่ใดแผ่นดินของที่นั่นจะถูกทำลายด้วยพลังมหาศาล หากเป็นโลกใบเล็ก ๆ คงจะแตกสลายจากแรงระเบิดไปแล้ว
คลื่นพลังปะทะแพร่กระจายไปถึงแปดเมืองอื่น
เหล่าเทพในเมืองชมทะเลเริ่มรู้ตัว
เทพตำราหน้าหมองหากยังต่อสู้ต่อไป เขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ไม่มีใครรู้ว่าผู้ที่มองดูการต่อสู้อยู่จะจู่โจมเขาตอนไหนกลิ่นอายของเขาบอกได้ดีว่าเขาเป็นเทพจากต่างแดน
แต่ซือหยูก็ไม่ปล่อยให้เขาทำสำเร็จได้ง่ายๆ ทุกครั้งที่เขาจะได้สังหารเทพปีศาจ ซือหยูก็จะเอาดวงวิญญาณจาากคุกสวรรค์เทพอสูรมาระเบิดตัวเองเพื่อขัดขวาง
วิญญาณที่ระเบิดตัวเองนั้นเป็นวิญญาณว่าที่เทพซึ่งแม้แต่คนที่เป็นเทพก็มิอาจมองข้ามได้
การต่อสู้ดำเนินต่อไปจนเทพปีศาจเสียพลังไปมากพลังเทพและจิตวิญญาณเทพถูกใช้ออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
เจ้าหนูข้ากำลังจะไม่ไหวแล้ว
เทพปีศาจกล่าว
ซือหยูเลิกคิ้วเล็กน้อย
อดทนให้ข้าอีกนิดเดียว!
ซือหยูมองไปยังสวรรค์อันว่างเปล่าเขาขมวดคิ้วแน่น
ในตอนนั้นเองเทพตำราแววตามุ่งมั่น
ไม่มีทางอื่นแล้ว!
ฟึ่บ!
เขาเรียกตำราที่เขียนว่า‘บันทึกธารดารา’ ออกมา
มันคือตำราอีกเล่มที่ซ่อนอยู่ในโลกของเขาที่ต่างออกไปก็คือพลังจากตำรานั้นมาจากสัตว์อสูรในจักรวาล!
โฮก!
เสียงคำรามดังออกมาจากตำรา เทพตำรากัดปลายดัชนีรินโลหิตเทพลงในตำรา
ผนึกตำราได้เปิดออกสัตว์อสูรระดับเทพที่คล้ายกับมัจฉาขนาดยักษ์ได้ปรากฏตัวออกมาจากตำรา!
พลังเทพอันยิ่งใหญ่แผ่ไปทั่วทิศราวกับคลื่นยักษ์
สัตว์อสูรระดับเทพจ้องเทพตำราด้วยสายตาละโมบราวกับหิวโหยโลหิตเทพของเทพตำราอยู่
เทพตำรากัดฟันพ่นโลหิตเทพลงไปอีกเขาใช้โลหิตเกือบร้อยหยด ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบของพลังเทพทั้งหมดที่มี!!
สัตว์อสูรระดับเทพอ้าปากขนาดยักษ์กลืนกินโลหิตเทพทั้งหมดโดยไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว
สัตว์อสูรระดับเทพจึงได้หันหน้าไปทางอื่นด้วยความพอใจและจ้องไปยังเทพปีศาจและซือหยูอย่างดุร้าย เทพปีศาจเบิกตกว้างมันอัญเชิญสัตว์อสูรเทพออกมารึ?
เทพปีศาจจ้องตำราด้วยความหวาดหวั่น
ซือหยูเองก็ตกใจที่เทพตำรามีทางหนีทีไล่ของตัวเองไว้หลายวิธีไม่ต่างกับเขา!
และก็ยังมีสัตว์อสูรอีกมากมายในตำรานั้น!
มันคือสัตว์อสูรที่ข้ารวบรวมมาในระหว่างเดินทางในจักรวาลทีแรกข้าคิดจะใช้มันช่วยเผ่าอสูรจู่โจมพันธมิตรบูรพาในอนาคต
เทพตำราหน้าซีด
การใช้โลหิตเทพหนึ่งในสิบนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
เจ้าควรยินดีที่ข้าใช้มันกับเจ้าในัวนนี้!
ซือหยูไม่เข้าใจแรงจูงใจของเทพตำราเลยทำไมเทพตำราคนก่อนถึงง่วนอยู่กับการทำลายพันธมิตรบูรพานัก?
พันธมิตรเคยทำผิดต่อตระกูลเทพตำรารึ?
ไม่เลย!แม้เทพตำราในอดีตจะคิดร้าย เทพตำราที่ตายไปก็ถูกฝังในสุสานเทพ ซึ่งเป็นการให้เกียรติสูงสุด
ซือหยูส่ายหน้า
ไร้เหตุผลสิ้นดี!