อวี้หนานเฉิงเงยหน้าขึ้น“ยังมีธุระอะไรอีกไหม?”
“ในเมื่อคุณคิดว่าประกาศนียบัตรการจบการศึกษาสามารถพิสูจน์ความสามารถของบุคคลแต่ล่ะบุคคลได้ งั้นเรามาเดิมพันกัน”
เซิ่งอันหรานยิ้มพร้อมกับมองไปที่อวี้หนานเฉิงด้วยท่าทางยั่วยวน “คุณจะยอมรับไหม?”
เกาจ้านซึ่งกำลังง่วงเหงาหาวนอนจากบรรยากาศการให้สัมภาษณ์ที่น่าเบื่อ จู่ๆ ก็มีสติตื่นขึ้นมา
ว้าว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนกล้าเดิมพันกับอวี้หนานเฉิง แถมยังมีท่าทางที่ก้าวร้าวมากอีกซะด้วย
“คนสวย คุณต้องการจะเดิมพันอะไรกับเขาล่ะ?
อวี้หนานเฉิงเหลือบหันไปมองเกาจ้านด้วยสีหน้าที่ไม่สามารถคาดเดาได้
เซิ่งอันหรานหายใจเข้าลึก ๆ เธอมองตรงไปที่ดวงตาอันสุขุมของชายคนนั้น และพูดเสียงดังขึ้นว่า “ฉันจะทำงานในโรงแรมภายใต้เครือของเซิ่งถังกรุป เป็นเวลาสามเดือน ฉันรับประกันว่าในทุกๆเดือนจะทำกำไรให้ได้มากกว่า 30% ถ้าหากว่าฉันทำได้ ฉันต้องการให้ เซิ่งถังกรุปรับฉันเป็นพนักงานประจำ เพิ่มเงินเดือนให้ฉันเป็นสามเท่า และคุณต้อง—”
เธอหยุดชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นก็พูดเน้นเสียงคำสี่พยางค์อย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ต้อง ขอ โทษ ฉัน!”
เกิดเสียงดังเกรียวกราว ณ สถานที่แห่งนั้น
อย่างไรก็ตาม เธอก็เคยทำงานที่โรงแรมมิลลาร์ดในเยอรมนีมาแล้วเป็นเวลา 1 ปี และในระหว่างที่เธอดำรงตำแหน่ง เธอทำกำไรให้โรงแรมในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 10% เท่านั้น เธอยังกล้าจะมาคุยโวอีกอย่างนั้นเหรอ ?
อวี้หนานเฉิงปิดแฟ้มข้อมูลลงและโยนมันทิ้งไปทางด้านข้าง เขายืนขึ้น พร้อมกับเท้าแขนทั้งสองข้างลงบนโต๊ะและเอนตัวไปทางด้านหน้าเล็กน้อย “แล้วถ้าหากคุณทำไม่ได้ล่ะ?”
เซิ่งอันหรานยิ้มอย่างสดใสโดยไม่มีความลังเลใจเลยแม้แต่น้อย “ถ้าฉันทำไม่ได้ ฉันจะขายชีวิตของฉันให้เซิ่งถังเป็นเวลาสามปี คุณจะใช้มันทำอะไรก็สุดแล้วแต่คุณ เงื่อนไขนี้เป็นอย่างไรบ้างล่ะ และสรุปว่าคุณกล้าที่จะยอมรับการเดิมพันครั้งนี้ไหม?”
“รับๆๆ!” เกาจ้านที่อยู่ทางด้านข้างตะโกนขึ้น “พี่เฉิง ถ้าพี่ไม่รับก็คงดูขี้ขลาดเหมือนเต่าหัวหด !”
สายตาอันเย็นชาของอวี้หนานเฉิงที่ชำเลืองมองมา ทำให้เกาจ้านต้องสงบปากลง
“กลับไปแล้วรอประกาศเรื่องการทำงาน”
หลังจากน้ำเสียงอันเย็นชาประโยคนี้จบลง อวี้หนานเฉิงก็ยืดตัวขึ้นและก้าวเท้าลงจากเวที ในขณะที่เขากำลังเดินผ่านเซิ่งอันหราน ขาอันเรียวเล็กของเขาก็หยุดชะงักลง อวี้หนานเฉิงมองไปที่คางอันเรียวเล็กได้รูปของหญิงสาวร่างบางและจมูกที่สวยงามของเธอ
ตัวของเธอมีกลิ่นหอมมาก ใบหน้าของเธองดงามแม้ว่าจะแต่งหน้ามาอย่างเบาบาง
ความรู้สึกแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกคันลึกลงไปจนถึงกระดูก
น่าสนใจ อย่างน้อยก็น่าสนใจกว่าผู้หญิงพวกนั้นมาก
“การเดิมพันนี้ ผมรับคำท้า”
พูดเสร็จเขาก็หันหลังกลับและเดินจากไป
“พี่เฉิง รอก่อน พี่จะไปทานข้าวที่ไหน!” เมื่อเห็นอวี้หนานเฉิงค่อยๆเดินจากไป เกาจ้าน ก็รีบวิ่งตามเขาไปในทันที
ก่อนที่จะเดินจากไป เกาจ้านหันกลับมาพร้อมกับกะพริบตาและยิ้มให้กับเซิ่งอันหราน “คนสวย คุณดูน่าสนใจมาก ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคุณจะชนะการเดิมพันครั้งนี้!”
เซิ่งอันหราน รู้สึกงงงวยเป็นอย่างมาก
แต่อย่างไรก็ตาม ในที่สุดการสัมภาษณ์ด่านนี้เธอก็สามารถผ่านไปได้ มีโอกาสได้ทำ อย่างน้อยมันก็ย่อมดีกว่าไม่มีโอกาสเลยเป็นไหนๆ!
…
กว่าที่เซิ่งอันหรานจะสัมภาษณ์เสร็จก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว เซิ่งอันหรานลากเอาร่างกายที่เหนื่อยล้าของเธอกลับบ้าน
“หม่าม้า กลับมาแล้วเหรอ!” เซิ่งเสี่ยวซิงวิ่งออกมาทักทายเธอพร้อมกับกอดเธอเอาไว้แน่น “ท่องตัวหนังสือคำศัพท์เสร็จแล้ว ข้าวก็สุกแล้ว เหลือแต่รอหม่าม้ากลับมาทำอาหาร!”
“เด็กดี!” เซิ่งอันหรานหอมแก้มเด็กน้อยหนึ่งที
เธอล้างมือและเริ่มลงมือทำอาหาร สองแม่ลูกทานอาหารกลางวันด้วยกันอย่างพร้อมหน้า
ตอนที่เธอได้สติฟื้นขึ้นมา และเมื่อคุณหมอได้บอกกับเธอว่าเธอยังมีลูกสาวตัวน้อยอีกหนึ่งคน ตอนนั้นเซิ่งอันหรานถึงกับตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
เด็กน้อยผู้น่ารัก เธอไม่ยอมให้ลูกกับนายจ้าง ดังนั้นเธอจึงขอให้เพื่อนช่วยซื้อตั๋วเครื่องบินให้ตัวเธอ จากนั้นก็รีบพาเจ้าตัวเล็กเดินทางไปยังต่างประเทศอย่างเร่งรีบ เพื่อเจ้าตัวน้อยแล้ว เธอถึงกับตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเซิ่ง
แม้ว่าการเลี้ยงลูกในต่างประเทศจะยากลำบาก แต่เมื่อเซิ่งอันหรานได้เห็นรอยยิ้มอันแสนหวานของ เซิ่งเสี่ยวซิง มันทำให้เธอหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
ยิ่งไปกว่านั้น ลูกสาวของเธอก็ดูฉลาดเอามากๆ เธอพูดภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว เริ่มแปรงฟันและสวมเสื้อผ้าได้เองตั้งแต่อายุ 3 ขวบ โตขึ้นมาหน่อยเธอช่วยทำงานบ้าน แม้ว่าเซิ่งอันหรานจะออกไปทำธุระข้างนอก ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร