กุ๊กไก่ต้องประหลาดใจเมื่อมาถึงรถแล้วคนที่รอเธอกลับกลายเป็นอชิไปได้
“นายมาได้ยังไง”
อชิไม่ตอบแต่เดินไปแทรกระหว่างเก่งและกุ๊กไก่โดยไม่สนใจมารยาท กระทั่งตอนนี้หญิงสาวยืนอยู่ข้างเขาเรียบร้อยแล้ว
“นี่พี่เก่ง เอิ๊ก”
กุ๊กไก่แนะนำและอยู่ ๆ ก็สะอึกออกมา แต่เธอก็ยังทำหน้าที่อชิมองเธอด้วยสายตาเอือมระอายังโอบแขนรอบร่างเล็กของเธอแน่น แสดงความเป็นเจ้าของอย่างเต็มที่
“พี่เก่งคะ นี่อชิค่ะ”
“ผมเป็นสามีของกุ๊กไก่ครับ”
เก่งยิ้ม “สวัสดีครับ เหมือนเราจะเคยพบกันแล้วนะครับ”
อชิพิจารณาดูเขา เพราะลานจอดรถตรงนี้แสงไม่ค่อยสว่างมากนักจึงทำให้เขาต้องเพ่งมองหน้าเก่งอย่างพิจารณา ผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาดียังกะนายแบบและแต่งตัวเนี๊ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนี้อชิจัดไว้ในหมวดนักจัดการการเงินมืออาชีพ ทำให้เขาจำเก่งได้อย่างรวดเร็ว
“อ้อ จำได้แล้วครับ เราเคยพบกันเมื่อหลายปีก่อน สวัสดีครับคุณธนัช”
อชิพูดชื่อจริงเก่งออกไป เก่งยิ้มให้เขาทั้งยังยื่นมือไปจับด้วยความยินดี แน่นอนว่าเรื่องผู้หญิงและเรื่องงาน สองคนนี้สามารถแยกออกไปอย่างชัดเจน
กุ๊กไก่มองคนสองคนที่ตอนนี้ดูเหมือนไม่มีใครสนใจเธอแล้วถึงกับประหลาดใจ พวกเขายังทักทายกันและคุยกันอีกเล็กน้อย ก่อนที่อชิจะขอตัวพาเธอกลับ
เมื่อเข้าไปนั่งในรถ คนที่เอาแต่สงสัยดันกลายเป็นกุ๊กไก่ ทำไมไม่มีใครแสดงท่าทางหึงหวงเธอออกมาเลยสักคน ยังพูดคุยกันอย่างดีและดูจะเป็นมิตรกันมากด้วย
หรือว่าจะเป็นเธอที่คิดไปเองฝ่ายเดียว ไม่สิอชิมารับเธอต้องแปลว่าเขาหวงถึงขนาดมาที่นี่ และเก่งก็จีบเธอออกนอกหน้านอกตาแบบนั้นจะไม่ให้คิดว่าเขาต้องรู้สึกอะไรบ้างก็ไม่ผิด
นี่คืออะไร และทำไมสองคนถึงได้ดูเข้ากันได้ดีขนาดนี้
“เป็นอะไรยัยบ๊อง ไม่พูดไม่จายังทำท่าประหลาดแบบนั้นอีก”
อชิโยนเสื้อคลุมของตัวเองให้เธอห่ม เมื่อเธอห่อไหล่เล็กน้อย กุ๊กไก่หนาวจริง ๆ แหละ เธอรีบใส่เสื้อเขาแล้วพูดขึ้นทันที
“เมื่อกี้พี่เก่งเหมือนจะจีบฉันน่ะ”
“อืม”
หือ อืมคำเดียวนี่นะ เขาไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ
“นายไม่ว่าเหรอ”
อชิตอบราบเรียบ
“เขามีสิทธิ์นี่นา แต่ก็ให้ฉันกับเธอหย่ากันก่อนนะ ถ้าเป็นเขาก็คงดูแลเธอได้ดี ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะเป็นคุณธนัชหรอกนะ ฉันไม่รู้ชื่อเล่นเขา คราวนี้ก็เรียกคุณเก่งง่ายกว่าดูสนิทกว่า”
“ทำไมนายไม่โกรธล่ะ นี่ฉันเชียวนะ พวกนายควรแย่งกันสิ”
“ปัญญาอ่อนชะมัด”
อชิว่าแล้วตบหัวเธอเบา ๆ
“ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”
อชิหันหน้ามาถาม กุ๊กไก่ขยับเข้ามาใกล้
“นายมารับฉันนะ ไม่ได้แปลว่าหวงเหรอ”
อชิทำตาโต
“ใครมารับเธอกัน ฉันมาทำธุระรถเลยเหยียบตะปูอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้เลยให้ลุงเอาไปซ่อมให้ ฉันก็แค่มารอเธอมันเป็นเรื่องบังเอิญ”
“ไอ้ห่า มันบังเอิญเกินไป”
“อ้าว มาด่าฉันทำไม เพราะมันเป็นเรื่องบังเอิญถึงชื่อบังเอิญไงล่ะ เธอน่ะอย่าสำคัญตัวเองผิด ธุรกิจของฉันมันหลายพันล้านเธอจะเอาตัวเองที่ไม่มีอะไรในชีวิตมาเปรียบเทียบไม่ได้”
“อ้อ เข้าใจแล้วนายทั้งสองคนทั้งพี่เก่งทั้งนายต่างคิดถึงผลประโยชน์เลยวางฉันเป็นเรื่องไม่สำคัญล่ะสิ”
อชิปรบมือให้เธอ
“กุ๊ก เพราะอยู่กับฉันถึงดูมีสมองขึ้นมา ยินดีด้วยเธอคิดถูก”
กุ๊กไก่กุมขมับ เอาล่ะสิทำไมเรื่องเป็นแบบนี้วะ ในขณะที่อชิที่กำลังขับรถมองตรงไปด้านหน้าคล้ายไม่สนใจแต่กลับถอนหายใจออกมาอย่างลำบาก
“เธอซื้อนาฬิกาเหรอ เงินพอเหรอ”
“เปล่า พี่เก่งซื้อมาฝากน่ะ สวยหรือเปล่า”
กุ๊กไก่ยกมาอวด อชิเป็นคนละเอียดเขาสามารถมองเห็นข้อมือของเธอถูกเติมเต็มขึ้นมาทันที แต่แล้วเขาก็ยิ้มออกมามือข้างหนึ่งตบที่กระเป๋ากางเกงของตัวเองเบา ๆ
อชิพยักหน้ายิ้มน้อย ๆ เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเมื่อเห็นว่าคนที่กุ๊กไก่มาพบคือใคร เขาคือลูกค้าคนสำคัญของอชิ หลายปีก่อนเคยคุยกันครั้งหนึ่งและก่อนหน้านี้ทางKWก็เข้ามาปรึกษาเรื่องการออกเหรียญดิจิตอลกับเขา
ผู้ชายคนนี้ในสายตาของอชิเป็นคนดีและใช้ได้ มุ่งมั่นมีอุดมการณ์และค่อนข้างเก่งแบบหาตัวจับยาก เป็นอีกคนที่อชิยอมรับนับถือในจำนวนไม่กี่คน เมื่อเห็นสายตาที่เขามองกุ๊กไก่แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ หากเป็นคนอื่นเขาคงได้ต่อยหน้าไปแล้ว แต่ขอบเขตของเก่งเองก็ค่อนข้างชัดเจนเขาก็ไม่รู้ว่ากุ๊กไก่ที่ดูสนิทกับเก่งขนาดนี้จะบอกอะไรเขาไปบ้าง
“วันนี้ทำอะไรเหรอถึงมาแถวนี้”
“อย่ายุ่งเลยงานของฉันน่ะ อยู่ในเงื่อนไขไม่ใช่เหรอ”
กุ๊กไก่หน้างอ อชิเป็นแบบนี้เสมอไม่อยากให้เธอรู้มากและมักปิดบังอะไรสักเรื่องอยู่เสมอ
อชิมองกุ๊กไก่ที่เอนตัวพิงประตูรถดวงตาเหม่อลอยไปข้างนอกและไม่พูดกับเขาอีก
วันนี้ระหว่างรอเธอ จู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่ากุ๊กไก่ไม่มีนาฬิกาใส่ เขาไม่ได้อยากรบกวนเธอจึงไม่ได้โทรหา อชิเดินไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเจอร้านนาฬิกาหรูจึงแวะเข้าไป และน่าประหลาดใจที่เรือนที่เขาซื้อให้เธอกลับเป็นยี่ห้อเดียวกันและลักษณะคล้ายกันอีกด้วย
ในเมื่อเธอมีแล้วเขาจึงได้แต่เก็บมันเอาไว้เงียบ ๆ คงได้ซุกเอาไว้ที่ใดที่หนึ่งในลิ้นชักเสื้อผ้าเขาโดยที่เธอไม่มีวันรู้นั่นแหละ
“หิวหรือเปล่า”
อชิถามขึ้นเมื่อตัวเองรู้สึกหิวจนแสบท้อง กุ๊กไก่ส่ายหน้าเธออิ่มจนจะอ้วกออกทางเดิมอยู่แล้ว
“ไม่กินอิ่มแล้ว”
“แต่ฉันหิว”
กุ๊กไก่เสนอ
“ไปกินมาม่าที่บ้าน ไม่ก็สั่งแกรบเอาไม่แวะไหนแล้วนะง่วง”
เก่งแย้งอยากพาเธอแวะผับแถวนี้เที่ยวสักหน่อย
“อ้าวตัวเองอิ่มแล้วนี่”
แต่กุ๊กไก่กินไม่ไหวเพราะเธอกินไวน์ไปเยอะแม้ไม่เมาแต่ก็มึนหัวนิด ๆ จนอยากกลับบ้านไปแช่น้ำอุ่นให้สบายตัว
“แล้วไง เดี๋ยวต้มให้กินก็ได้อย่าพูดมาก หรือจะให้สั่งแกรบให้กินไรดีล่ะ”
อชิยอมแพ้เขาไม่เคยเอาชนะเธอได้สักครั้ง
“ก็ได้ สั่งแกรบก็ได้ขืนให้เธอทำเดี๋ยวกินไม่ได้อีก”
กุ๊กไก่อดยิ้มไม่ได้แม้ว่าหน้าตาจะหงอย ๆ เพราะตัวเองไม่ได้กลายเป็นนางเอกนิยายที่มีคนมารุมแย่งเหมือนที่เพ้อฝัน ผู้ชายสองคนนี้กลับดีต่อกันจนลืมเธอไปเลย ใช่สิเธอสำคัญน้อยกว่าธุรกิจของพวกเขานี่
แต่เมื่อคิดไปมาอย่างดีแล้วเธอก็ถอนหายใจ
“ช่างเถอะ พวกนายหาเงินน่ะแหละ ฉันจะใช้ให้เองสุดท้ายแล้วเงินก็พึ่งพาได้ที่สุด ผู้ชายพึ่งพาไม่ได้หรอกฉันเจอมาแล้ว”
กุ๊กไก่พูดทั้งหัวเราะ เธอดูร่าเริงขึ้นกระทั่งคิดขึ้นมาได้
“อชิดูโทรศัพท์ให้หน่อยนะ แบตชาร์ทมาทั้งคืนแต่แปลกมากมันกลับไม่เข้าเลย แป๊บเดียวแบตหมดแล้ว”
อชิหันไปมอง
“ฉันไม่ใช่เจ้าของร้านโทรศัพท์นะ ฉันเป็นประธานบริษัทบอกให้เผื่อเธอลืม”
“ถ้าไม่ซ่อมก็ซื้อรุ่นใหม่ให้เลย”
กุ๊กไก่แปลกใจเมื่อเก่งบอกจะซื้อให้เธอกลับไม่เอา คราวนี้มางอแงให้อชิซื้อให้เฉย เธอบ้าไปหรือเปล่า
“เออ เดี๋ยวดูให้ก็ได้ เอะอะอะไรก็จะใช้เงินอย่างเดียวไม่รู้จักคุณค่าเอาเสียเลย”
“ก็นี่ไงถึงให้ซ่อมไง ฉันรักเครื่องนี้ฉันไม่อยากเปลี่ยนหรอกมันก็ยังดี ๆ อยู่”
ใช่เพราะเครื่องนี้เป็นโทรศัพท์ที่นาชาซื้อให้เธอก่อนที่จะไปต่างประเทศ เป็นรุ่นเดียวกันกับของนาชาและของลูกเกดมันจึงมีความสำคัญกับเธอมาก
เมื่อไปถึงบ้าน กุ๊กไก่ก็แทบจะขี่คออชิขึ้นไปบนคอนโดกระทั่งยามที่เห็นยังอดอมยิ้มไม่ได้
“คุณภรรยาเมาเหรอครับ”
อชิยิ้มตอบเขา
“นิดหน่อยครับ”
กุ๊กไก่ขี้เกียจเดินจึงกระโดดขี่หลังเขา
“อุ้มหน่อยค่ะ เดินไม่ไหว”
สุดท้ายแล้วอชิก็อดใจอ่อนเพราะแม่ตัวดีขี้อ้อนไม่ได้ทั้งยังเกรงใจสายตาลุง รปภ.คนนั้น เขารู้ว่าเธอง่วงจึงขี้เกียจเดิน กุ๊กไก่เวลาอยู่กับเขามักจะอ้อนเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้จนเขาเอือมระอา เขาจึงแบกเธอขึ้นไปจนถึงในห้องโดยบ่นเบา ๆ ไปตลอดทาง แต่ไม่ว่าจะบ่นแค่ไหนก็ไม่เข้าหูกุ๊กไก่อยู่ดี
เมื่อเข้ามาในห้องเขารีบห้ามเธอทันที
“อย่านอนบนเตียง ร่างกายสกปรกมาทั้งวันไปอาบน้ำก่อน”
เขาวางเธอไว้ที่หน้าห้องน้ำเล็กที่อยู่ในห้องสตูดิโอนี่ กุ๊กไก่ค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนเหลือแต่ชุดชั้นใน อชิเดินเข้าไปในห้องน้ำคิดเปิดน้ำอุ่นให้เธออาบด้วยความเคยชิน แต่แล้วก็ต้องร้องออกมา
“ยัยตัวดี ผมเธอนี่ยาวเฟื้อยขนาดนี้สระผมแล้วทำไมไม่เอาผมออกจากท่อ สกปรกยังจะทำให้ท่อตัน”
กุ๊กไก่แกล้งสลบอยู่หน้าห้องน้ำ เหมือนตัวเองเมามากไม่ยินยอมฟังเสียงบ่นเบา ๆ ของเขา ถึงจะบ่นแบบนั้นอชิก็เดินไปหยิบถุงมือมาใส่เพื่อทำความสะอาดเส้นผมยังถือถังขยะเข้ามาด้วย เขาใช้เท้าเขี่ยร่างเล็กขาวโพลนที่อยู่ในชุดชั้นในสีดำยั่วยวนให้พ้นจากหน้าห้องน้ำ กุ๊กไก่กลิ้งหนีเท้าอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องมาแกล้งเมาเลยยัยตัวดี ผมยาวบอกกี่ครั้งแล้วว่าสระแล้วต้องเก็บผมตัวเองด้วย จะรอแต่แม่บ้านมาไม่ได้ฉันไม่ชอบคนสกปรก”
กุ๊กไก่ไม่พูด อชิเป็นแบบนี้เสมอ สมัยก่อนเขาอยู่กับแม่สองคน งานบ้านเขาต้องทำเองเพราะแม่เขาก็ต้องออกไปทำงานเหมือนกันกับแม่ของเธอ หลัง ๆ อชิยังมารับจ้างทำงานบ้านให้บ้านของกุ๊กไก่ด้วยเพราะต้องการใช้เงิน แต่ตอนนั้นกุ๊กไก่ไม่รู้เธอเองก็มีแม่บ้านอยู่คนหนึ่งที่แม่จ้างมา ระยะหลังเห็นมีอชิมาช่วยทำนั่นทำนี่ก็คิดแต่ว่าเขาทำเพราะเคยชิน
กุ๊กไก่เงยหน้าขึ้นเห็นอชิจัดการกับผมของเธอจนเสร็จเขายังเปิดน้ำลงอ่างอาบน้ำให้เธอ เธอสั่งเขาน้ำเสียงหวานติดอ้อนเล็กน้อย
“น้ำอุ่นนะ หนาว”
“รู้น่ารีบมาอาบฉันหิวแล้วจะไปต้มมาม่ากินไม่อยากสั่งแกรบมันจะช้าหิวข้าว” เขาไม่อยากบ่นว่าเขาต้องหิ้วท้องรอเพราะอยากกินพร้อมเธอ แต่แม่เนี่ยดันไม่สนใจเขาสักนิด
กุ๊กไก่รู้สึกผิดจึงเสนอตัว
“เดี๋ยวฉันทำให้นายกินเอง”
อชิรีบห้าม
“ไม่ต้องเดี๋ยวแดกไม่ได้อีก”
“อ่อ”
เธอตอบแค่นี้ก็เลื้อยเข้าไปในห้องน้ำที่เปิดจนเต็มอ่างและอุ่นสบาย กุ๊กไก่นอนแช่อยู่ในน้ำพักหนึ่งอชิก็เดินเข้ามา
“โทรศัพท์อยู่ไหนเดี๋ยวดูให้”
“ในเป๋าน่ะ”
เขาหายไปสักพักแล้วก็เดินเข้ามาเปิดประตูห้องน้ำอีก
“มันไม่ได้เสียยัยโง่”
“เสียดิ ชาร์ทแบตไม่เข้าชาร์ททั้งคืนก็ไม่เข้าจนแบตหมดไม่เห็นเหรอ หรือแบตจะเสื่อมนี่มันไอโฟนนะไม่น่าเสื่อมเร็ว ซ่อมเลยนะถ้าซ่อมไม่ได้ฉันจะซื้อเครื่องใหม่ นายน่ะซื้อให้ฉันด้วยโทษฐานที่ไม่สามารถซ่อมมันได้”
กุ๊กไก่เริ่มโวยวาย
อชิส่ายหน้าแล้วตะคอกเสียงดัง
“มันไม่ได้เสียได้ยินมั๊ยมันไม่ได้เสีย เธอลืมเสียบปลั๊กพ่วง ชาร์ทให้ตายทั้งชาติมันก็ไม่เข้าหรอกยัยโง่”
กุ๊กไก่ “….”