นับตั้งแต่เกิดมาจนอายุขึ้นเลขสามเขาไม่เคยตกหลุมรักใครมาก่อนและยังเคยคิดว่าความรักพวกนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ ถึงเขาจะเคยมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายคนแต่เขาก็ไม่เคยคิดจะให้ใครเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเลยแม้แต่ครั้งเดียว
จนกระทั่งเขาได้พบกับเธอคนนี้ กุ๊กไก่ ผู้หญิงที่เขาเคยคิดว่าเป็นผู้หญิงประเภทที่เขาไม่เคยคิดจะชอบ ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีนอกจากความสวยและใช้เงินเก่งยังกับผลิตแบ้งเองได้
แต่วันหนึ่งสิ่งที่เขาคิดกลับแตกต่างจากที่เขาเห็นความคิดของเขาเปลี่ยนไปเมื่อวันที่เขารู้ว่าเธอถูกผู้ชายคนนั้นทิ้ง ผู้ชายที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอ
เขายอมรับว่าในตอนนั้นถึงเขาจะรู้สึกถูกใจนิสัยใจคอของกุ๊กไก่มากกว่าคนอื่นที่เคยเจอ แต่เขาก็สามารถที่จะหยุดความรู้สึกเอาไว้ได้เพราะเธอมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว
แต่เมื่อรู้ว่าเธอกับแฟนเลิกกันทั้ง ๆ ที่แฟนหนุ่มคนนั้นยินดีจะเลี้ยงดูกุ๊กไก่ต่อแต่เธอกลับเลือกที่จะออกมา เพราะกุ๊กไก่ไม่ได้อยู่กับณัฐด้วยเงิน แต่อยู่ด้วยเพราะคิดว่าณัฐรักเธอจริง ๆ กุ๊กไก่ออกมาโดยไม่ได้รับเงินสักบาทกระทั่งคอนโดยังถูกผู้ชายคนนั้นยึดคืน
ใจตอนนั้นความรู้สึกพลุ่งพล่านที่คิดถึงกุ๊กไก่อย่างจับใจอันประหลาดกลับทำให้เขาถึงกับนอนไม่หลับ กลางดึกคืนนั้นเขาโทรศัพท์ไปบอกเควิลว่าตัวเองมีเรื่องด่วนต้องกลับเมืองไทยจะขอลาพักร้อน
เควิลโวยวายว่าทำไมกระทันหันแบบนั้นเก่งยังไปตอนนี้ไม่ได้แต่เก่งกลับพูดก่อนวางสายว่าเขาจะเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อยภายในสามวันและจะกลับเมืองไทยทันที
คำขาดของเก่งทำให้เควิลพูดไม่ออก แน่นอนว่าถึงเก่งจะเป็นเลขาส่วนตัวของเขาแต่ก็เป็นทั้งหุ้นส่วนและเพื่อนรักในขณะเดียวกันและที่เควิลประหลาดใจก็คือเก่งไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ที่เมืองไทยมีอะไรดีรอหมอนั่นอยู่นะ
อย่าว่าแต่เควิลเองเลย กระทั่งเก่งเองเขายังไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงจนกระทั่งเท้าเหยียบบนพื้นสนามบินสุวรรณภูมิและได้ยินเสียงประกาศเป็นภาษาไทยในตอนนั้นเองเขาถึงรู้ตัว
เขารอคอยด้วยใจระทึกที่จะได้พบเธอ แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นกุ๊กไก่ที่มีผู้ชายอีกคนอยู่เคียงข้างทั้งยังเป็นคนที่เขารู้จักว่าเก่งและมีความสามารถทั้งยังเป็นคนดีขนาดไหน ที่สำคัญกุ๊กไก่ได้แต่งงานกับผู้ชายคนนั้นไปเรียบร้อยแล้ว
นี่เขาพลาดอะไรไปอีก
กระทั่งกุ๊กไก่เล่าเรื่องของเธอและอชิให้เก่งฟัง เขาเหมือนจะมองเห็นแสงเลือนลางในปลายอุโมงค์แต่นับวันแสงนั้นก็ยิ่งริบหรี่ลงทุกทีจนกระทั่งมันแทบจะดับมอด เมื่อในตอนนี้ดวงตาของกุ๊กไก่นั้นเหมือนจะมีเพียงอชิเท่านั้น
เขาไม่ใช่พระรองในซีรีส์ที่แอบเฝ้ารักนางเอกเพียงข้างเดียวโดยที่เธอกำลังอยู่กับใครต่อใคร เขาไม่อยากเป็นแบบนั้นจึงคิดที่จะถอยหนี กระทั่งวันนี้ที่เขาคิดจะชวนเธอไปกินข้าว เรียกว่าเป็นมื้ออำลาเขายอมถอยแต่โดยดีและไม่คิดจะกลับมาวุ่นวายกับกุ๊กไก่อีก
แต่เหมือนพระเจ้ากำลังเล่นตลกเมื่อเธอบอกว่าเธอปวดท้อง เขาลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังคิดจะหนีจากเธอไปและจัดการทุกอย่างราวกับว่าตัวเองเป็นญาติสนิทเพียงคนเดียวของเธอจนเสร็จสิ้น และผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้วเขาก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากอชิ นอกจากเลขาของเขาที่มาเฝ้ากุ๊กไก่ทุกวันในเวลาเดิมทั้งยังบอกว่ามีอะไรให้แจ้งเธอได้เลย
ในตอนนี้เก่งที่พยายามติดต่ออชิกลับไม่สามารถติดต่อได้ เขาหายไปอย่างไร้ตัวตนไม่มีใครยอมบอกว่าอชิไปไหน กระทั่งเขายังคิดจะสืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองแต่แล้วเขาก็ได้แต่คิดว่า
ช่างแม่งอชิสิวะ จะอยู่จะไปความสัมพันธ์ของเขากับกุ๊กไก่ก็เป็นได้แค่เพื่อน ในเมื่อเธอบอกเขาด้วยคำพูดและสายตาที่หนักแน่นแล้ว
ในตอนนี้ที่เขายังไม่กลับไปยังที่ของตัวเองเพราะเขาอดสงสารเธอไม่ได้ ทำไมถึงได้เป็นบ้าขนาดนี้ก็คงเป็นเพราะว่าในตอนนั้นเขาได้ตระหนักแล้วว่ากุ๊กไก่ไม่เหมือนที่เขาคิดเลยแม้แต่น้อย
เธอในตอนที่อยู่กับอชิเป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่ผู้หญิงแต่งตัวจัดแต่งหน้าจัดกลับเป็นเพียงหญิงสาวที่สดใสและพยายามที่จะเรียนรู้และพยายามยืนด้วยขาของตัวเองโดยไม่หวังพึ่งใครอีก กุ๊กไก่ยังยิ้มได้อย่างสดใสแม้ว่าตัวเองกำลังทุกข์ทรมานมากมายขนาดนี้
เพราะแบบนี้จึงทำให้เขาประทับใจ ใช่หรือเปล่า เพราะแบบนี้จึงทำให้เขาสงสารเธอและไม่อาจตัดเธอได้ใช่หรือเปล่า
เอาล่ะ อชิจึงคิดว่าในตอนนี้เขาจะอยู่เป็นเพื่อนของเธอจนกว่าเธอจะหายดี หรือจนกว่าอชิจะกลับมา เขาไม่รู้ว่าอชิอยู่ที่ไหนแต่ความรู้สึกของเขาคือ
เขาเองก็ดูออกว่าอชิก็จริงใจและรักกุ๊กไก่จริง ๆ สักวันอชิจะกลับมา ไม่ว่ากุ๊กไก่จะตัดสินใจยังไงในตอนนั้นเก่งก็จะขอมองดูอยู่ห่าง ๆ ในฐานะเพื่อนที่ได้ตกลงกับเธอเอาไว้
หลายวันต่อมากุ๊กไก่ออกจากโรงพยาบาลแล้วแผลของเธอค่อนข้างดีสมานกันโดยไม่มีปัญหา หมอให้เธอเดินบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้แผลเป็นผังผืดกุ๊กไก่จึงดูจะแข็งแรงขึ้นกว่าตอนก่อนผ่าตัดซะอีก
ซึ่งระหว่างนี้นาชาได้พากุ๊กไก่และลูกเกดไปอยู่ที่บ้านสวนของเธอเพื่อให้กุ๊กไก่ได้พักฟื้นอย่างเต็มที่
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว เกรงใจพวกแกอ่ะพี่เคนกับพี่โน่ป่านนี้คงบ่นน่าดูแล้ว”
เก่งหัวเราะ
“ไม่ต้องกลับครับ มากันแล้ว”
สามสาวหันไปมองเก่ง
“พี่เก่งหมายความว่ายังไงคะ”
เก่งยักไหล่ เขาเองก็มานอนที่บ้านของนาชาเหมือนกัน ที่นี่กว้างขวางเก่งเองก็มาพักที่นี่บ่อย ๆ เควิลสั่งให้คนปรับปรุงบ้านสวนใหม่จนกลายเป็นรีสอร์ทเล็ก ๆ ที่แสนน่าเอาไว้มาพักผ่อนที่เมืองไทยไปแล้ว
“ก็พวกมันน่ะหอบลูกมากันแล้ว ทั้งไอ้สมชายและไอ้เคนบอกคิดถึงเมียทนไม่ไหวครับ”
“อะไรนะคะ”
นาชาและลูกเกดเองก็ไม่รู้เรื่องนี้ พวกเธอได้แต่อึ้งไปตาม ๆ กัน
“คนไม่เคยห่างเมียนี่ครับ เข้าใจพวกมันหน่อย ก็ดีเหมือนกันพวกเราไม่ได้อยู่พร้อมหน้ากันแบบนี้นานมากแล้วนะครับครึกครื้นดี”
เก่งดูจะอารมณ์ดีมากในขณะที่นาชาและลูกเกดถึงกับกุมขมับ ลูกของพวกเธอยังเด็กและสามีก็ไม่ยอมบอกพวกเธอด้วยว่าจะกลับเมืองไทย กลัวว่าลูกเดินทางไกลจะลำบาก
“ฉันไปโทรหาพี่เคนก่อนนะ”
นาชาบอกเพื่อน ลูกเกดจึงหันมาบอกกุ๊กไก่
“ฉันด้วยถามคุณสมชายก่อนว่าเขาจะพาลูกมาจริง ๆ เหรอ”
กุ๊กไก่มองเพื่อนรักที่เดินออกไปที่สวนดอกไม้ทั้งรอยยิ้ม แม่บ้านยกขนมมาวางไว้หลายอย่างรวมทั้งน้ำมะตูมเย็น ๆ กุ๊กไก่จิบไปคำหนึ่ง
“เกรงใจทุกคนเลยค่ะ”
เก่งนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเธอ เขายกน้ำดื่มทำตัวคุ้นเคยเหมือนเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่ง
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก เด็ก ๆ ไม่ได้มาด้วยให้ยายเขาเลี้ยงเด็ก ๆ ติดยายมากกว่าติดพ่อสองคนนั้นก็หาโอกาสอยู่กับเมียสองต่อสองพอดี พวกมันดี๊ด๊าจะตายที่จะได้กลับเมืองไทย กุ๊กไก่ผ่าตัดคราวนี้ถือว่าได้ทำบุญกับไอ้เคนและไอ้โน่จริง ๆ นะ ไม่ต้องคิดมาก”
กุ๊กไก่หัวเราะ
“พวกเขายังคลั่งเมียเหมือนเดิมนะคะ”
เก่งพยักหน้า
“ยิ่งแต่งงานก็ยิ่งคลั่งขาดเมียสักวันเหมือนจะตาย”
กุ๊กไก่เอียงคอ
“แล้วพี่เก่งล่ะคะ ไม่คิดแต่งงานบ้างเหรอ”
เก่งยิ้มน้อย ๆ เป็นรอยยิ้มที่คล้ายจะทีเล่นทีจริง
“พี่มีกุ๊กไก่เป็นเพื่อนก็พอแล้ว ไม่ต้องการผู้หญิงคนอื่นอีก”
กุ๊กไก่เม้มปาก ท่าทางของเขาถึงจะบอกเธอว่าไม่ได้จริงจัง แต่น้ำเสียงนั้นคล้ายว่าไม่ได้พูดเล่นเลย
“พี่เก่งก็พูดไปเรื่อย”
เก่งยิ้ม
“พี่พูดจริง ๆ ค่ะ พี่เก่งไม่โกหก”
เขาพูดกับเธอแบบสนิทอีกแล้ว ทำให้กุ๊กไก่หน้าแดงเล็กน้อยแต่เธอยังใจแข็ง เรื่องของเธอกับอชิยังไม่เคลียร์เธอไม่สามารถมีใจให้ใครได้ เธอไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้น
ยิ่งกับพี่เก่งที่แสนดีแบบนี้เธอยิ่งรู้สึกผิด
“อย่าแหย่กุ๊กเลยค่ะ กุ๊กบอกแล้วว่ากุ๊กไม่ได้ดี ยังไงก็ยังรออชิอยู่ไม่รู้ว่าเขาไปไหน”
เก่งจึงพูดในมุมของตัวเอง เขาเองก็อยู่ในวงการสีเทา บางทีเขาก็เข้าใจความจำเป็นของอชิ
“กุ๊กจำเรื่องที่เควิลทิ้งนาชาได้ใช่ป่ะ ตอนนั้นไอ้เคนมันจำเป็นจริง ๆ ถ้าเกิดนาชาอยู่ด้วยต้องเกิดอันตรายมันไม่สามารถดูแลนาชาได้มันถึงถอย บางทีอชิอาจจะมีเรื่องแบบนี้ก็ได้ อย่าคิดมากไปเลยนะพี่เชื่อว่าเขาจะต้องกลับมา”
กุ๊กไก่พูดเศร้า ๆ
“ไม่ต้องปลอบกุ๊กหรอกค่ะพี่เก่ง เรื่องพวกนี้กุ๊กต้องเข้าใจดีที่สุด อชิเองเป็นคนบอกกุ๊กว่าหากวันหนึ่งเขาหายไปกุ๊กจะดูแลตัวเองได้หรือเปล่า เขาให้กุ๊กเซ็นเอกสารเยอะมาก ๆ ตอนนั้นกุ๊กก็คิดนะคะว่าเขาจะไปไหนและเขาคงมีความจำเป็นที่บอกกุ๊กไม่ได้ เขาเองก็เคยพูดเอาไว้แล้ว”
“พี่ไม่ได้ปลอบกุ๊กนะคะ แต่พี่พูดความจริงพี่เองก็ไม่ต่างจากเขานักหรอกแต่ตอนนี้พี่สามารดูแลคนอื่นได้แล้วก็เท่านั้น ถ้ากุ๊กจะยอมให้พี่ดูแล”
อชิคีบขนมแล้ววางไว้บนจานเปล่าให้เธอ กุ๊กไก่มองเขาด้วยสายตาเกรงใจ
“เราเป็นเพื่อนกัน เราก็ดูแลกันแบบเพื่อนก็ได้ค่ะ”
เก่งได้แต่ยิ้มโหวง ๆ ใช่ เธอวางเขาไว้ในตำแหน่งเพื่อนแล้วมันคงยากที่จะเปลี่ยนแปลง แต่เขาก็ไม่คิดล้ำเส้นถ้ากุ๊กไก่ไม่ยินยอม
“อื้ม”
เก่งที่เคยพูดเก่งสมชื่อ และเป็นนักเจรจาชั้นยอดแต่ในตอนนี้กลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย เขามองมือเรียวหยิบขนมกินแล้วรู้สึกเจ็บในใจลึก ๆ เมื่อเห็นว่าข้อมือของเธอนั้นผอมลงไปมาก
กุ๊กไก่เคี้ยวขนมพลางเหม่อมองไปที่สวน กระทั่งมีข้อความทางไลน์เข้า เธอมองหน้าเก่งด้วยความตื่นเต้น
“อชิค่ะ ส่งรูปมา”
จู่ ๆ เธอก็บอกเก่งด้วยความยินดี มือของกุ๊กไก่สั่นจนเห็นได้ชัด เก่งยิ้มแล้วบอกเธอเบา ๆ
“ดีใจด้วยนะในที่สุดเขาก็ส่งข่าวให้กุ๊กรู้”
แต่เพียงกุ๊กไก่เปิดดูรูปเท่านั้นมือถือของเธอพลันร่วงลงบนพื้น
“กุ๊กเป็นอะไรคะ”
น้ำตาของกุ๊กไก่คลอเบ้า เก่งจับมือของเธอเอาไว้ในขณะที่มืออีกข้างเก็บมือถือขึ้นมา และรูปที่เขาเห็นนั้นถึงกับทำให้ใจของเก่งกระตุกอย่างแรง