กุ๊กไก่ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เลยเที่ยงวันไปแล้ว แอร์ในห้องเย็นเฉียบแต่มือที่พ้นชายผ้าห่มกลับอบอุ่นมาก ที่แท้ก็เป็นเก่งที่กำลังกุมมือของเธออยู่นั่นเอง เขากำลังนอนหลับอยู่ข้างๆเธอ ใบหน้าหล่อเหลาซบอยู่บนเตียง
เสียงเครื่องปรับอากาศดังเล็กน้อยเพื่อทำความเย็นในตอนนี้กลับเป็นกุ๊กไก่ที่ไม่กล้าดึงมือของเธออกเพราะกลัวทำเขาตื่น ตั้งแต่เธอป่วยมีเพียงเขาที่อยู่เคียงข้างไม่เคยทิ้งให้รู้สึกเคว้งคว้าง ทุกครั้งที่เธอรู้สึกอ่อนแอก็มัจจะมีมือของเขาที่คอยจับเอาไว้อยู่เสมอ
เพราะเก่งเป็นแบบนี้จึงทำให้เธอรู้สึกเกรงใจและรู้สึกผิดต่อเขาจนไม่รู้ว่าจะทำยังไงถึงจะตอบแทนเขาได้ เธอรู้ความรู้สึกเขา ทั้งที่ตัวเองเคยคิดว่าจะชอบเขาได้แต่เอาเข้าจริงๆ หัวใจของเธอกลับอยู่ที่ใครอีกคนไปแล้ว
เธอสลัดอชิไม่ออก
เพราะเธอขยับตัวทำให้เก่งตื่นจนได้ เขาขยับตัวไล่ความขบเมื่อยก่อนจะลูบหน้าตัวเอง
“ตื่นนานแล้วเหรอคะ”
กุ๊กไก่ยิ้ม
“เพิ่งตื่นค่ะ กุ๊กทำให้พี่เก่งลำบากใช่หรือเปล่าคะ”
เก่งตบหลังมือของเธอเบา ๆ ทั้งยิ้มน้อย ๆ
“ก็นิดหน่อยค่ะ ความจริงพี่คิดจะลงไปข้างล่างแล้วแต่ใครบางคนจับมือพี่เอาไว้แน่น สุดท้ายก็เลยได้แต่นั่งอยู่ตรงนี้แล้วไม่รู้ตัวว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
“กุ๊กทำให้พี่ลำบากจริง ๆ ด้วย พี่เก่งดีกับกุ๊กแบบนี้ให้กุ๊กทำยังไงล่ะคะ”
กุ๊กไก่รู้สึกผิดจริง ๆ เธอเองก็ไม่รู้ตัวว่าไปยึดมือของเขาเอาไว้ทำไม
เก่งชวนเธอคุยต่อ เห็นกุ๊กไก่ตื่นมาสดใสแววตาเศร้า ๆ ของเธอดีขึ้นมากทำให้เขารู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง
“ทำยังไงล่ะ คิดจะตอบแทนบุญคุณพี่เหรอ”
ความคิดของกุ๊กไก่ในตอนนี้วุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง สายตาของพี่เก่งที่มองมาทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเหมือนจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว
“ก็คิดค่ะ เอายังงี้ดีหรือเปล่าคะนอกจากร่างกายและหัวใจของกุ๊กแล้วจะให้กุ๊กทำอะไรก็ได้ กุ๊กยินดีเลยค่ะ”
คราวนี้เก่งถึงกับพ่นคำหัวเราะออกมา
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกน่า พูดเป็นละครไปได้เราสองคนตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอ ยังไงก็เพื่อนกันเป็นเพื่อนเป็นพี่ช่วยดูแลกันไป อย่าคิดมากเลย ถ้าพี่จะให้กุ๊กตอบแทนก็เอาเป็นว่าอย่าทิ้งเพื่อนคนนี้ก็แล้วกัน แค่นั้นก็พอ”
กุ๊กไก่กะพริบตาปริบ ๆ
“แค่นี้จริง ๆ เหรอคะ”
กุ๊กไก่แกล้งถามออกไป
“จริงสิพี่เองก็มีทุกอย่างแล้วในชีวิต แค่ไม่มีเพื่อนผู้หญิงสักคนเป็นกุ๊กคอยอยู่เป็นเพื่อนก็ดีใจแล้วล่ะ เราอยู่แบบนี้จนแก่เฒ่าผมหงอกกันไปข้างเลยดีหรือเปล่า”
น่าประหลาดใจคำพูดของเก่งตอนนี้กลับไม่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเหมือนที่เคยเป็น กุ๊กไก่รู้สึกผ่อนคลายลงเป็นอย่างยิ่ง เก่งไม่ได้รุกเธอจนน่ากลัว เขารู้ว่าในเวลานี้กุ๊กไก่ยังไม่พร้อมเปิดรับใคร เขาไม่ได้บอกเธอว่าจะรอเพียงแต่คอยดูอยู่ห่าง ๆ โดยไม่คิดจะเข้าไปก้าวก่ายความรู้สึกของเธอแม้แต่น้อย
“พี่เก่งเคยได้แผลหรือเปล่าคะ”
จู่ ๆ เธอก็ถามเรื่องนี้ เก่งหัวเราะเบา ๆ
“กุ๊กรู้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่าเควิลทำงานประเภทไหน พี่เป็นคนจัดการงานให้เขาเรื่องบาดแผลก็ย่อมต้องมาคู่กัน ถามเรื่องนี้ทำไมล่ะคะ”
กุ๊กไก่ยิ้ม
“กุ๊กก็แค่สงสัยค่ะว่าแผลจริง ๆ กับแผลในใจอันไหนเจ็บกว่ากัน ตอนนี้แผลในใจของกุ๊กแผลเดิมมันยังไม่หายดีเลย ตัวกุ๊กเองก็คิดว่าตัวเองเอาอยู่แต่ที่ไหนได้กลับกลายเป็นว่าตัวเองรับมีดจากอชิแล้วเอามากรีดรอยแผลเดิมซ้ำลงไปอีก แบบนี้เมื่อไหร่จะหายล่ะคะ มันเจ็บมากเลยค่ะ”
เธอก้มหน้าลง เมื่อคิดถึงรูปถ่ายที่ถูกส่งมาน้ำตาหยดลงมาเป็นสาย ทั้ง ๆ ที่คิดว่าจะลืมมันไปแต่สุดท้ายกุ๊กไก่ที่พยายามอดกลั้นก็ยังวนกลับไปคิดเรื่องนี้อีกโดยที่เธอห้ามตัวเองไม่ได้อีกแล้ว
“กุ๊ก”
คำพูดแผ่วเบาของเขาดังออกจากริมฝีปากหนานุ่มคู่นั้น หญิงสาวกอดตัวเองทั้งชันเข่าขึ้นมานอนคุดคู้อย่างน่าสงสาร เก่งขยับตัวขึ้นไปบนเตียงดึงร่างเล็กของเธอมากอดเอาไว้ ปลอบโยนแผ่วเบาเหมือนกำลังปลอบน้องสาวตัวน้อยคนหนึ่งของเขาอยู่
“ถ้าอยากร้องก็ร้องเถอะ อย่าอดกลั้นเลยนะ น้ำตาไม่ได้แย่มันคือสิ่งเดียวที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น และยังมียาวิเศษตัวหนึ่งที่ทำให้กุ๊กหายจากบาดแผลนี้ ยานี้มีชื่อว่าเวลาอีกไม่นานเวลาจะรักษาทุกสิ่งแค่ต้องอดทนกับช่วงนี้และผ่านพ้นไปให้ได้”
เสียงนุ่มทุ้มที่ปลอบโยนนั้นทำให้เธอรู้สึกราวกับเหมือนได้พูดคุยกับเพื่อนจริง ๆ เพื่อนที่รู้ใจและคอยอยู่เคียงข้างเธอ โดยที่เธอไม่ต้องกังวลว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของพวกเขา
“พี่เก่ง ขอบคุณนะคะ”
ในที่สุดเธอก็เอื้อมมือไปกอดเก่งเอาไว้ เธอไม่ต้องการให้เพื่อนทั้งสองรู้ว่าตอนนี้ตัวเองอ่อนแอแค่ไหน แต่แปลกที่การตนเองกลับไว้ใจและยินยอมแบ่งปันความเจ็บปวดนี้กับเก่ง
กุ๊กไก่ร้องไห้จนหมดแรงแล้ว ร่างกายของเธอในตอนนี้ไม่ค่อยแข็งแรงนัก ตั้งแต่ผ่าตัดเธอก็แพ้ยาสลบอย่างแรงจนการผ่าตัดไส้ติ่งที่ควรจะหายเพียงไม่กี่วันกลับลากยาวมาจนถึงสัปดาห์
ในที่สุดเธอก็ปาดน้ำตาคิดว่าตัวเองจะอ่อนแอไม่ได้อีก เสียงเคาะประตูดังขึ้นกุ๊กไก่รีบปาดน้ำตาจนแห้ง นาชากับลูกเกดเปิดประตูเข้ามาเห็นสภาพเพื่อนที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงร้องไห้จนตาบวมแบบนั้นก็ยิ่งตกใจ
“ไอ้กุ๊กเป็นไร ร้องไห้ทำไมเพื่อน”
สองสาวโผเข้ามาหาเพื่อน กุ๊กไก่ผละออกจากอ้อมกอดของเก่งแล้วโผเข้าหานาชาและลูกเกดแทนคราวนี้เสียงร้องไห้ของเธอดังขึ้นไม่ได้เก็บกดอีกต่อไป
“ไอ้กุ๊ก ฮือ ฮือ ฮือ”
แม้จะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่นาชาและลูกเกดก็น้ำตาไหลไปพร้อมกับเพื่อนแล้ว เก่งมองภาพนั้นแล้วยิ้มด้วยความรู้สึกตื้นตันและประทับใจ เขาไม่เคยเห็นว่าจะมีใครรักเพื่อนเท่ากับสามสาวนี้อีกแล้ว แม้แต่มิตรภาพแบบลูกผู้ชายระหว่างพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะเทียบเท่าสามสาวนี้ได้หรือเปล่า
ผ่านมาหลายวันหลังจากนั้นกุ๊กไก่ก็ไม่ได้คิดที่จะเล่าเรื่องของอชิให้กับเพื่อนฟัง เธอต้องการให้อชิกลายเป็นเพียงสายลมที่ไม่หวนกลับมาอีก เพื่อนทั้งสองคนจึงคิดว่ากุ๊กไก่ยังเสียใจเรื่องแฟนเก่าอยู่ทุกคนจึงหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง
ระยะนี้หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จกุ๊กไก่มักจะออกไปเดินเล่น โดยมีนาชาและลูกเกดออกไปดูแลที่ร้านกาแฟเป็นธุระสานต่อให้จนสามารถเปิดร้านได้
กุ๊กไก่เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสุดท้ายแล้วเรื่องร้านกาแฟก็ไม่พ้นฝีมือของนาชาอยู่ดี เธอที่ไม่คิดจะพึ่งพาเพื่อนก็เป็นพวกเขาที่ยื่นมือเข้ามาโดยที่เธอไม่ร้องขอ และหากเธอบอกปฏิเสธสองคนนั้นก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้หาว่ากุ๊กไก่ไม่ต้องการเพื่อนแล้วจนกุ๊กไก่ต้องยินยอม หลายวันก่อนมีเงินโอนเข้าบัญชีเธอสิบล้านบาท แน่นอนว่ามาจากอชิ เงินจำนวนนี้เป็นค่าจ้างการทำงานของเธอที่สามารถทำให้คุณตายอมขายที่ให้เขาได้
กุ๊กไก่ไม่ได้ตื่นเต้นกับเงินจำนวนนี้มันเป็นสิ่งที่เขาเคยบอกเธอไว้และเป็นข้อตกลงเขาทำมันได้โดยไม่ขาดตกบกพร่อง
เธอน้ำตาซึมความรู้สึกใจหายและเจ็บปวดทำให้เธอเหม่อลอย
มันจบจริง ๆ แล้วสินะเรื่องระหว่างเธอกับอชิ
เขาเคยหายไปราวกับสายลมแล้วครั้งหนึ่ง และตอนนี้อชิก็เป็นแบบนี้อีกครั้ง ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยที่เธอไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยสักอย่าง ถึงเธอจะสงสัยมากเพียงใดมันก็เป็นเท่านั้น ไม่มีใครสามารถให้คำตอบกับเธอได้
อชิก็เหมือนโจทย์คณิตศาสตร์ที่เขาเคยสอนให้เธอแก้ แม้จะมีคนมาสอนแต่ทำยังไงเธอก็ไม่เข้าใจและไม่สามารถแก้ได้แม้แต่ครั้งเดียว เขาก็เป็นแบบนั้น
สุดท้ายแล้วเรื่องของเขาก็คงจะค่อย ๆ ลบเลือนไปจากความทรงจำ อันที่จริงเธอรู้ดีว่ามันไม่ได้หายไปไหนแต่เธอเลือกที่จะฝังมันเอาไว้ในตำแหน่งที่ลึกสุดใจ พยายามกลบเกลื่อนความเจ็บปวดนั้นด้วยความสุขและความแข็งแกร่งที่เธอสร้างขึ้นมา เหมือนที่เก่งบอกกับเธอว่า
“ความเจ็บปวดมันไม่ได้หายไปไหน ความจริงมันยังคงอยู่เพียงแต่เวลานั้นจะช่วยเยียวยาให้แผลนั้นตกสะเก็ดและเมื่อนึกถึงในตอนนั้นมันจะไม่เจ็บปวดแบบนี้อีกแล้ว ในตอนนั้นก็ให้เงยหน้ามองท้องฟ้าที่สดใส กุ๊กไก่จะได้รู้ว่ามันสวยงามเพียงใด”
เก่งย่อมผ่านสิ่งต่าง ๆ มามากกว่าเธอและคำพูดของเขาทุกคำก็ถูกต้องในตอนนี้กุ๊กไก่สามารถเงยหน้ามองท้องฟ้าได้จริง ๆ แล้ว
ในขณะที่เธอเศร้าเสียใจอยู่เธอไม่ได้ตัวคนเดียว เธอยังมีเพื่อนที่ยอมข้ามน้ำข้ามทะเลกลับมาอยู่เป็นเพื่อน เธอยังได้มิตรภาพจากเก่งที่ได้กลายมาเป็นเพื่อนของเธออีกคนสิ่งที่มีค่าของเธอก็คือพวกเขาดังนั้นกุ๊กไก่จึงไม่คิดที่จะทำตัวให้เป็นภาระของใครอีก
เหมือนเธอจะลืมได้โดยง่าย แต่ใครจะรู้ว่ามันยากแค่ไหน
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกุ๊กไก่ยิ้มน้อย ๆ ก่อนรับสาย เป็นเก่งนั่นเอง จู่ ๆ เขาก็บอกเธอว่าอยากให้เธอกลับไปทานข้าวที่บ้านกับแม่กับเขา กุ๊กไก่แปลกใจมากเธอไม่เคยรู้เรื่องแม่ของเก่งเลย กระทั่งเควิลและลูซิโน่ก็ไม่เคยพูดถึง
น่านะ กุ๊กไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะคะ เรื่องมันน้ำเน่าน่ะแม่จะให้พี่ไปดูตัวแต่พี่บอกแม่ว่าพี่มีคนที่ชอบแล้วตามจีบอยู่ แม่เลยอยากรู้จัก แต่ถ้ากุ๊กไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรนะคะ
กุ๊กไก่บอกเขาว่าขอเวลาตัดสินใจสักสิบนาทีก่อนที่จะเดินเข้าบ้าน ตอนนี้นาชาและลูกเกดต่างอยู่ที่ร้านกาแฟพร้อมทั้งสามีของพวกเธอทั้งสองที่เข้าไปดูบริษัทด้วย กุ๊กไก่จึงโทรไปปรึกษาแต่เสียงที่ตอบกลับมากลายเป็นเสียงของเควิล
เควิล : นะคะกุ๊กไปเป็นเพื่อนไอ้เก่งมันหน่อย แม่กับพ่อของเก่งใจดีมากไม่เหมือนในละครแน่นอนเชื่อพี่
กุ๊กไก่ : แต่พี่เคนคะ กุ๊กกล้วว่าจะเป็นการหลอกผู้ใหญ่น่ะสิคะ
เควิล : จะกลัวไรคะ เราก็พูดตรง ๆ ว่ายังไม่ได้ชอบมันไม่ได้ให้ไปแต่งงานสักหน่อย ส่วนเรื่องอื่นก็ให้ไอ้เก่งมันจัดการเองรับรองว่ามันไม่ทำให้กุ๊กลำบากใจแน่นอนค่ะ
ทุกคนต่างเชียร์ให้เธอไปพบแม่กับพ่อของเก่งจนกุ๊กไก่ลำบากใจ นาชายังบอกเธอว่าไปในฐานะเพื่อนจะคิดไรมาก เป็นตัวของตัวเองก็พอเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับเราแล้วจึงทำให้กุ๊กไก่ตัดสินใจตกลงไปพบพ่อแม่ของเก่ง
เย็นวันนั้นทุกคนกลับบ้านพร้อมกัน กุ๊กไก่แต่งตัวรอเก่งอยู่ก่อนแล้วเธอค่อนข้างคิดมากเพราะไม่เคยได้พบผู้ใหญ่มานาน คนสุดท้ายที่เจอก็คือแม่ของลูกเกดที่คุ้นเคยกันดีราวกับเป็นแม่ของเธอเอง หลังจากนั้นเธอก็ไม่มีโอกาสเสวนากับคนแก่อีก
“โอ้โหสวยใสมากเลยกุ๊ก แบบนี้แม่พี่เก่งชอบแกมาก ๆ แน่”
กุ๊กไก่เบ้ปาก
“พวกแกอย่ามาแซว ฉันเครียดเลยนะไม่รู้จะแต่งตัวยังไง”
ลูเซียโน่เดินโอบลูกเกดเดินมาพลางชมไม่ขาดปาก
“เรียบร้อยและสวยมากค่ะน้องกุ๊ก ไม่ต้องกลัวนะคะพ่อแม่ของไอ้เก่งนี่ใจดีที่สุดในโลกแล้วค่ะ ถือซะว่ายอมให้มันควงเอาบุญสักวัน มันก็อายุสามสิบแล้วยังไม่มีแฟนคนแก่เขาก็กังวลเป็นธรรมดา”
เรื่องที่กุ๊กไก่คิดมากคือว่าเธอเองก็เป็นคนดังไม่น้อย เผื่อพ่อแม่ของเก่งเห็นเธอในทีวีในเน็ตข่าวเสียหายของเธอทั้งเรื่องเป็นเมียน้อยเสี่ย ทั้งเรื่องที่ว่าพอถูกผู้ชายทิ้งก็แต่งงานใหม่ ตอนนี้ยังถูกผัวทิ้งอีกจะทำให้เก่งเสียหน้า แต่คนพวกนี้กลับเชียร์เธอราวกับเธอเป็นนางฟ้านางสวรรค์ อวยจนกุ๊กไก่หูแดงหน้าแดงไปหมดแล้ว
ลูกเกดจับมือกุ๊กไก่แล้วเขย่าให้เธอรู้สึกตัว
“เหม่อไปไหนกัน ไม่ต้องกลัวฉันเคยเจอแม่พี่เก่งครั้งหนึ่งใจดีสุดยอดบอกเลย สวยมากด้วย”
กุ๊กไก่เองก็เชื่อเพื่อน เพราะเก่งเองก็เป็นคนดีแต่ใจของเธอนี่สิเต้นแรงเหมือนจะไปพบครอบครัวแฟนเสียนี่ กับอชิเธอยังไม่รู้เลยว่าพ่อแม่ของเขาไปไหนและเขาไปอยู่อังกฤษได้ยังไง แต่กับเก่งเขากลับเปิดเผยตัวเองโดยไม่ลังเลสักนิดที่จะให้เธอรู้
เก่งขับรถของเขามาเตรียมไว้ที่ลานจอดรถ วิ่งเหยาะ ๆ มาหากุ๊กไก่พร้อมบอกทุกคน
“ต้องไปแล้วเดี๋ยวไม่ทันมื้อค่ำ ไปค่ะกุ๊กไปเป็นไม้กันหมาให้พี่สักวันนะคะ”
สุดท้ายแล้วกุ๊กไก่ที่สติยังไม่กลับมาก็นั่งเคียงข้างเก่งอยู่บนรถหรูคันงามทั้งที่มือเย็นเฉียบโดยไม่รู้ตัว