Friends with benefits เพื่อนกันอันตราย NC25 – บทที่ 63 ไม่ได้จากไปอย่างแท้จริง

Friends with benefits เพื่อนกันอันตราย NC25

หลังงานศพของอชิกุ๊กไก่มีอาการเซื่องซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนาชาและลูกเกดจึงตัดสินใจที่จะให้สามีพักร้อนพร้อม ๆ กันและพากุ๊กไก่กลับเมืองไทย ซึ่งแน่นอนว่าทั้งลูเซียโน่และเควิลต่างก็ยินดีเพราะพวกเขารับงานสนับสนุนมูลนิธิที่อชิได้ก่อตั้งเอาไว้จึงคิดจะมาจัดการเรื่องให้เรียบร้อย

หลังจากจัดการเคลียร์งานจนเรียบร้อยหนึ่งเดือนหลังจากนั้นครอบครัวทั้งสามก็กลับมาอยู่ที่บ้านสวนของนาชา โดยพวกเขาไม่ได้พาลูก ๆ มาด้วยเพราะการพักร้อนจะใช้ระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนซึ่งพวกเขาเองก็กลัวว่าเด็ก ๆ จะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางเกินไป

บ้านสวนของนาชา

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว แม่บ้านช่วยกันหิ้วกระเป๋าของทุกคนขึ้นรถตู้เพราะช่วงนี้เป็นช่วงปลายธันวาอากาศค่อนข้างเย็น คนทั้งหมดจึงคิดเดินทางท่องเที่ยวขึ้นเหนือ ใช้เวลาด้วยกันให้เต็มที่ เพราะไม่รู้ว่าหลังจากนี้แล้วพวกเขาจะได้มีโอกาสมารวมตัวกันแบบนี้อีกครั้งเมื่อไหร่

ก่อนไปสนามบินรถตู้ของพวกเขาได้แวะเข้าไปดูที่มูลนิธิแห่งหนึ่ง มีคนของมูลนิธิมาต้อนรับพวกเขารวมทั้งเด็ก ๆ หน้าตาน่ารักหลายคนที่มาคอยต้อนรับ ซึ่งเด็กทุกคนล้วนเป็นมะเร็งและเป็นผู้ยากไร้พ่อแม่ไม่มีเงินรักษาพวกเขา ตอนนี้ที่มูลนิธิยังรับคนที่เป็นมะเร็งในระยะเริ่มต้นที่ยังรักษาได้เข้ามาดูแล เด็ก ๆ ที่นี่จึงยังดูแข็งแรงแม้ว่าหลายคนจะซูบผอมและตัวเหลืองอยู่บ้างก็ตาม

“ส่วนผู้ป่วยหนักเราก็กำลังสร้างตึกอยู่ด้านโน้นครับ ด้วยแรงสนับสนุนของท่านกรรมการคาดว่าจะแล้วเสร็จไม่เกินสามเดือนข้างหน้า และรองรับผู้ป่วยได้ในอีกไม่ช้าหลังจากนั้นครับ”

คนที่จิตใจอ่อนไหวนอกจากกุ๊กไก่แล้วก็ยังมีนาชาซึ่งแม่ของเธอก็ป่วยและจากไปด้วยโรคมะเร็งเช่นกัน เพราะแบบนี้เธอจึงสนับสนุนเควิลอย่างเต็มที่เพื่อให้เข้ามาสานต่องานของอชิที่ได้เริ่มไว้

และในตอนนี้เจ้าของพื้นดินที่ใช้ก่อตั้งมูลนิธิก็คือที่ดินที่มีชื่อของกุ๊กไก่ครอบครอง โดยมีผู้สนับสนุนมูลนิธิอย่างเป็นทางการคือบริษัท KW Group

หลักการณ์ของมูลนิธินอกจากจะช่วยเหลือเด็ก ๆ ที่ป่วยและยากจนแล้ว ยังสนับสนุนให้วิจัยและค้นคว้าเกี่ยวกับยารักษามะเร็งโดยใช้แพยท์ทางเลือกคือสมุนไพรไทยที่มีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้ดี นั่นเป็นเพราะว่าอชิเองเขาเจ็บปวดกับการให้คีโมมามากแล้ว เขาจึงอยากจะคิดค้นทางเลือกอื่น เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมานจากคีโมและสารเคมีจนเกินไป

เรื่องนี้ทำให้สาว ๆ ปราบปลื้มใจเป็นอย่างมากเพราะทั้งหมดได้มีส่วนร่วมกันในการสานต่องานอันทรงคุณค่าและให้ประโยชน์แก่เด็ก ๆ

สาว ๆ ต่างคนต่างมีสามีของตนคอยจับมือเดินตลอดวันนี้พวกเขาได้สั่งอาหารเที่ยงจากเชพดังและยังมีนักโภชนาการมาคอยให้คำแนะนำและจัดสรรอาหารแสนอร่อยให้เด็ก ๆ เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิคนหนึ่งซึ่งเป็นคนของเควิลที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลที่นี่เข้ามาสรุปความคืนหน้าของงานให้ทุกคนฟัง

“มูลนิธิในตอนนี้เรียกว่าพร้อมทั้งเครื่องมือและสถานที่ครับ คุณอชิเก่งมากวางโครงสร้างไว้อย่างดีเยี่ยม เราเพียงต้องแสวงหาคนเก่ง ๆ มาร่วมวิจัยถึงการรักษาทางเลือกเพื่อให้เป็นที่ยอมรับเท่านั้น”

หลังจากฟังรายงานเสร็จ สามสาวต่างพากันมาเดินเล่นรอบ ๆ ภายในมูลนิธิกว้างขวางและแวดล้อมไปด้วยต้นไม้ ทั้งยังสงบดูร่มรื่น ถึงแม้ว่าจะอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยาและยังอยู่ในเมืองหลวง แต่อากาศที่นี่กลับดีเป็นอย่างยิ่ง นั่นคงเป็นเพราะกำแพงต้นไม้ที่ล้อมรอบสถานที่นี้เอาไว้

ตอนนี้เมื่อได้มาสัมผัส กุ๊กไก่เข้าใจได้เป็นอย่างดีว่าทำไมอชิถึงต้องการที่ดินผืนนี้มากขนาดนี้ น้ำตาของเธอไหลลงมาจนได้เลยทำให้เพื่อน ๆ ที่เดินมาด้วยกันต่างร้องไห้

แม้ไม่ต้องพูดอะไร พวกเธอก็รู้ว่าสิ่งที่อชิทิ้งเอาไว้และปณิธานของเขามันยิ่งใหญ่แค่ไหน ความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนี้ แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ความรักระหว่างหนุ่มสาว แต่เป็นความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์และช่วยเหลือพวกเขาในสิ่งที่ตัวเองทำได้

อชิไม่ได้ต้องการลาภยศ แม้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในมูลนิธิแห่งนี้จะสร้างขึ้นมาด้วยเงินมหาศาลซึ่งเป็นเงินส่วนตัวของเขาทั้งหมด แต่ที่นี่ไม่มีแม้แต่ชื่อของเขาสลักอยู่ ไม่มีรูปปั้นของเขาให้ใครมาวางดอกไม้อย่างที่ควรเป็น

มีเพียงคำสอนของพระเจ้าสลับกับคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ติดอยู่โดยรอบ ซึ่งอาจจะเป็นผลมาจากการที่อชิเองก็นับถือพระพุทธศาสนาและยังศรัทธาในพระเจ้าอีกด้วย

เขาคือผู้ที่ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริง

หลังจากเดินสำรวจและร่วมทานอาหารกลางวันรวมทั้งให้ขนมและมอบข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ให้แก่เด็ก ๆ และจ้าหน้าที่แล้วพวกเขาจึงเดินทางไปที่สนามบินเพื่อไปเที่ยวเชียงใหม่ต่อ

เพราะอากาศในเครื่องค่อนข้างเย็น อีกทั้งในตอนนี้เป็นช่วงปลายธันวาคมดูเหมือนว่าปีนี้อากาศจะเย็นกว่าทุกปี กุ๊กไก่เองก็ยังไม่ชินกับสภาวะอากาศแบบนี้เท่าไหร่ อีกอย่างตั้งแต่อชิเสียเธอก็กินได้น้อยลงเพิ่งจะกลับมาเป็นปกติได้ไม่นานเก่งจึงค่อนข้างห่วงสุขภาพของเธอมาก

เก่งดึงผ้าพันคอออกจากกระเป๋าของตัวเองแล้วพันรอบคอให้กุ๊กไก่เมื่อขึ้นมาอยู่บนเครื่องเรียบร้อยแล้ว

“เป็นยังไงบ้างเหนื่อยมั๊ย”

กุ๊กไก่ยิ้มเธอเอนตัวพิงไหล่ของเขา

“ไม่ค่ะรู้สึกอิ่มใจค่ะ”

เก่งยิ้ม

“ทำไมล่ะ”

“ก็ตอนนี้เมื่อคิดถึงอชิก็มีความสุขค่ะ แค่ร่างกายเท่านั้นที่เขาจากไป ตัวตนของเขาฝังลึกอยู่ในมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือเด็ก ๆ นั่น เลยรู้สึกว่ากุ๊กเองก็เป็นส่วนหนึ่งในนี้ และพี่เก่งรวมทั้งครอบครัวของเพื่อนรักก็กำลังเผื่อแผ่ความสุขให้กับคนอื่น จริง ๆ แล้วเหมือนกุ๊กจะเข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่ารักก็วันนี้ค่ะ วันที่ได้เห็นกับตาของตัวเองว่าคนคนหนึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะแบ่งปันได้มากขนาดนี้”

เก่งเห็นด้วย ตัวเขาเองอยู่ในวงการสีเทามาตลอดชีวิต ไม่เคยที่จะฉุกคิดถึงเรื่องแบ่งปันพวกนี้เลยสักครั้ง แม้ว่าครอบครัวของเขาจะมีเงินมหาศาล แต่ละวันก็คิดแค่เพียงธุรกิจเท่านั้น ไม่เคยคิดเรื่องแบ่งปันเลยสักหน

เหมือนว่าอชิได้เผื่อแผ่ความรักนั้นมาที่เขาด้วย เพื่อให้เขาส่งต่อความรักไปยังคนอื่น

อชิช่างเป็นอัจฉริยะจริง ๆ มีเรื่องให้คนนึกถึงและน่าชื่นชมจนต้องเสียน้ำตาแม้ว่าอชิจะจากไปแล้ว เขาประหลาดใจที่ไม่ได้หึงหวงอชิเลยแม้แต่น้อย หรือนั่นเป็นเพราะว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนดีเกินไป จนเขารู้สึกยินดีที่ตัวเองได้รู้จักคนแบบอชิก็เป็นได้

หากว่าอชิยังมีชีวิตอยู่ก็คงดี

เขายิ้มคนเดียวเมื่อหันมามองก็พบว่ากุ๊กไก่หลับคาแขนของเขาไปแล้ว กระทั่งเครื่องบินขึ้นสู่ระดับคงที่เขาจึงปรับเบาะเอนให้เธอนอนสบาย ๆ แล้วห่มผ้าให้เธอ กุ๊กไก่ดึงมือของเขาเอาไว้แล้วดึงไว้แน่น เก่งยิ้มปล่อยให้เธอจับอยู่แบบนั้นโดยไม่ขยับตัว

ไม่น่าเชื่อว่าความรักจะเอาชนะตะคริวได้ เรื่องนี้ช่างน่าอัศจรรย์ใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงที่เครื่องบินเหินขึ้นบนท้องฟ้าจนกระทั่งจะลงจอดที่สนามบินเชียงใหม่ เก่งไม่ได้ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย

กระทั่งเสียงของเจ้าหน้าที่บนเครื่องประกาศว่าจะนำเครื่องลงจอด ตอนนั้นกุ๊กไก่จึงงัวเงียตื่นขึ้นมา เก่งจึงปรับเก้าอี้ให้เธออีกครั้ง เขารู้สึกชาที่แขนและมือแต่ไม่แสดงออกให้เธอเห็น และรอคอยอย่างเงียบ ๆ เพื่อให้อาการตะคริวหายไปเองจึงได้ยืดตัวและขยับแขนโดยที่กุ๊กไก่ไม่รู้เลยสักนิด

กุ๊กไก่บิดขี้เกียจท่าทางน่ารักเหมือนแมวน้อยตัวหนึ่ง เก่งจึงอดที่จะก้มลงมาคลุกเคล้าที่ข้างแก้มและลำคอของเธอไม่ได้

“พี่เก่งคะ อย่าสิคะนี่บนเครื่องนะคะ”

เก่งพ่นลมหายใจ บิดแก้มนุ่มนิ่มของเธอเบา ๆ ทั้งพยักหน้า

“นั่นนะสิ พี่ก็ว่าอย่างงั้นจะอดใจไว้ก่อนนะคะ”

เธอหัวเราะอย่างมีความสุข ยกมือประคองสองแก้มของเก่งเอาไว้แล้วพูดยั่ว

“คืนนี้ว่าจะนอนคุยกันประสาผู้หญิงค่ะ อนุญาตให้ผู้ชายไปเที่ยวได้แต่ห้ามเถลไถล”

เก่งจับมือของเธอแล้วยกขึ้นมาจูบ

“ไม่มีใครไปหรอก ดูแต่ละคนติดเมียยังกะตังเม”

เขาหันหน้าไปมองซ้ายขวา ซึ่งเป็นที่นั่งคู่ของเควิลและนาชา ลูเซียโน่และลูกเกด ต่างคนต่างกำลังคลุกวงในคนของตัวเองจนฝ่ายหญิงหน้าแดงไม่แพ้กัน

“ว๊า แย่จังเลยค่ะ พี่เก่งก็แย่สิคะ ไม่ได้ติดกุ๊กสักหน่อยอาจจะต้องไปคนเดียวแล้ว”

เก่งทำหน้าจริงจัง

“ใครบอก พี่ติดกุ๊กที่สุด ตามกุ๊กมากี่ปีแล้วละ ถ้าไม่ใช่พี่คนอื่นคงเตลิดไปแล้วนี่ยังไม่เชื่อในความรักของพี่เหรอคะ พูดแบบนี้น้อยใจนะคะ”

กุ๊กไก่ยิ้มกว้าง “กุ๊กดีใจนะคะที่พี่ไม่ยอมแพ้ ถ้าเป็นแบบนั้นตอนนี้กุ๊กคงไม่เหลือใครแล้ว”

เก่งยิ้มอบอุ่นให้เธอ โอบรอบร่างเล็กเอาไว้

“พี่ก็ดีใจที่พี่ไม่ยอมแพ้ไปก่อน ถึงจะได้มายากมากแต่สำหรับพี่แล้วมันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มและเป็นความรู้สึกที่พี่ไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่ามันจะทำให้พี่มีความสุขมากขนาดนี้”

เขาเคยคิดว่าผู้หญิงคนนี้เอาแต่ใจ ขี้วีน เรื่องมาก อยู่ด้วยลำบาก แต่เขาชอบเพราะหน้าตาของกุ๊กไก่ตรงสเปคของเขา แต่ไม่คิดว่าจริง ๆ แล้วเธอปรับเปลี่ยนเพื่อเขาโดยไม่รู้ตัว จริง ๆ แล้วก็เป็นเหมือนที่อชิบอกว่ากุ๊กไก่ไม่เคยปรับปรุงตัวเองเพื่อใคร แต่สำหรับเก่งแล้วต่างออกไป

“เพราะกุ๊กก็รักพี่ค่ะ กุ๊กอยากเป็นคนดีเพื่อเราทั้งคู่”

ชีวิตคู่คือการปรับตัวเข้าหากัน อชิยอมกุ๊กไก่ทุกอย่างแม้ว่าเธอจะนิสัยเสียและกุ๊กไก่ก็ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงนิสัยนี้แม้ว่าหลายครั้งที่เธอจะทำให้อชิทุกข์ใจเพราะคำพูดของเธอ กุ๊กไก่ก็ไม่เคยแคร์เพราะเขาคือครอบครัว คือคนที่เธอวางใจ

แต่กับเก่งเธอยอมปรับปรุงตัวเอง เพราะอะไรเหรอ ก็เพราะว่าเธอกลัวว่าเธอจะทำให้เขาผิดหวังและไม่มีความสุขเพราะแท้จริงแล้วนั่นเป็นเพราะเธอรักเขาจึงยอมถอยให้เขาสักหนึ่งก้าว

ปัญหาระหว่างเธอและเก่งก็มีอยู่บ้างตามประสาคนสองคนที่มาจากคนละที่และพื้นฐานครอบครัวที่แตกต่างกัน เธอเองก็ค่อย ๆ ปรับปรุงตัว เก่งเองก็เช่นกันเขาไม่ได้ดีพร้อมแต่ก็พยายามอย่างเต็มที่ เขาเป็นคนชอบใช้อำนาจแต่กับกุ๊กไก่เขาก็ยอมลดให้เธอ ให้เธอมาเป็นคนชี้นำและตัดสินใจบ้างในบางครั้ง เพื่อให้เธอรู้สึกว่าเธอเท่าเทียมไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย

เพราะแบบนี้คนทั้งคู่จึงนับวันรักกันมากขึ้น การจากไปของอชิทำให้พวกเขาไตร่ตรอง หากไม่ทำดีต่อกันและกันในตอนนี้ หากไม่รักกันให้มาก ๆ ในตอนนี้ สักวันอาจจะไม่มีโอกาสแม้ที่จะบอกรักและแสดงความรู้สึกต่อกันก็เป็นได้

ชีวิตนี้มันสั้นนัก เพราะความตายเกิดได้ทุกลมหายใจ

Friends with benefits เพื่อนกันอันตราย NC25

Friends with benefits เพื่อนกันอันตราย NC25

Status: Ongoing
กว่าจะเจอรักแท้เธอก็โดนเทจนเกือบจะปิดตายประตูหัวใจ แผลที่หายยากที่สุดคือบาดแผลจากความรู้สึก สุดท้ายแล้วคนบางคนก็เป็นเพียงแค่คนรู้จักที่หลงเหลือในความทรงจำเท่านั้น

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท