The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1261 – ทำศัตรูให้สับสน

ตอนที่ 1261 - ทำศัตรูให้สับสน

   หืม?ไม่คิดเลยว่ามันจะมาถึงเร็วอย่างนี้ คิดว่ามันจะมาที่นี่หลังจากเทพอสูรเนตรม่วงกลับเสียอีก! 

  อสูรจันทร์ผ่องพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อมองเมฆาอสูรที่อยู่ไม่ไกล

  อสูรจันทร์ผ่องคือหนึ่งในคนที่เขาเรียกมา

  เมฆาอสูรกล่าว

   เพราะเจ้าเรื่องตอนนี้ถึงได้ยุ่งยากนัก! 

  พลังของอสูรจันทร์ผ่องนั้นค่อนข้างสูงเป็นรองเพียงเมฆาอสูรในแดนจิงหยูเท่านั้น ดังนั้นจึงสามารถทำให้เทพอีกสามคนมาร่วมแผนการได้

  เมฆาอสูรกำลังคิดถึงแผนที่อสูรจันทร์ผ่องบอก

   หึหึ!แผนข้าก็เพื่อเราทุกคน! หากกระโตกกระตากเกินไป เราจะมีปัญหากับตระกูลราชวงศ์! 

  อสูรจันทร์ผ่องมิได้หงุดหงิดคำพูดเมฆาอสูรเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม

  เมฆาอสูรไม่ตอบอะไร

   อย่าเพิ่งคุยเรื่องนี้กันเลย!อีกสามวันจะถึงกำหนดรวมตัวที่นี่ แต่มันมาถึงก่อน เจ้าไม่คิดว่ามันแปลกรึ? 

  อสูรอาทิตย์ส่องถาม

  เทพคนอื่นเงียบไป

  ถ้าพวกเขาถูกเชิญมาเช่นนี้พวกเชาย่อมเตรียมตัวมาเต็มที่ก่อนที่จะเดินทาง

  แม้กระนั้นกลับดูเหมือนซือหยูมาถึงเมืองเมฆาอสูรล่วงหน้าเขากำลังตั้งหน้าตั้งตารอวันกำหนด

  เมฆาอสูรพูดช้าๆ

   ข้าได้ยินว่าชายคนนี้เจ้าเล่ห์เจ้าอุบายหากมาที่เมืองข้าล่วงหน้า เราก็ต้องระวังตัวจากมันเอาไว้ด้วย!    อสูรจันทร์ผ่องเห็นด้วย

   ใช่!ข้าเห็นการต่อสู้เมื่อเดือนก่อน มันเจ้าเล่ห์มาก! ข้าว่าเราส่งคนไปแอบสืบจะดีกว่า อย่างแรกคือต้องรู้ให้ได้ว่ามันมาทำอะไรที่เมืองนี้! 

  เมืองนี้เป็นของเมฆาอสูรจึงง่ายที่จะจับตาดูซือหยู

  เมื่อวันแรกผ่านไปสายลับกลับมารายงาน

   มันไปที่ไหน?มันเจอใคร? มันพูดอะไรบ้าง? 

  เมฆาอสูรถาม

  สายลับตอบ

   มันไปที่ชมจุดที่งดงามในเมืองเมฆาอสูรมันไม่ได้พบหรือพูดคุยกับใครเลย! 

  ชมทิวทัศน์งั้นรึ?เหล่าเทพตกใจกับรายงาน พวกเขาไม่คิดว่าซือหยูจะไปชมวิวในเมืองเมฆาอสูรโดยไม่กังวลความปลอดภัยของตัวเอง   ข้าไม่คิดว่าเจ้าเมืองชมทะเลจะกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้! 

  เทพคนหนึ่งอุทาน

   สอดส่องมันต่อไป! 

  เมฆาอสูรขมวดคิ้ว

  ถ้าซือหยูกำลังระวังตัวในทุกฝีก้าวเมฆาอสูรก็คงไม่ระแวงนัก แต่ท่าทีไร้กังวลของซือหยูในตอนนี้ทำให้เขาสับสนโดยแท้

  เมื่อวันที่สองผ่านไปสายลับกลับมารายงานอีกครั้ง

   วันนี้มันทำอะไร? 

  เมฆาอสูรถาม

   มันไปตระเวนกินตามร้านอาหารใหญ่ที่เมืองเรา! 

  เหล่าเทพพากันคิดหนักพวกเขาไม่คิดว่าซือหยูจะสงบได้ในเวลานี้

  เทพทุกคนเริ่มระแวงเจ้าเมืองชมทะเลกำลังจะทำอะไรกันแน่?    จับตาดูมันต่อไป… 

  เมฆาอสูรกล่าวด้วยความใจเย็น

  เมื่อวันที่สามผ่านไปสายลับกลับมารายงานอีกครั้ง

   นายท่านวันนี้มันไปที่โรงโสเภณีกลิ่นน้ำหอม มันเล่นสนุกกับโสเภณีหลายคน มันไม่ได้ไปที่อื่นเลย 

  เทพทุกคนเงียบกริบเมื่อได้ฟังคำตอบ

  ซือหยูชมวิวทิวทัศน์ในวันแรกวันที่สองเขารื่นรมย์ตามร้นอาหาร ส่วนวันที่สามก็ไปเล่นสนุกกับโสเภณี!

  มันไม่รู้ตัวเองเลยรึไง?หรือมันไม่สนใจอะไรเลย?

   มันสบายใจยิ่งนัก!หรือว่ามันมีคนคอยพึ่งพาอยู่? 

  อสูรจันทร์ผ่องถามด้วยความระมัดระวัง

  เทพอื่นยิ่งระแวง

   เป็นไปได้สูงมากมิเช่นนั้นมันคงจะไม่ไร้กังวลเช่นนี้! 

   อย่าลืมว่าองค์หญิงเก้าอยู่ในมือมันหรือว่าถ้าองค์หญิงเก้านำกำลังเสริมมาจากตระกูลราชวงศ์เล่า? 

  เหล่าเทพเริ่มหมดกำลังใจ

   ฮื่ม!เจ้ามันตาขาว! 

  เมฆาอสูรถอนหายใจแรง

   เจ้านั่นก็แค่คนธรรมดา!มันจะได้กำลังเสริมจากตระกูลราชวงศ์ได้ยังไง? แล้วองค์หญิงเก้าที่ยังปกป้องตัวเองไม่ได้จะพากำลังเสริมมาให้เจ้าเมืองชมทะเลได้เรอะ? 

   ถูกแล้ว!เมฆาอสูรพูดถูก! พรุ่งนี้จะเป็นวันนัดหมาย เราจะได้รู้ว่ามันเอาความมั่นใจมาจากไหน! 

  วันต่อมาการประชุมที่จะตัดสินอนาคตแดนจิงหยูได้ถูกจัดขึ้นอย่างลับ ๆ ในตำหนักเมฆาอสูร

  เทพเจ็ดคนอยู่ด้านในตำหนักด้านหลังยังมีอสูรอายุน้อยที่เป็นเลือดผสมอยู่ด้วยหนึ่งคน   จะเริ่มหารือกันแล้วรับเจ้าเมืองชมทะเลเข้าห้องรับรอง! 

  เมฆาอสูรสั่งขณะที่เทพคนอื่นนิ่งเงียบ

  อสูรจันทร์ผ่องตอบด้วยรอยยิ้ม

   ถึงเวลาที่เราจะต้องไปที่นั่นแล้วไม่ใช่รึ? 

   ใยรีบร้อนนัก? 

  เมฆาอสูรพูดอย่างไร้อารมณ์

   เราล้วนเป็นเทพที่มีเกียรติสูงส่งอสูรขนนกไร้หัวนอนปลายเท้าย่อมไม่เหมือนกับพวกเรา! ปล่อยให้มันรอไปก่อน แล้วมันจะเสียกำลังใจได้หากเราปล่อยให้มันรออย่างนี้ มันจะทำให้เราได้เปรียบ! 

  อสูรจันทร์ผ่องไม่ปฏิเสธเพราะคิดว่ามันมีเหตุผล

  คนของเมฆาอสูรไปยังโรงโสเภณีกลิ่นน้ำหอมและขอไปยังห้องที่ซือหยูพักอยู่พวกเขาคิดว่าซือหยูกำลังเคลิบเคลิ้มอยู่ แต่ซือหยูกลับตื่นขึ้นและดูรู้ตัวอยู่ตลอดเวลา เขากำลังสวมชุดขาวจิบชาอย่างสบายใจ ซือหยูถามโดยไม่หันกลับไปมอง

   จะเริ่มประชุมแล้วสินะ? 

  คนของเมฆาอสูรแปลกใจดูเหมือนว่าซือหยูจะรู้ตัวว่าเขาถูกจับตาดูในสามวันที่ผ่านมา

   เรามาที่นี่เพื่อพาท่านไปตำหนักเจ้าเมือง! 

   ข้าไม่ไปบอกพวกมันว่าข้าอยากคุยกันที่นี่! 

  ซือหยูตอบด้วยความใจเย็น

  อ๊ะ!คนของเมฆาอสูรงงุนงง

   แต่งานประชุมจุดที่ตำหนักท่านเมฆาอสูรซึ่งเทพทั้งเจ็ดตกลงว่าจะไปที่นั่น! 

  ซือหยูเหลือบมองเขาและพูด

   อย่างที่เจ้าพูดสถานที่ถูกยอมรับโดยเทพทั้งเจ็ด แต่ไม่ได้มีการถามความเห็นข้า! ข้าคิดว่าที่นี่เหมาะสมทีเดียว     แต่… 

  คนของเมฆาอสูรพูดไม่ออกซือหยูนั้นเทียบกับเทพทั้งเจ็ดไม่ได้เลย! เขาไม่ควรจะปริปากต่อหน้าเทพทั้งเจ็ดด้วยซ้ำ

   ไม่มีแต่!ข้าจะอยู่ที่นี่ชั่วยามเดียวเท่านั้น หากพวกมันไม่มาที่นี่ ข้าจะกลับเมือง! 

  ซือหยูพูดตัดบท

  คนของเมฆาอสูรงุนงงและแอบก่นด่าในใจเจ้าเมืองชมทะเลเป็นคนโง่งั้นรึ? เขาไม่รู้จักชะโงกดูเงาตัวเองเลย เทพทั้งเจ็ดจะเห็นด้วยกับเขาได้ยังไง?

  คนของเมฆาอสูรทำอะไรไม่ได้นอกจากกลับไปที่ตำหนักเมฆาอสูรด้วยความแค้นใจ

  เทพทั้งเจ็ดยังไม่ไปที่ห้องรับรองเมื่อเห็นคนของเมฆาอสูรกลับมาพวกเขาก็คิดว่าซือหยูมาถึงแล้ว

  เมฆาอสูรกล่าวด้วยความเหยียดหยาม

   ไม่ต้องรีบ!อยู่ที่นี่กันก่อน! หารือเรื่องการต่อรองกับมัน เราจะได้เปรียบในระหว่างประชุม! 

   ท่านเจ้าเมืองเจ้าเมืองชมทะเล… 

  เมฆาอสูรโบกมือ

   อืม!ข้ารู้! เจ้าออกไปได้แล้ว! 

  เหงื่อเย็นไหลออกจากหน้าผากคนของเขาเขาพูดอย่างระมัดระวังอีกครั้ง

   นายท่านเจ้าเมืองชมทะเล… 

  เมฆาอสูรหงุดหงิดและจ้องกลับด้วยความโมโห

   ทำไมถึงชักช้านัก?ที่นี่มีเทพถึงเจ็ดคน! ใยเจ้าหยาบคายเช่นนี้? 

  เขารู้ดีว่าเมฆาอสูรจะอารมณ์เสียถ้าเขาอยู่ที่นี่ต่อไปแต่เขาก็รู้เช่นกันว่าเมฆาอสูรจะลงโทษเขาอย่างหนักถ้าหากเขาไม่บอกเรื่องที่ซือหยูพูดกับเทพทุกคนที่เหลือฃ

   เจ้าเมืองชมทะเลปฏิเสธที่จะมาที่นี่!มันบอกให้ท่านและทุกคนที่เหลือไปหาที่โรงโสเภณีนั่น มันจะรอหนึ่งชั่วยาม แล้วมันก็จะกลับไป!    เพื่อที่จะไม่ถูกขัดคนของเมฆาอสูรต้องพูดในลมหายใจเดียว

  ทั้งห้องเงียบราวกับป่าช้า

  เหล่าเทพมองหน้ากันด้วยความตกใจพวกเขาคิดว่าตัวเองหูฝาด

  พวกเขาคิดจะทำให้ซือหยูประหม่าโดยการทิ้งให้ซือหยูรออยู่สักระยะแต่พวกเขาไม่คิดว่าซือหยูจะเปลี่ยนที่นัดพบและขอให้พวกเขาไปหาแทน

  และพวกเขายังมีเวลาแค่ชั่วยามเดียว

  ใครๆ ก็คิดได้ว่าซือหยูเป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาคือคนสามัญที่น่าเวทนา

  เทพทั้งเจ็ดตกตะลึงจนพูดไม่ออกเมฆาอสูรตะโกนด้วยโทสะ

   บังอาจ! 

  คนของเขาคุกเข่าลงกับพื้นขอความเมตตา

   ทุกคำที่ข้าพูดเหมือนกับเจ้าเมืองชมทะเลทุกประการ!    เมฆาอสูรพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว

   ทำไมเจ้าไม่พูดให้เร็วกว่านี้? 

  คนของเขาแอบคิดก็ท่านหยุดข้าไม่ให้รายงานยังไงล่ะ!

   บอกมันว่ามันจะต้องเสียใจถ้าไม่มาที่นี่ภายในสิบห้านาที! 

  เมฆาอสูรไม่ชอบเรื่องนี้แม้แต่น้อยเขาตะโกนด้วยความดุร้าย ความอวดดีของซือหยูเกินกว่าจะชั่งตวง

  ในตอนนั้นเองมีคนยืนขึ้นและกล่าว

   นายเทพข้าไปที่นั่นเองจะได้หรือไม่? ข้าอยากจะเห็นว่าใครที่มาแทนที่พ่อของข้า! 

  เหล่าเทพมองเขาครู่หนึ่งพวกเขาตกลง

   ก็ได้!ลี่หยิง เจ้าไปบอกให้มันมาที่นี่! พวกเราคือเจ้าดินแดน เป็นไปไม่ได้ที่จะไปหามัน! 

   ตามปรารถนา! 

  ลี่หยิงยิ้มอย่างมีเลศนัย  อสูรจันทร์ผ่องขมวดคิ้ว

   หากเจ้าคิดจะใช้กำลังก็ออมแรงด้วยล่ะอย่าให้มันอับอายมากนัก! 

   ตามปรารถนา! 

  ลี่หยิงพูดซ้ำ

  เมื่อออกจากห้องลี่หยิงยิ้มอย่างเยือกเย็น

   ฮื่ม!ตำแหน่งเจ้าเมืองชมทะเลเป็นของข้า! อสูรขนนกมันเป็นใคร! กล้าดียังไงมาชิงสิ่งที่เป็นของข้า? ฮื่ม! 

  หลังจากถึงโรงโสเภณีลี่หยิงเดินไปยังห้องของซือหยูช้า ๆ

  เขาเตะประตูมองเข้ามาในห้อง

  อสูรผมสีเงินทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาจิบชาพลางพูดด้วยความใจเย็น

   เจ้าเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วยามเท่านั้น! 

  เหล่าเทพไม่ได้มาเขารู้ว่าคนที่มาจะต้องเป็นคนของเมฆาอสูรอีกคน

   เจ้ามันอวดดี!กล้าดียังไงให้เทพมาพบเจ้า? 

  ลี่หยิงเดินมือไพล่หลังเข้าห้องเขาหยุดที่ด้านหลังซือหยู

   เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกอวดดีมักจะตายก่อนวัยอันควร? 

  ซือหยูหันไปมองจากนั้นจึงหันหลังกลับและพูดด้วยความเย็นชา

   กลับไปบอกพวกมันว่าเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วยามเท่านั้นเดี๋ยวข้าจะไปแล้ว! 

   ฮื่ม!ฮื่ม! เก็บความอวดดีของเจ้าไปแล้วไปกับข้า! มิเช่นนั้นคนของเจ้าก็ไม่รอด! 

  ลี่หยิงจ้องซือหยูอย่างเยือกเย็น

  เขาพยายามจะทำให้ซือหยูไม่พอใจหากซือหยูกล้าจู่โจมเขา เขาจะใช้โอกาสนี้เอาชนะซือหยู!

  นี่จะเป็นก้าวแรกในการชิงตำแหน่งเจ้าเมืองชมทะเลกลับมาเขาจะพิสูจน์ตัวเองได้ว่าแข็งแกร่งกว่าซือหยู

  ซือหยูตอบด้วยความใจเย็น   พวกมันไร้ประโยชน์เพราะว่าพวกมันยอมแพ้เจ้าเสียง่ายๆ เจ้ากำจัดพวกมันไปเถอะ! 

  ลี่หยิงตะคอก

   เจ้าดูถูกข้าเรอะ!หึหึ! สุนัขทุกตัวย่อมมีวันของมัน! เจ้าลืมแล้วสินะว่าเจ้ามาจากที่ใด! 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท