The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1278 – อสูรต้องหาในแดนอสูร

ตอนที่ 1278 - อสูรต้องหาในแดนอสูร

   หยุดเดี๋ยวนี้! 

  ซือหยูก้าวพริบตาหนีพลังเทพสั่นสะเทือน ข้ารับใช้ทั้งสามตามเขาทันในทันที

  เป็นไปไม่ได้ที่ว่าที่เทพจะหนีจากเทพ

  เหนือพื้นก้อนดินได้รวมตัวกันจนเป็นซือหยู

  จากนั้นแสงพลังห้าธาตุได้ส่องสว่างพลังห้าธาตุพาซือหยูก้าวพริบตาหายไป

  สามข้ารับใช้กัดฟันแน่นที่มิอาจหยุดซือหยูได้

  ทั้งสามไม่เห็นเลยว่าจุดที่ซือหยูยืนอยู่นั้นมีหยดโลหิตทองคำที่มีกลิ่นพิเศษของราชวงศ์อยู่

  เขาก้าวพริบตาอีกครั้งสามข้ารับใช้ตามทันและรวมพลังเทพผนึกทางหนีของเขา

  แต่ในตอนนั้นก็มีคลื่นพลังเทพสองคลื่นซัดเข้ามา   หึหึรับสามกระบวนท่าจากเทพได้ หนีมาได้ถึงสองครั้ง ไม่มีใครอื่นในโลกอสูรทำแบบนี้ได้แล้วใช่ไหม? 

  ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของเด็กสาวปรากฏขึ้นมา

  ข้างๆ นางคือเทพอสูรเนตรม่วง

  ทั้งสองทำลายผนึกพลังเทพของสามรับใช้ได้อย่างไม่ยากเย็น

   เทพอสูรเนตรม่วง!แล้วก็…องค์หญิงหก! 

  สามข้ารับใช้เบิกตากว้าง

  พวกนางไม่สนใจนักที่เทพอสูรเนตรม่วงหักหลังแต่องค์หญิงหกถึงกับลงมือด้วยตัวเอง!

  พลังอันน่าสะพรึงกลัวขององค์หญิงหกเป็นรองเพียงองค์ชายหนึ่งเท่านั้นเขามีพลังที่ลึกลับอยู่เสมอ

   มเหสีหยุนเซี่ยสั่งเราให้จับกุมเจ้าเมืองชมทะเลกลับเมืองหลวงข้าไม่รู้ว่าท่านสองคนรู้หรือไม่ แต่ท่านจะไม่มีความผิด ถ้าหากวางมือตั้งแต่ตอนนี้! 

  ข้ารับใช้อันดับสองกล่าว

  องค์หญิงหกย่อตัวก้มลงมองราวกับจันทร์เสี้ยว

   พวกเรารู้ว่ามเหสีหยุนเซี่ยจะลงมือเราก็เลยมาขวาง! พวกเราพึ่งจะต่อต้านมเหสีหยุนเซี่ย แล้วจะยังไงรึ? พวกเจ้าจะจู่โจมข้าด้วยสินะ? 

  เทพอสูรเนตรม่วงก้มหน้า

   ข้าขอชี้แนะพวกเจ้าว่าไม่จำเป็นต้องอ้อนวอนขอความตายในวันนี้ 

  ข้ารับใช้ทั้งสามเบิกตากว้าง

  พวกนางจะไปรู้ได้อย่างไรว่าองค์หญิงหกและเทพอสูรเนตรม่วงจะกล้าต่อต้านมเหสีหยุนเซี่ยต่อหน้าต่อหน้าทุกคน!

   พวกเจ้ามาเพื่อก่อกบฏ! 

  ข้ารับใช้ที่สองโพล่งออกมาในทันที

  สายตาองค์หญิงหกเย็นชาขึ้นมาก   โอ้เจ้าพูดถูก พวกข้ามาเพื่อยึดอำนาจยังไงล่ะ! 

  ตู้ม!

  องค์หญิงหกกลายร่างเป็นแสงเทพและเริ่มจู่โจม!

  ข้ารับใช้อันดับสองรีบพูด

   องค์หญิงหกและเทพอสูรเนตรม่วงเป็นกบฏต้องสังหารอย่างไร้ปรานี! 

  ต้องลงแรงเท่าใดกันที่ทั้งสามจะจับตัวซือหยูในตอนนี้?และพวกนางยังต้องมารับมือกับองค์หญิงหกอีก

  ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กัน

  สามข้ารับใช้เป็นกลุ่มยอดฝีมือแข็งแกร่งที่คัดเลือกโดยมเหสีหยุนเซี่ยทั้งสามเป็นเทพอันดับต้น ๆ

  แต่ในการต่อสู้ทั้งสามกำลังถูกองค์หญิงหกจู่โจมอยู่ฝ่ายเดียว

  กายหยาบของข้ารับใช้อันดับสี่ถูกทำลายแหล่งพลังเทพของนางอยู่ในมือชุ่มโลหิตขององค์หญิงหก

  องค์หญิงหกกลืนกินมันเข้าไปด้วยใบหน้าอันน่ารักที่โหดร้ายนางเลียริมฝีปากไม่หยุด

   หึหึอร่อยจริง ๆ 

  ภาพที่ได้เห็นนั้นน่าหวาดผวาจนซือหยูตัวสั่น

   น้องสี่! 

  ข้ารับใช้อันดับสองตะโกนด้วยความเศร้านางจ้ององค์หญิงหกด้วยความชิงชัง

  แต่นางก็รีบสั่งการอย่างเด็ดขาด

   แยกกันหนีกลับไปรายงานท่านมเหสีให้ได้ องค์หญิงหกกับเทพอสูรเนตรม่วงเป็นทรราชย์ ขอให้ศาลอสูรส่งกำลังคนมาช่วย! 

  หยกสื่อสารของพวกนางถูกทำลายไปแล้วเพราะข้อความเร่งด่วนของไค่หลินจึงมิอาจรายงานกลับไปได้ในตอนนี้ ทางเดียวที่พวกนางมีคือการใช้คนส่งสารในเมืองประกาศข่าวกับทั้งโลก  ฟึ่บ!

  ทั้งสองแยกกันคนละทิศทางและหนีไป

  ที่มุมปากขององค์หญิงหกมีคราบโลหิตเทพสีทองแววตานางเหี้ยมโหด

   พวกเจ้าหนีไม่ได้หรอก 

  ฟึ่บ!

  นางไล่ล่าข้ารับใช้อันดับสอง

  เทพอสูรเนตรม่วงมองข้ารับใช้อันดับสองอยู่นาน

   องค์หญิงหกหากท่านรับมือได้ไม่ดี ปัญหาใหญ่ย่อมตามมาแน่ 

   สหายข้าเจ้าต้องเตรียมตัว 

  ซือหยูมององค์หญิงหกนางเป็นดั่งพยัคฆ์ที่มิอาจควบคุม นางเปลี่ยนไปมากและมีจิตใจที่เยือกเย็น มีนางเป็นพวกหมายถึงการใช้พลังที่ไม่มีใครเทียบได้ของนางได้ แต่พวกเขาก็เสี่ยงที่จะถูกนางแว้งกัดได้ทุกเมื่อเช่นกัน

   ข้ามีแผน    ซือหยูกล่าว

   เจ้าจัดการเรียบร้อยหรือยัง? 

   ข้าทำทุกอย่างที่เจ้าบอกข้าในหนึ่งเดือนที่ผ่านมาไม่มีใครอีกแล้วในเมืองชมทะเล 

  ซือหยูพยักหน้าเบาๆ

   ดีเราไม่ต้องกลับไปเมืองชมทะเลอีกแล้ว เราจะตรงไปหาเมืองหลวง 

  เทพอสูรเนตรม่วงพยักหน้ามองทิศทางที่ข้ารับใช้อันดับสามหนีไป

   ถึงเวลาที่ต้องไล่ตามแล้วรอข้าสักครู่ 

  แสงสีม่วงแล่นผ่านเขาไล่ตามอย่างรวดเร็ว

  ผ่านไปสักระยะ…

  องค์หญิงหกกับเทพอสูรเนตรม่วงกลับมาในเวลาไล่เลี่ยกันข้ารับใช้ที่เหลือล้มเหลวในการหลบหนีและถูกสังหารเรียบร้อย

  ซือหยูเห็นทุกอย่างเทพอสูรเนตรม่วงไปทีหลังองค์หญิงหก แต่ทั้งสองกลับมาแทบจะในเวลาเดียวกัน

  เทพอสูรเนตรม่วงสังหารข้ารับใช้อันดับสามได้อย่างรวดเร็ว!

  เขาคือเทพอสูรเนตรม่วงของจริงยามที่จะต่อสู้ เขาคาดเดากระบวนท่าถัดไปของศัตรูได้ทุกครั้ง และยังรู้จุดอ่อนของศัตรูอีกด้วย

  การต่อสู้กับศัตรูเช่นนี้คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดที่คิดได้แล้ว

  ทายาทของเขา…จะได้รับสืบทอดวิถีเทพจากเทพอสูรเนตรม่วงเพียงใดกัน….และจะมีประโยชน์ต่อซือหยูมากเพียงใด

   ถึงพวกมันจะตายไปแล้วเราก็ปิดบังความตายของพวกนางจากมเหสีหยุนเซี่ยไม่ได้นานนัก 

  ซือหยูมององค์หญิงหก

   ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะถูกต้องสงสัยว่าเป็นกบฏกลับไปเตรียมตัวให้พร้อมซะ ข้าจะไปเมืองหลวงกับเทพอสูรเนตรม่วง 

  องค์หญิงหกพยักหน้าเหตุผลที่นางต้องอยู่ดูซือหยูที่เมืองชมทะเลก็เพราะนางต้องการยืนยันว่าเขาเชื่อถือได้หรือไม่

  ตอนนี้เขาถูกมเหสีหยุนเซี่ยสั่งฆ่าแล้วเขาจะต้องเป็นผู้ที่ไม่ได้ร่วมมือกับมเหสีหยุนเซี่ยแน่นอน นางจึงร่วมมือกับเขาได้อย่างสบายใจ

  การยึดอำนาจกำลังจะเกิดขึ้นนางต้องรีบกลับไปเตรียมกำลัง

   ตกลง!หลังจากหนึ่งเดือน เราจะไปเจอกันที่เมืองหลวง! 

  องค์หญิงหกหันหลังกลับ

  ซือหยูเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด

   ช้าก่อนข้ามีคำแนะนำให้เจ้า 

   เอ๋? 

  องค์หญิงหกหันมามองเขาด้วยรอยยิ้ม

   เทพตำราเชื่อใจไม่ได้ใครที่เชื่อใจมันจะถูกมันหลอกใช้และตายในที่สุด! 

  ซือหยูกล่าว

   ข้าขอเตือนให้เจ้ากำจัดมันเดี๋ยวนี้โดยไม่ลังเล!นี่ยังเป็นการช่วยกำจัดคู่ปรับให้ข้าด้วย 

  องค์หญิงหกไม่ตอบนางกล้าใช้งานเทพตำรา นั่นหมายความว่านางต้องมีสิ่งที่จะใช้กำจัดเทพตำรา

  ถ้าหากไม่มีองค์หญิงหกก็เป็นไปไม่ได้ที่เทพตำราจะหายจากพลังของเทพกาลกิณี

   หากเจ้ารู้สึกว่ากำลังกุมสิ่งที่มีค่าต่อเทพตำราเอาไว้อยู่ข้าก็พูดได้แค่ว่า…องค์หญิงหก ความตายของเจ้าอยู่ไม่ไกลแล้ว 

  ซือหยูส่ายหน้า

   เจ้านั่นมิอาจเชื่อใจมิอาจควบคุม 

  ซือหยูขว้างหยกให้องค์หญิงหก

   ถ้าเจ้าเชื่อใจข้าก็ทำตามข้อความในหยกนั่น 

  จากนั้นซือหยูกับเทพอสูรเนตรม่วงจึงรีบกลับไป

  องค์หญิงหกคว้าหยกมาอ่านนางครุ่นคิดและยกมือขึ้นตบหน้าอกตัวเอง นางกระอักเลือดออกมา

  นางหน้าซีดอย่างรวดเร็วความเจ็บปวดแสดงบนใบหน้า

  นางก้าวพริบตากลับแดนจิงเสวียนในสภาพนั้น

  ทันทีที่กลับตำหนักเทพตำรารีบมาหานางและเห็นว่านางบาดเจ็บ

   ส่งคำสั่งไปให้คนที่ดูแลเมืองนี้มาที่นี่อย่างลับ ๆ เพื่อคุ้มกันข้า 

  เทพตำราตอบ

   ได้! 

  องค์หญิงหกมองแผ่นหลังเทพตำราด้วยสายตาเย็นชา

  …

  เจ็ดวันต่อมา

  เมฆาพลังเคลื่อนคล้อยเหนือเมืองชมทะเลพลังมหาศาลเอ่อล้น

  เทพหลายคนยืนตระหง่านสวรรค์   เจ้าเมืองชมทะเลสังหารทูตพิเศษของท่านมเหสีความผิดนี้มิอาจอภัยได้! 

   ศาลอสูร! 

   เจ้าเมืองเราฆ่าทูตของท่านมเหสีไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? 

   ต้องเป็นฝีมือพวกศาลอสูรพวกมันไม่คิดจะยอมแพ้หลังจากพยายามจับตัวเจ้าเมืองเราในครั้งที่แล้ว ตอนนี้พวกมันยังคิดจะใส่ร้ายเจ้าเมืองเรา! 

  ชาวเมืองตั้งคำถามอยู่อย่างนั้นแต่ไม่มีใครกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดแห่งศาลอสูร

  ฟึ่บ!

  มองเมืองชมทะเลชาวเมืองตกใจที่เทพมากมายมายังอาณาเขตเมือง

  เทพที่มาช่วยในครั้งนี้คือเมฆาอสูร

   มันหนีไปแล้ว! 

  หลังจากค้นหาคนในตำหนักไม่เจออะไรเลย เหลือเพียงแต่คนที่ไม่เกี่ยวข้อง  ด้านหลังเขาคืออสูรโลหิตที่มีดวงตาดุร้ายเขาพูดด้วยความโกรธเกรี้ยว

   เจ้าอสูรนี่เจ้าเล่ห์นักมันหนีไปหลังจากสังหารข้ารับใช้มเหสี มันกำลังซ่อนตัวอยู่! 

  หลายคนในตำหนักรู้ว่าอสูรที่นำศาลอสูรมานั้นก็คือเมฆาอสูร

  พวกเขาไม่รู้ว่าทำไมแต่เพียงแค่ครึ่งปี เมฆาอสูรก็ได้เปลี่ยนจากอสูรที่แข็งแกร่งแห่งแดนจิงหยูสู่ศาลอสูร

   ฮื่ม!ทุกแห่งล้วนเป็นของจักรพรรดิอสูร มันจะหนีไปได้ได้? สั่งการไปว่าอสูรขนนกกับเทพอสูรเนตรม่วงคือผู้ต้องหาระดับหนึ่งของศาลอสูร! 

   ขอรับ! 

  เมฆาอสูรถอนหายใจแรง

   เมื่อไหร่ที่ศาลอสูรจับมันได้้ข้าจะ…ข้าต้องกินมันทั้งเป็น! 

  คำสั่งประกาศผู้ต้องหาส่งไปยังทุกเมืองอย่างรวดเณ็วไม่ว่าซือหยูจะไปที่ใดจะต้องมีกำลังท้องถิ่นคอยจับตัวแน่นอน เพราะไม่มีใครบนโลกที่อยากจะถูกลงโทษโดยศาลอสูร

  ด้วยเครือข่ายข่าวที่กว้างใหญ่ไพศาลซือหยูผู้ไม่มีที่ให้หลบซ่อนได้ปรากฏตัวในเมืองหลวง!

  ในเรือนที่ไม่สะดุดตาว่าที่เทพสามคนที่อยู่ในเมืองหลวงมาครึ่งปีกำลังสอดส่องบ้านหลังหนึ่งด้วยความจริงจัง

  มีกลุ่มว่าที่เทพเจ็ดคนเดินเข้าบ้านหลังนั้น

  ซือหยูนั่งอยู่ในห้องและพบกับว่าที่เทพทั้งเจ็ดทีละคน

  ในวันที่ว่าที่เทพร้อยคนถูกเอาตัวกลับมาเฉียนจุนนำกำลังไปทำภารกิจลับในการสืบข่าวให้กับซือหยูสามสิบคน

  ส่วนอีกเจ็ดสิบนั้นถูกซือหยูส่งมายังเมืองหลวงตั้งแต่หกเดือนก่อนเขาจัดการจุดอย่างล่วงหน้า

  ที่หลบภัยนี้เองก็ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า  คงไม่มีใครคิดว่าอสูรขนนกที่เป็นผู้ต้องหาแห่งโลกอสูรจะอยู่ใต้จมูกของมเหสีหยุนเซี่ยนี่เอง

  เขาแบ่งเจ็ดสิบคนเป็นสิบกลุ่มแต่ละกลุ่มมีราวเจ็ดคน เขามาที่นี่ก่อนเพื่อรับข่าวและจัดการทุกสิ่งที่ต้องทำ

  ในตอนนี้เขากำลังฟังรายงานจากสายลับที่สืบข่าวมาครึ่งปี

  สิ่งแรกที่เขาถามย่อมต้องเป็นวิธีออกจากโลกอสูร…แท่นบูชาโบราณ

   นายท่านแท่นบูชามีขุนพลศาลอสูรสามคนคุ้มกันอยู่ พวกมันแข็งแกร่งมาก เทียบได้กับเมฆาอสูร 

  ซือหยูขมวดคิ้วเล็กน้อยซือหยูเคยเห็นพลังของเมฆาอสูรกับตา หากทั้งสามร่วมมือกัน เขาจะไม่มีทางเอาชนะได้เลย

  ที่แท่นบูชานี้เหล่ารัชทายาทจะหาทางยึดที่นี่เป็นอันดับแรกในแผนยึดอำนาจ นั่นก็เพื่อทำให้มั่นใจว่าจะมีทางหนีทีไล่ ซึ่งซือหยูจะไม่ต้องกังวลมากนักตั้งแต่เริ่มการก่อกบฏ

  ต่อมาจึงเป็นเรื่องข่าวคราวของจักรพรรดิอสูรและมเหสีหยุนเซี่ย

   เมืองหลวงมีข่าวลือว่าจักรพรรดิอสูรไม่ปรากฏตัวมาหลายร้อยปีแล้วจักรพรรดิอาจถูกมเหสีหยุนเซี่ยควบคุมอยู่ด้วยวิธีการบางอย่าง ตอนนี้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในแดนอสูรถูกมเหสีหยุนเซี่ยบงการไว้หมดแล้ว 

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท