สามชั้นบนสุดของหอคอยดีพบลูถือเป็นพื้นที่ส่วนตัวของชารอน ซึ่งเป็นความพึงพอใจส่วนตัวของนาง สถานที่นี้เป็นสถานที่ต้องห้ามไม่ให้ผู้ใดรุกล้ำเข้าไปเป็นอันขาด—โกเล็มเป็นผู้รักษาความปลอดภัยที่มีพลังพอ ๆ กับวอริเออร์เลเวล 15 มันจะโจมตีทันทีหากมีใครรุกล้ำเข้ามา และถึงแม้จะผ่านด่านรักษาความปลอดภัยเข้าไปด้านในได้ก็จะต้องเผชิญหน้ากับแกรนด์เมจที่อยู่ข้างในอีก 12 คน รวมถึงชารอนผู้ยิ่งใหญ่ด้วย หากใครมีความประสงค์จะเข้าไปก็สามารถทำได้ แต่ก็ต้องรับรู้ด้วยว่าอาจจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งน่ากลัวที่รออยู่ภายในนั้น
ตอนนี้ในพื้นที่ส่วนตัวของชารอนนั้นเกิดเสียงกรีดร้องเป็นระยะ ๆ ขึ้นในทางเดินที่มืดและยาว เสียงกรีดร้องโหยหวนจะดังก้องไปทั่วจนทำให้รู้สึกขนหัวลุกเป็นอย่างมาก ทว่าเหล่าคนที่รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับแสดงสีหน้าท่าทางที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
มินนี่ปรากฏตัวที่ส่วนท้ายของทางเดิน จากฝีเท้าที่เร่งรีบของนาง ริมฝีปากที่เม้มไว้แน่น คิ้วที่ขมวดเขาหากันอย่างเคร่งเครียด และร่างกายที่สั่นเทา ก็เห็นได้ชัดว่านางกำลังเร่งรีบเพื่อหนีออกจากสถานที่ที่เต็มไปด้วยความมืดแห่งนี้ด้วยความรวดเร็ว ตัวนางนั้นถือว่ายังมีความเป็นเด็กอยู่เพราะยังไม่คุ้นชินกับสถานที่มืดสักเท่าไหร่นัก ความมืดมนและความชื้นภายในสถานที่นี้เป็นความประสงค์ของชารอนผู้ยิ่งใหญ่ นางจงใจให้เป็นเช่นนี้ ไม่เคยมีใครกล้าที่จะออกความเห็นหรือต่อต้านการตัดสินใจนี้มาก่อน
มินนี่จำเจ้าของเสียงกรีดร้องที่ดังลั่นไปทั่วนี้ได้ นางยิ้มเยาะพร้อมกับค่อย ๆ เดินไปตามทางเดิน ในส่วนหลังสุดของพื้นที่มืดนี้เป็นพื้นที่หลายพันตารางเมตร ภายในนั้นมีห้องขังจำนวนกว่า 12 ห้อง แต่ละห้องมีขนาดและหน้าที่แตกต่างกันออกไป แรนดอล์ฟถูกผูกไว้กลางห้อง แขนของเขาถูกยืดเหยียดออก เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ และร่างกายท่อนล่างเขาถูกเปลือยออก แส้ยาว 5 เมตรฟาดเข้าที่หลังของเขาอย่างไร้ความปราณี
ในห้องนั้นมีชายผิวดำที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่เป็นเงาซึ่งสวมกางเกงขาสั้นที่มีรอยขาดด้านข้างเปื้อนไปด้วยโคลนสีน้ำตาลขนาดใหญ่ มีความเป็นไปได้ว่ารอยเปื้อนนั้นอาจจะเป็นเลือดที่แห้งกรังของมนุษย์หรือสัตว์
หากมองข้ามฉากโหดร้ายตรงหน้านี้ไปก็จะสังเกตเห็นว่าผู้คุมคนนี้มีทักษะที่เก่งกาจ แส้ยาวเหยียดที่สะบัดไปมากลางอากาศนั้นฟาดเข้าที่ก้นของแรนดอล์ฟอย่างรุนแรงซ้ำไปซ้ำมา มันประทับรอยแผลเป็นสีแดงก่ำไว้ที่ก้นขาว ๆ ของแรนดอล์ฟอย่างเห็นได้ชัด รอยแผลเป็นบวมปูดที่ปรากฏนี้ไม่ถึงกับแตกเป็นแผลฉีกขาด แต่นั่นทำให้แรนดอล์ฟรู้สึกได้ถึงความทรมาน เมื่อยืนห่างออกไป 4 เมตร ผู้คุมก็หยุดการทำโทษลง ก้นของแรนดอล์ฟเกือบทุกส่วนปกคลุมไปด้วยรอยแดงที่เกิดจากการฟาดด้วยแส้ ถึงแม้ว่าจะมีลายเส้นที่เกิดจากการถูกฟาดลงไปประทับอยู่บนก้นของเขามากมาย แต่ผิวหนังของเขาก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เกิดการฉีกขาดแต่อย่างใด จากระยะไกลดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นการสร้างศิลปะแบบแอบสแตรก ศิลปะแนวป่าเถื่อน เส้น ลวดลาย และสีสันต่าง ๆ เต็มไปด้วยความงามอันลึกลับที่ดูใกล้จะสมบูรณ์แบบ ซึ่งผลงานชิ้นนี้ทำให้เห็นว่าผู้คุมผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมาก
ก้นของแรนดอล์ฟบวมเป่ง ใบหน้าของเขาที่ก่อนหน้านี้เคยหล่อเหลาบัดนี้มันเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและน้ำลายเปรอะเปื้อนอยู่ทั่ว ในฐานะของเมจที่โดดเด่นซึ่งมาจากตระกูลขุนนางทำให้เขามีความกล้าหาญและมีความอดทนในระดับสูง แต่การลงโทษของที่นี่ได้รับการออกแบบให้ดุเดือดเพื่อการลงโทษเผ่าอย่างสิ่งมีชีวิตจากนรก ปีศาจร้าย มังกรที่น่ากลัว อสูรเลือดผสม และคนแคระเกย์ แต่สำหรับมนุษย์โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้มีลักษณะทางกายภาพที่แข็งแกร่งแล้ว การลงโทษเหล่านี้สามารถทำให้พวกเขาจบชีวิตได้ง่าย ๆ แม้จะเจอน้ำแค่ถังเดียวก็ตาม—ยกตัวอย่างเช่น แส้ที่ฟาดเข้าที่ก้นของแรนดอล์ฟนี้เป็นแส้แบบเบาที่สุด ใช้ฟาดด้วยวิธีที่นุ่มนวลที่สุด แต่ก็ยังทำให้แรนดอล์ฟแทบจะหมดสติได้เลย ห้องขังแต่ละห้องจะมีวิธีทรมานที่ต่างกันออกไปรวมทั้งสิ้นถึง 16 แบบ แต่พวกเขาเคยใช้ได้มากสุดก็ถึงห้องที่ 9 เท่านั้น
หลังจากการลงโทษ ร่างกายของแรนดอล์ฟเกิดอาการกระตุกขึ้น ทว่าถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะสั่นเทา แต่เขาไม่สามารถเป็นลมในตอนนี้ได้ ความเจ็บปวดระทมทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเขาอย่างรุนแรงนี้แผ่ซ่านเข้าสู่จิตสำนึกของเขาอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกราวกับว่าเขาจะต้องตายในไม่ช้า ส่วนที่น่าขายหน้าที่สุดคือความจริงที่ว่าการบาดเจ็บทั้งหมดของเขาอยู่ในพื้นที่ที่มินนี่เคยเตือนเขาไว้ก่อนหน้านี้ว่าให้ดูแลให้ดี ๆ นั่นคือ ‘ก้นของเขา’ ความอับอายในครั้งนี้ทำให้เขาแทบเสียสติ แม้เขาจะสูญเสียความแข็งแกร่งของตัวเอง ทว่าก็ต้องขอบคุณความแข็งแกร่งของเขาที่ทำให้เขาทนได้จนวินาทีสุดท้าย และในที่สุดก็เสร็จสิ้นการลงโทษ นี่จะไม่ทำให้เขาถูกดูถูกเหยียดหยาม สิ่งที่เลวร้ายที่สุดได้ผ่านไปแล้ว สิ่งที่เขาหวังคือจะไม่มีใครได้เห็นสภาพนี้ของเขาโดยเฉพาะชารอน เพราะสิ่งนี้อาจส่งผลเสียต่อตำแหน่งของเขาในฐานะลูกศิษย์ของนางได้
ทันทีที่เขาคิดเช่นนั้น เขาก็เกิดอาการสั่นไหวขึ้น หากเขาถูกเตะออกจากดีพบลูล่ะ ?… เขาแทบไม่อยากจะคิดถึงชีวิตของเขาหลังจากนั้นเลย ไม่มีใครสามารถทนรับสภาพของตัวเองที่เสมือนตกลงมาจากที่สูงได้ เขาตระหนักได้ว่าการที่เขามาถึงขั้นนี้ได้ก็เป็นเพราะพื้นหลังของครอบครัวเขาที่ช่วยผลักดันและสนับสนุนให้เขากลายเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของชารอนจนทำให้เขาพิเศษกว่าคนอื่นๆ แต่นั่นไม่ได้เกี่ยวกับความสามารถหรือลักษณะภายนอกของเขาเลยแม้แต่น้อย ในเวลานั้น ความกลัวและความเสียใจเข้าครอบงำเขาไว้จนทำให้เขาลืมที่จะสาปแช่งก้นของมินนี่ไปชั่วขณะ
…
ทาสผิวดำหมอบอยู่ในห้องที่โปรดปรานของชารอน เขากำลังทำหน้าที่เสมือนโต๊ะวาง มีหม้อขนาดใหญ่ทำจากทองคำอยู่บนหลังของเขา หม้อนั้นเต็มไปด้วยผลไม้หลากหลายชนิด ผลไม้บางชนิดมีลักษณะอวบอิ่มและมีเสน่ห์ ในขณะที่บางชนิดก็บิดเบี้ยวผิดรูป อีกทั้งยังมีสีที่แปลกประหลาด ผลไม้หลายชนิดไม่ได้อยู่ในช่วงฤดูกาล และบางส่วนก็เป็นผลผลิตที่มาจากเพลนอื่น ส่วนของแก้วคริสตัลที่ยกขึ้นตรงกลางมีผลไม้ที่มีคุณค่าบางชนิด ผลไม้ที่วางอยู่ในส่วนนี้ได้รับการปกป้องจากสัตว์ร้ายที่ทรงพลัง ผลไม้ครึ่งตันถูกเสริฟเป็นของว่างให้กับชารอนตลอดทั้งวัน
ชายคนหนึ่งก้าวไปข้างหน้าอย่างหนักแน่น เดินผ่านถนนที่เต็มไปด้วยกรวด ผ่านป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ เขาเดินทางผ่านที่ราบกว้างใหญ่ก่อนที่จะมาถึงทะเลสาบที่มีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่ข้าง ๆ มันเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ดูเรียบง่ายและบริสุทธิ์ ซึ่งไม่เหมือนหม้อที่ดูหรูหราและเต็มไปด้วยออร่าที่ให้ความอุ่นสบายตั้งแต่แรกเห็น
ชารอนเอนกายอยู่บนโซฟา ผลไม้กำลังถูกส่งเข้าสู่ปากของนางจากหม้อทองคำที่คล้ายกัน ในเวลานี้หม้อนั้นก็เกือบจะว่างเปล่าแล้ว ทาสจึงได้นำหม้อใบใหม่ซึ่งเต็มไปด้วยผลไม้ขนาดเป็นตันมาวางแทนที่ของเก่า แม้ว่าที่นี่จะเป็นห้อง ทว่ามันก็ยังเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าหนึ่งพันตารางเมตร มีระบบนิเวศวิทยาที่สมบูรณ์ รวมถึงระบบทำความร้อนในตัวเองซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ที่นี่กลายเป็นป่าเขาที่สะดวกสบาย
แกรนด์เมจ 2-3 คนยืนอยู่ข้างโซฟาของชารอนพร้อมกับรายงานสิ่งสำคัญภายในดีพบลูให้นางฟังอย่างต่อเนื่อง พวกเขาผลัดกันรายงานตามสถานะข้อมูล ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับเรื่องการเงิน แรนดอล์ฟและริชาร์ด
ขณะที่หนึ่งในนั้นกำลังรายงานถึงการเงินของดีพบลูในช่วงฤดูหนาวที่ผ่านมา การรายงานนั้นยังไม่ทันจะได้จบลง เชอร์รี่ที่ควรจะเข้าปากของชารอนก็หยุดอยู่กลางอากาศ นางจ้องมองแกรนด์เมจด้วยสายตาดุดัน สายตาที่คุกคามและน่ากลัวนั้นทำให้ทุกคนที่อยู่รอบข้างเกิดอาการตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว นางจ้องมองพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกใจว่า “หืม ? เราขาดทุนในฤดูหนาวที่ผ่านมางั้นรึ ?”
ผู้ที่รายงานเกี่ยวกับการเงินแตกต่างไปจากคนอื่น ๆ เขาเป็นคนแคระเกรย์ซึ่งถือเป็นจุดบอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เผ่าพันธุ์ของเขามีน้อยคนที่มีเวทมนตร์ ดังนั้น พวกเขาจึงมีแกรนด์เมจเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ทว่านิสัยที่พิถีพิถันของพวกเขาทำให้พวกเขามีความสามารถด้านการเงินมากเป็นพิเศษ
คนแคระผู้นั้นรีบก้มศีรษะลงเพื่อหลบสายตาที่น่ากลัวของชารอนพร้อมกับกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงระมัดระวังว่า “ครับ แต่เราขาดทุนไปเพียง 60,000 เหรียญ เท่านั้น”
ชารอนกล่าวแทรกขึ้นมาอย่างฉับพลัน “นั่นก็ถือว่ายังขาดทุนอยู่ดี ! ข้าจำได้ว่าข้าปล้นมังกรยักษ์จำนวนหนึ่งไปเมื่อกลางปีที่แล้ว อีกทั้งยังนำส่วนนี้เก็บไว้สำหรับจัดการภายในดีพบลู เหตุใดเจ้ายังทำให้มันขาดทุนอีก ? ตรวจสอบดีแล้วหรือยัง ?”
“ข้าได้หาสาเหตุแล้ว แต่…” คนแคระกล่าวพึมพำออกมาโดยที่ไม่กล้าพูดต่อ
“ว่าต่อสิ !” ชารอนเปล่งเสียงดังออกมาอีกครั้ง
ทันใดนั้น เขาก็กัดฟันเปล่งเสียงตอบออกไปด้วยความเกร็งว่า “ช่วงที่ท่านอารมณ์ดีก่อนหน้านี้ มาสเตอร์…”
มนุษย์เมจผู้หนึ่งก้าวเท้าออกมาพร้อมกับกล่าวว่า “เราได้ทำการทำโทษแรนดอล์ฟตามที่ท่านสั่งไว้แล้ว ท่านจะให้พวกเราทำอย่างไรต่อไป ? ”
“เจ้าคิดว่าไงล่ะ ?” ชารอนถามอย่างเกียจคร้านขณะที่นางเล่นผลไม้ในมืออย่างไม่แยแส
ชายผู้นั้นตอบกลับไปว่า “ความสามารถของเขาไม่ได้แย่นัก และในการทดสอบ เขาก็ได้รับการประเมินอย่างยอดเยี่ยม ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นบุตรชายของดยุกโซแลมแห่งจักรวรรดิเซเคร็ดทรี และมาสเตอร์เคลาส์ก็เคยยืนยันว่าความสามารถของเขาเทียบเท่าได้กับรูนมาสเตอร์ ข้าคิดว่าเราควรจะเก็บเขาไว้ก่อน”
เลเจนดารี่เมจกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า “เคลาส์กล้าเรียกตัวเองว่ามาสเตอร์ ? ข้าได้ยินว่าเขาเพิ่มคำว่า ‘เซนต์’ ไว้หน้าชื่อตัวเองด้วย เหอะ ขยะเก่า ๆ นั่นเคยประเมินคนถูกด้วยเหรอ ? เรามีรูนมาสเตอร์ที่เก่งกาจในอนาคตแล้ว ทิ้งขยะนั่นไปซะก่อนที่เราจะต้องสูญเสียทรัพยากรให้กับคนแบบนั้นไปมากกว่านี้ เราสูญเสียไปมากพอแล้วสำหรับฤดูกาลที่ผ่านมา…ส่งแรนดอล์ฟไปตามแผนการเดิมของเรา”
“แต่เขาเป็นบุตรชายของดยุกโซแลม …” เมจมนุษย์กล่าวเตือนออกมา ดยุกโซแลมถือเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างมากในจักรวรรดิเซเคร็ดทรี พลังอำนาจของเขาแผ่กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ เขาเป็นที่รู้จักในนามของ — ผู้ฆ่ามังกร ผู้สังหารปีศาจ และนักฆ่าจากนรก — การได้รับฉายาดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นขั้นที่ใกล้จะก้าวเข้าสู่การเป็นเลเจนดารี่ ซึ่งนั่นหมายความว่าหากเขาเปิดสงครามกับชารอน เขาก็คงจะไม่แพ้ง่าย ๆ
ชารอนโบกมืออย่างไม่สนใจพร้อมกับพูดตัดบทขึ้นว่า “เด็กคนนั้นเป็นบุตรชายของโซแลม แต่เขาก็ไม่ใช่บุตรเพียงคนเดียว ข้ามั่นใจว่าภรรยาอีก 11 คนที่เหลือของเขาจะช่วยเหลือเรา ข้าจำได้ว่าลูกของเขาอีก 2 คนมีความเก่งกาจเพียงพอที่จะไม่ทำให้ข้าขายหน้า เปิดช่องทางนี้ไว้ให้เขา ขอเพียงแค่โซแลมยอมเพิ่มเงินสนับสนุนอีกครึ่งหนึ่งจากที่เขาเคยให้”
“นั่นเพียงพอที่จะไม่ทำให้ขาดทุนใช่หรือไม่ ? ” ชารอนหันไปหาคนแคระเกรย์ พร้อมกับเอ่ยถาม
ชายผู้นั้นคำนวนอย่างรวดเร็ว ทว่าเขาก็ยังขมวดคิ้วพร้อมกับตอบกลับมาว่า “มันสามารถทำให้เราปลอดภัยในช่วงฤดูใบไม้ผลิเท่านั้น เพราะท่านกล่าวว่าอารมณ์ของท่านจะดีขึ้น”
ชารอนเริ่มจริงจังกับการค้นหาผลไม้ที่อยู่ในหม้อ นางค้างมือไว้อยู่ในหม้อพร้อมกับกล่าวออกมา “อารมณ์ของข้า…ข้าควบคุมมันไม่ได้ เราควรทำอย่างไรในตอนนี้ ? แม้แต่มังกรเองก็เริ่มแย่หลังจากข้าไปเยี่ยมพวกมันเมื่อปีที่แล้ว ดูเหมือนว่าในตอนนี้เราก็จะไม่ได้ผลประโยชน์อะไรจากมันเท่าไหร่นัก และยิ่งตอนนี้พวกมันก็ขยับหนีออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ด้วย มันเริ่มยากที่จะตามหา…”
คนแคระกล่าวแนะนำขึ้นมาด้วยคำพูดที่ระมัดระวังว่า “ทำไมถึง…ไม่เพิ่มโควต้าศิษย์ส่วนตัวที่จ่ายค่าใช้จ่ายด้วยตัวพวกเขาเองล่ะ ?”
เมจเฒ่าผู้หนึ่งพูดแทรกขึ้นก่อนที่ชารอนจะตอบกลับมาว่า “ทำเช่นนั้นไม่ได้ ! การได้รับเกียรติจากท่านชารอนถือเป็นสิ่งที่สูงส่งและล้ำค่ามาก เจ้าจะเอาจุดขายนี้ออกไปได้อย่างไรกัน ? คนเดียวยังพอว่า แต่ถ้ามากกว่านั้นล่ะ ? ศิษย์ส่วนตัวที่ไม่มีความสามารถในการรักษาสถานะของพวกเขาอย่างจริงจังจะสร้างความเสียหายอย่างมากต่อชื่อเสียงของดีพบลู รวมถึงความยิ่งใหญ่ของท่านชารอน !”
“นี่เจ้าเป็นกังวลถึงเรื่องขาดผลประโยชน์ก่อนที่จะกังวลถึงเรื่องชื่อเสียง ! หลังจากนี้เหล่าอัจฉริยะจะต้องต่อสู้เพื่อที่จะได้เป็นผู้ฝึกหัดของท่านชารอน ไม่ว่าพวกเขาจะจ่ายหรือไม่ก็ตาม เจ้าอยากจะให้มาสเตอร์ที่สง่างามที่สุดต้องโมโหอย่างนั้นรึ ? นางมีศิษย์ฝึกหัดที่พร้อมจะเป็นรูนมาสเตอร์ในอนาคตแล้ว ซึ่งนั่นจะเป็นแรงจูงใจให้คนอื่นๆพัฒนามากขึ้นโดยปริยาย !”
คนแคระผู้นั้นที่กำลังตั้งท่าจะพูดออกมาถูกชารอนโบกมือห้ามให้เขาเงียบเสียงลง ทำให้เมจทั้งสองต้องรอคำพูดของนางขณะที่นางกำลังตัดสินใจว่าจะยอมสูญเสียทางการเงินหรือชื่อเสียง นางใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจออกมาด้วยความจำใจว่า “เพิ่มโควต้าให้กับศิษย์ส่วนตัวที่ยอมจ่ายค่าเรียนด้วยตนเอง”
สุดท้ายนางก็เลือกตัดสินใจเช่นนี้
ชารอนรีบเบี่ยงเบนความสนใจโดยการเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องของริชาร์ดอย่างรวดเร็ว “เอาล่ะ ตอนนี้มาดูกันว่าเซนต์รูนมาสเตอร์ในอนาคตของพวกเราได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง” เรื่องเคร่งเครียดเกี่ยวกับการเงินแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องของริชาร์ดผู้ที่กำลังจะถูกเลื่อนขั้นเป็นว่าที่เซนต์รูนมาสเตอร์อย่างฉับพลัน