ข้าไม่รู้ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใด!
ลี่หยิงมองซือหยูด้วยความเวทนา
ข้าเห็นตอนที่เจ้าฝ่าวิบัติแล้วอย่างมากเจ้าก็มีพลังเพียงว่าที่เทพขั้นกลางเท่านั้น
เจ้าอาจจะเอาชีวิตรอดจากกระบวนท่าเดียวของข้าไม่ได้น่าเวทนานัก
ฟึ่บ!
ลี่หยิงหายตัวไปเหลือเพียงเสียงสะท้อนในคำพูดของเขา
เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้ง คำพูดอันเย็นชาของเขาก็ดังในหูของซือหยู
เพราะเจ้าจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าตายยังไง!
ลี่หยิงกล่าว
พลังเทพของว่าที่เทพขั้นสูงรวบรวมที่ดัชนีของเขาความบริสุทธิ์ของมันไม่ได้แตกต่างไปจากพลังของเทพเลย
ครั้งนี้ซือหยูมิได้ก้าวพริบตาเพื่อหลบ เขายื่นมือขวาช้า ๆ ปะทะกับดัชนีที่มีพลังเทพโดยไม่แม้แต่หันหน้ามอง
ไม่มีเสียงดังสะท้านหูเกิดขึ้นมีเพียงเสียงดังเบา ๆ ระหว่างทั้งสองเท่านั้น
ร่างซือหยูมิได้แตกสลายจากพลังว่าที่เทพขั้นสูงของลี่หยิงอย่างที่ทุกคนคาดคิด
ทั้งสองยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
แต่เมื่อผ่านไปเพียงครู่สั้นๆ ซือหยูก็ลดมือขวาลงอย่างไร้อารมณ์ มังกรดำแล่นผ่านไปตรงหน้า
ซือหยูถอนหายใจอย่างแผ่วเบา
จงตายอย่างสงบแม้จะไม่รู้ว่าเจ้าตายอย่างไรก็ตาม
แกรก!
เมื่อซือหยูพูดจบผิวกายของลี่หยิงหลุดออกจากใบหน้าของเขาราวกับเปลือกแข็งกลิ่นอายของความตายเอ่อล้นออกมา
ด้านในกายถูกทำลายด้วยพลังมรณะดวงวิญญาณของเขาหายไปแล้ว เหลือเพียงเปลือกกายหยาบที่ว่างเปล่า
ว่าที่เทพขั้นสูงถูกสังหารด้วยฝ่ามือเดียวทั้งอย่างนั้น!!!
ทุกคนที่มองดูการต่อสู้ตัวแข็งทื่อ
ท่านเจ้าเมืองมีพลังระดับใดกันแน่?
ข้าคิดว่าท่านเจ้าเมืองเพิ่งจะเป็นเซียนนะ
โอ้ย!ฝ่ามืออะไรกัน! ต่อให้ลี่หยิงโดนพลังเต็มที่จากว่าที่เทพขั้นสูงด้วยกันเอง เขาก็น่าจะมีพลังตอบโต้ เขาไม่น่าจะตายเช่นนี้ แต่ลี่หยิงหลบฝ่ามือท่านเจ้าเมืองไม่ได้แล้วถูกสังหารในพริบตา!
ชาวเมืองชมทะเลตัวสั่นเพราะพลังอันมหาศาลของเจ้าเมืองพวกเขาตื่นเต้นขึ้นมาก
ยิ่งเจ้าเมืองแข็งแกร่งเท่าใดเขาก็จะยิ่งช่วยให้เมืองชมทะเลเจริญรุ่งเรืองได้มากเท่านั้น
ฮ่าๆๆๆ!ได้ยินว่าเจ้าเมืองทีแรกมีพลังระดับอสูรเนรมิตร ข้าหวั่นใจนัก แต่กลายเป็นว่าเจ้าเมืองของเราเป็นว่าที่เทพขั้นสูงที่ซุกซ่อนพลังเอาไว้!
ถูกเผงไม่แปลกเลยที่องค์หญิงเก้าวางใจให้ท่านเจ้าเมืองดูแลเมืองชมทะเล นั่นก็เพราะเขาปิดบังพลังเอาไว้ มันคือเหตุผลนี้เหตุผลเดียว!
ฮ่าๆๆเจ้าลี่หยิงช่างน่าหัวร่อ มันประเมินตนสูงส่ง กล้าถือดีบังอาจตามล่าเจ้าเมืองของเรา สุดท้ายมันกลับตายด้วยฝ่ามือเดียว มันต่างหากที่ควรได้รับความเวทนาจากพวกเรา
ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มขึ้นอย่างเต็มที่ลี่หยิงที่เป็นผู้เริ่มลงมือก่อนก็ตายไปเสียแล้ว
เมฆาอสูรและเทพอีกสองคนสีหน้าดำมืด
พวกเขาคือคนที่พาลี่หยิงกลับมาจากเมืองจักรพรรดิอสูรเพราะเขาคือทายาทที่แท้จริงเพื่อที่จะครองบัลลังก์เจ้าเมืองชมทะเลสืบต่อไป
แต่เขากลับถูกสังหารในกระบวนท่าเดียวตั้งแต่สงครามจะเริ่มขึ้นด้วยซ้ำ
เทพทั้งสามเห็นการโจมตีอย่างชัดเจนความตายของลี่หยิงนั้นคุ้มค่า แต่เขาก็ตายอย่างไม่ยุติธรรม
มันคุ้มเพราะฝ่ามือนั้นมีพลังอันสุดยอดซึ่งมากพอที่จะกำจัดลี่หยิง
เขาตายอย่างไม่เป็นธรรมก็เพราะว่าถ้าหากเขาระวังตัวมากกว่านี้และไม่ปะทะกับฝ่ามือโดยตรงเขาคงจะไม่ตายอย่างง่ายดาย
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรลี่หยิงก็ตายไปแล้ว
แต่มันคือความตายที่ทำให้พวกเขามีเหตุผลใหม่ในการจู่โจม
กบฏ!
เมฆาอสูรแววตาดั่งสายฟ้าเขาตะโกนใส่ซือหยูด้วยเสียงอันดังก้อง
เจ้าสังหารลูกหลานเทพเจ้าสมควรตายด้วยความผิดมหันต์ พวกเราเป็นเทพแดนจิงหยูจะไม่นั่งรอดูคนชั่วช้าเจ้าเล่ห์อย่างเจ้าทำร้ายเมืองชมทะเล!
เขาตะโกนด้วยคุณธรรมแต่เขาก็ใช้คำพูดเพื่อดูหมิ่นชาวเมืองชมทะเล
เจ้าบิดเบือนความจริง!ไอ้บัดซบลี่หยิงต่างหากที่พยายามจะสังหารท่านเจ้าเมืองแต่ตายแทน เจ้าคิดว่าเจ้าเมืองเราจะนั่งรอให้ตัวเองถูกทำร้ายจนตายเรอะ?
เจ้าต่างหากที่คิดร้ายต่อเมืองชมทะเล!
ใช่แล้วไสหัวไปให้พ้น! เรื่องของเมืองชมทะเลไม่ต้องการเจ้ามายุ่งเกี่ยว!
ชาวเมืองชมทะเลเข้าใจดีหากเมืองถูกพิชิตเมื่อใด พวกเขาจะกลายเป็นหุ่นเชิดของเทพทั้งสาม
แต่ความอาฆาตพยาบาทของชาวเมืองชมทะเลนั้นไม่มีค่าในสายตาของเมฆาอสูรเขาเย้ยหยันกลับ
เจ้าพวกโง่ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยพวกเจ้านะ! เขาจ้องซือหยูในขณะที่พูด
ด้วยนามฝ่าบาทข้ามาเพื่อประกาศต่อโลกว่าข้าจะทำสงครามเพื่อความเป็นธรรมกับอสูรขนนก!
เมฆาอสูรกล่าวอ้าง
หลังจากเหลือบมองเทพอีกสองคนข้างๆ ทั้งสามหันไปมองซือหยูพร้อมกัน พลังเทพของทั้งสามแผ่ออกมาทะลวงสวรรค์ มันกำลังจะสังหารซือหยูให้ตาย
ทั้งสามรู้ว่าหากเรื่องเป็นเช่นนี้พวกเขาก็ทำได้แค่ร่วมมือกันฆ่าซือหยู บุคคลผู้มีคุณสมบัติอันน่าสะพรึงกลัว
มิเช่นนั้นสิ่งที่รอพวกเขาในอนาคตก็มีแต่เพียงฝันร้ายอันไม่รู้จบ
ความสำคัญในการสังหารซือหยูนั้นมากพอๆ กับการชิงตัวองค์หญิงเก้า
ทั้งสามซัดพลังใส่ซือหยูพร้อมกันพลังของเมฆาอสูรนั้นพอ ๆ กับเทพพ่อค้า ซึ่งไม่ใช่พลังที่ซือหยูจะต้านทานได้ แต่ต่อให้เขาทำอะไรไม่ได้คนอื่นก็อาจทำได้
ปั้ง!ปั้ง!
ทั้งสามถูกจู่โจมโดยทันทีลำแสงเทพสี่สายเปล่งประกายซัดลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย มันปลดปล่อยพลังสังหารจากด้านหลัง!
พลังทั้งสี่นั้นมาจากกลุ่มเจ้าดินแดนที่มีเมืองจันทร์ผ่องเป็นผู้นำ
ทั้งสี่ลอบโจมตีอยู่ที่ชายแดนของพื้นที่ตัวเองพวกเขาจับตาดูเหตุการณ์ในเมืองชมทะเลอยู่ตลอดและรอคอยโอกาสดีที่สุดในการเริ่มสังหาร
ทั้งสี่คือสุดยอดไพ่ตายที่ซือหยูเตรียมเอาไว้
การจู่โจมของทั้งสี่นั้นอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเมฆาอสูรและเทพอีกสองคนโดยสิ้นเชิง
พวกเขาคิดว่าต่อให้อสูรจันทร์ผ่องและเทพที่เหลือไม่กล้ามาช่วยพวกเขากลุ่มของอสูรจันทร์ผ่องก็ไม่มีเหตุผลให้จัดการพวกเขา ใช่ไหม?
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันอะไรกัน?กลุ่มอสูรจันทร์ผ่องได้จู่โจมพวกเขาอย่างป่าเถื่อนจากด้านหลัง!
เมฆาอสูรเป็นคนแรกที่ได้สติพลังเทพที่เขาปลดปล่อยออกมาถูกดึงกลับ เขาร้องคำรามด้วยความโกรธแค้นและหันทิศของพลังไปที่ด้านหลัง
เสียงดังขึ้นหนึ่งในผู้ลอบโจมตีถูกพลังของเมฆาอสูร เขากระเด็นและทิ้งแอ่งโลหิตเทพไว้บนพื้น เขาคืออสูรจันทร์ผ่องที่มีโลหิตเต็มปาก
แต่เข็มกระดูกเลือดแดงในมืออสูรจันทร์ผ่องก็ทะลวงฝ่ามือเมฆาอสูรได้สำเร็จเช่นกันเกิดรอยแดงกระจายผ่านฝ่ามือของเขา
พิษสังหารเทพเรอะ?
เมฆาอสูรตกใจแต่เขาก็ไม่ประมาท เขาเรียกพลังมาสะกดพิษทันที อสูรจันทร์ผ่องกระอักเลือดออกมาใบหน้าเขาสะใจ
หึหึ!สมกับที่เป็นเทพอันดับหนึ่งในแดนจิงหยู เจ้าทำร้ายข้าได้แม้จะมีพิษสังหารเทพในกายเจ้า! แต่เจ้าหลีกหนีชะตาอันโหดร้ายวันนี้ไม่ได้หรอก!
อ๊ากกก!
เสียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนาดังพร้อมๆ กัน เจ้าเมืองก้นบึ้งและเจ้าเมืองโป้หมิงตอบสนองไม่ทันอย่างเมฆาอสูร ทั้งสองร่างแตกสลายจากเทพอีกสามคน เหลือเพียงดวงวิญญาณเทพที่หนีไปได้อย่างไร้ร่องรอย
เทพทั้งสามคือเจ้าเมืองไป่ยี่เจ้าเมืองหลิงชิง และเจ้าเมืองฟางไซ่
ทั้งสามไม่คิดจะไล่ตามดวงวิญญาณเทพทั้งสองที่หนีไปทั้งสามยืนเคียงบ่าเคียงไหล่อสูรจันทร์ผ่องและมองเมฆาอสูรจากระยะไกล
ดวงวิญญาณเทพที่ไร้กายหยาบไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องกังวล
เมฆาอสูรต่างหากที่น่ากลัวพวกเขาควรจะระวังเมฆาอสูรมากที่สุด
ฟางไซ่นี่เจ้า…
เมฆาอสูรโกรธแค้นในแววตาก่อนหน้านี้ฟางไซ่คือคนที่อยู่ข้างเดียวกันเขา!
เจ้าเมืองฟางไซ่พูดอย่างไร้อารมณ์
อสูรจันทร์ผ่องสัญญาจะให้ข้ามากพอใช่แล้ว มากกว่าที่เจ้าจะให้
ไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวรมีเพียงผลประโยชน์เป็นที่ตั้งเท่านั้น
ย่อมได้!ย่อมได้! จะไม่มีพวกเจ้าคนใดรอดชีวิตในวันนี้!
เมฆาอสูรตะโกนด้วยความแค้น
ตู้ม!
พลังอสูรอันน่าตกใจระเบิดออกมาจากร่างของเขาเขาจ้องอสูรจันทร์ผ่องด้วยความโกรธเกรี้ยว คิดว่าจะสยบข้าด้วยพิษสังหารเทพเรอะ?ไปลงนรกซะเถอะ!
เขากลายร่างเป็นอสูรยักษ์ที่สูงหมื่นศอก
อสูรจันทร์ผ่องและเทพอีกสามคนสีหน้าหม่นหมองแม้เมฆาอสูรจะมีพิษในร่าง พวกเขาก็ไม่กล้าประมาท พวกเขากลายร่าเงป็นอสูรหมื่นศอกร่างกายอัปลักษณ์เช่นกัน
สัตว์ประหลาดยักษ์ห้าตัวทำการต่อสู้อย่างดุเดือดเหนือน่านฟ้าเมืองชมทะเล
ทุกกระบวนท่าทำลายภูเขาและแม้น้ำจนไม่เหลือซากโลกที่แข็งกล้าอย่างโลกอสูรเริ่มแสดงร่องรอยแตก
เมฆาอสูรคือเจ้าดินแดนอันดับหนึ่งแห่งแดนจิงหยูของจริงแม้จะมีพิษร้ายในร่างกายและเหลือพลังใช้ได้เพียงเจ็ดส่วน พลังการต่อสู้ของเขาก็น่าตกใจเช่นเดิม แม้จะมีเทพอีกสี่คนปิดล้อม เขาก็ไม่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเลย
แต่เมื่อพวกเขาทั้งสี่ร่วมมือกันแล้วพวกเขาตั้งใจที่จะสังหารเมฆาอสูร แม้จะผงะเพราะพลังอันน่ากลัวของเมฆาอสูร พวกเขาก็ยิ่งต้องร่วมมือกันสังหารมากขึ้น
หากพวกเขาปล่อยเมฆาอสูรให้รอดไปได้ในวันนี้มันจะกลายเป็นรากแห่งปัญหาไม่รู้จบและภัยร้ายในภายภาคหน้า!
ไม่ต้องออมมืออีกแล้ว!
อสูรจันทร์ผ่องร้องคำรามราวสายฟ้าเขาพุ่งเข้าไปคนแรกโดยใช้อาวุธอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา เขาใช้วิชาสังหารที่กลืนกินพลังเทพของตัวเอง
เทพอีกสามคนไม่รอช้าทั้งสามใช้พลังสูงสุดของตัวเองออกมา
สงครามครั้งใหญ่ของเหล่าเทพกำลังเปลี่ยนแปลงแล้ว
เมฆาอสูรถูกพลังจากเทพทั้งสี่ระเบิดจนตัวโยนเกิดรอยแผลมากมายที่กว้างนับร้อยศอกทั่วทั้งร่าง โลหิตเทพกระเด็นออกมามากมาย ท้องนภาส่องแสงสีทองสะท้อนโลหิตเทพเหล่านั้นอย่างงดงาม
เวลาผ่านพ้นไปเมฆาอสูรสภาพแย่ลง กายาเทพของเขากำลังจะแตกสลาย
แต่เทพอีกสี่คนก็ไม่ได้สภาพดีไปกว่ากันนัก!
เจ้าเมืองฟางไซ่แตกดับจากพลังของเมฆาอสูรแม้แต่ดวงวิญญาณก็ถูกทำลายไป เจ้าเมืองฟางไซ่ตายแล้ว!
เจ้าเมืองไป่ยี่และหลิงชิงบาดเจ็บสาหัสต้องใช้เวลาหลายสิบปีกว่าที่จะฟื้นคืนพลังกลับมาเหมือนเดิม
แม้แต่อสูรจันทร์ผ่องก็บาดเจ็บอย่างรุนแรง
แต่ที่พวกเขายังไม่ตายก็เพราะว่าเมฆาอสูรถูกพิษเล่นงานตั้งแต่แรกในการต่อสู้
มันกำลังจะแพ้แล้วเข้าไปพร้อมกันเลย!
อสูรจันทร์ผ่องตะโกน
ผลที่ได้ชัดเจนเมฆาอสูรกำลังจะตายในวันนี้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน
เจ้าดินแดนทั้งสามกระโจนเข้าใส่เมฆาอสูรทันทีเพื่อปิดฉาก
เมฆาอสูรฉีกยิ้มด้วยความปวดร้าวเขาต้องมองซือหยูด้วยความแค้น
อสูรขนนก!ข้าจะไม่มีวันอภัยให้เจ้า!!
แม้จะไร้หลักฐานมันก็เป็นที่แน่นอนว่าซือหยูเป็นคนที่ทำให้เทพทั้งสี่ย้ายข้างอย่างพิลึกพิลั่นเช่นนี้
เขาเสียใจที่ไม่เชื่อคำของเทพตำราเด็กหนุ่มตรงหน้าน่ากลัวจนไม่ควรจะยุ่งเกี่ยว
เขาพลิกเมฆาได้เพียงพลิกฝ่ามือพลิกทั้งโลกได้เพียงความคิดเดียว
ฟึ่บ!
อสูรขนาดหมื่นศอกโผบินเขาคิดที่จะหนี
เจ้าจะหนีไปไหน?
อสูรจันทร์ผ่องจะยอมให้เมฆาอสูรหนีไปได้รึ?มีเทพอีกสองคนในฝ่ายเดียวกัน ทั้งสองไล่ตามไปด้วย
เมฆาอสูรไม่ต่างกับศรที่หมดแรงทะยานเขาไม่มีทางหนีรอดจากการโจมตีสุดท้ายของทั้งสามได้แน่
ตู้ม!ตู้ม! ตู้ม!
แต่ทันใดนั้นเองเสียงสายฟ้าลั่นส่งเสียงคำรามมาจากขอบนภา
เมฆพลังอสูรแล่นเหนือเมืองชมทะเลราวกับคลื่นยักษ์จิตสังหารแผ่เข้ามาอย่างรุนแรง
ซือหยูตกใจจากรังสีพลังอันตรายนี้
อสูร!
ซือหยูขนลุกพลังนี้เป็นลักษณะเฉพาะของเผ่าอสูรที่กวาดล้างจักรวาล
ตั้งแต่ที่เข้าแดนอสูรมาไม่มีอสูรคนใดที่เขาเจอและเป็นอสูรกระหายเลือดดั่งเช่นอสูรในจักรวาล
ซือหยูเคยสงสัยว่าเหล่าอสูรในจักรวาลนั้นมาจากโลกอสูรหรือไม่ แต่เสียงแหบพร่าน่ากลัวก็ได้ดังมาจากเมฆานั้นมันทำให้ซือหยูแววตาเยือกเย็น
โลกอสูรคือดินแดนของผู้ปกครองที่ควบคุมความเป็นความตายของทุกชีวิตบนจักรวาล
โชคดีของซือหยูหมดลงแล้ว
พลังอันป่าเถื่อนแผ่ขยายไปทุกทิศทางชาวเมืองชมทะเลตกใจกลัว
แม้แต่อสูรจันทร์ผ่องและสองเทพที่เหลือก็ตกใจกลัวพวกเขาอุทาน
ศาลอสูร!