เขาจะสามารถรับมือกับความแข็งแกร่งแบบนี้ได้จริงหรือ นี่นับเป็นครั้งแรกในชีวิตของริชาร์ดจึงทำให้เขากังวลใจอยู่ไม่น้อย
ม้าศึกสูญเสียความแข็งแกร่งของมันไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วของมันลดลงอย่างเห็นได้ชัดทว่ามันก็ยังคงเร็วกว่าม้าศึกโดยทั่วไปอยู่มาก อย่างไรก็ตาม ยิ่งเวลาผ่านไป พละกำลังของมันก็ยิ่งลดลงอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดก็หมดไปอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ผ่านอุปสรรคด่านสุดท้ายไปได้ ม้าตัวใหญ่ก็แสดงอาการอ่อนล้าอย่างชัดเจน มันส่งเสียงร้องอย่างทุรนทุรายพร้อมทรุดตัวลงกับพื้น ฟองน้ำลายมากมายฟูมอยู่ในปากของมัน ขณะที่กีบเท้าทั้งสี่กระตุกเกร็งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยุดเคลื่อนไหวไปในที่สุด
ริชาร์ดเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจกับผลลัพธ์ที่เห็นตรงหน้า เขาหันไปมองแกรนด์เมจเฟย์ด้วยแววตาลนลาน แต่เมจเฒ่าก็ได้แต่ตบบ่าเขาเบา ๆ “ไม่ต้องตกใจไป รูนธรรมดาจะเพิ่มความเร็วขึ้น 30% เท่านั้น แต่สิ่งที่เจ้าทำมันเกินพอดี เพราะเจ้าเพิ่มมันถึง 50% ซึ่งนั่นมากเกินไปจนม้าแบกรับรูนไม่ไหว นี่เป็นแค่การทดสอบและมันเป็นเหตุผลว่าทำไมเจ้าถึงต้องควบคุมพลังของรูนให้ได้ หากทุกอย่างเป็นไปอย่างสมบูรณ์แบบ รูนก็จะไม่สามารถทำอันตรายเจ้าม้านั่นได้ เอาล่ะ ตอนนี้ข้ามั่นใจว่า เจ้าคงรู้แล้วว่ารูนมาสเตอร์เปลี่ยนแปลงโลกได้ยังไง”
ริชาร์ดพยักหน้า หัวใจของเขายังคงเต้นรัวและเขาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ไปชั่วขณะ
“นี่เป็นพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ดังนั้นจงใช้มันอย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะเจ้านะ ริชาร์ด” เฟย์พูดทิ้งท้าย ก่อนก้าวนำเขาออกไป
ริชาร์ดได้รับอนุญาตให้พักผ่อนได้หลังจากนั้น แต่ยังคงมีบางอย่างที่เขาต้องจัดการให้เสร็จ การวาดรูนทำให้เขาอยู่ในสภาพที่ตื่นตัวตลอดทั้งคืนและนั่นทำให้เขาต้องสูญเสียพลังและมานาทั้งหมดของเขาไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ริชาร์ดแทบจะไม่สามารถควบคุมอาการตื่นเต้นของตัวเองได้เลยเมื่อเห็นรูนที่เขาสร้างขึ้น และหลังจากที่ความตื่นเต้นจางหายไปรวมถึงจิตใจสงบลงแล้ว ความเหนื่อยล้าที่สะสมอยู่ภายในร่างกายก็เข้าครอบงำเขาทันที ริชาร์ดรู้สึกเหมือนกับมีหินก้อนใหญ่กดลงมาที่เปลือกตาของเขาจนทำให้เขาไม่สามารถฝืนลืมตาขึ้นมาได้อีก สิ่งเดียวที่เขาต้องการในตอนนี้คือการนอนหลับเท่านั้น
……
เฟย์เรียกเมจผู้ช่วยที่เข้าเวรในวันนี้มาเพื่อให้เขาพาริชาร์ดกลับไปยังห้องพักส่วนตัว หลังจากที่เมจนำตัวริชาร์ดออกไปแล้ว เฟย์ก็เรียกศิษย์ของตัวเองที่อยู่ใกล้ตัวเขามากที่สุดเข้ามาหา แล้วนำรายการสิ่งของที่ต้องซื้อ กล่องโพชั่นมานา และโพชั่นพลังงานอีก 2 กล่องที่อยู่ในกระเป๋าของเขาส่งให้กับนักเรียนคนนั้นเพื่อให้เขามอบมันให้กับริชาร์ดต่อไป
นักเรียนคนนี้อายุ 30 ปีแล้ว เขาติดตามแกรนด์เมจมาเป็นเวลาหลายปี แม้ว่าเขาจะแสดงใบหน้าแห่งความแปลกใจออกมาเพียงเล็กน้อยแต่ภายในจิตใจของเขากลับโหมกระหน่ำไปด้วยพายุแห่งความริษยา ใน 2 กล่องนี้มีขวดโพชั่นอยู่กล่องละ 10 ขวด และโพชั่นแต่ละขวดมีประสิทธิภาพการทำงานที่นานกว่าปกติ เฟย์มีตำแหน่งสูงภายในดีพบลูจึงทำให้เขามีรายรับที่ค่อนข้างสูงตามไปด้วยซึ่งสมกับสถานะที่เขาเป็นอยู่ ทว่าถึงเป็นแบบนั้นแต่กล่องโพชั่นทั้งสองก็มีราคาที่สูงมากจนเทียบเท่ากับเงินเดือนของเฟย์ตลอดทั้งเดือน รายรับของเขาไม่ได้มีไว้เพื่อเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงค่าใช้จ่ายภายในห้องแล็บและเงินเดือนของพนักงานด้วย !
แน่นอนว่านักเรียนอีกคนที่อยู่ถัดออกมาก็แทบจะหยุดความริษยาไม่ได้เช่นเดียวกันเมื่อเห็นท่าทีอาจารย์ของตนเอง พวกเขาต่างมีความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความฉงนปนความริษยา แต่ก็จำเป็นต้องแสดงท่าทางวางเฉยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น…
……
การทดสอบรูนใช้เวลาตลอดทั้งเช้าของวันรุ่นขึ้น เฟย์มองดูนาฬิกาทรายที่บอกเวลา และพบว่าคาบเรียนปรัชญาเวทมนตร์ในตอนบ่ายใกล้จะเริ่มต้นแล้ว ทว่าทันใดนั้นวงเวทย์เทเลพอร์ตก็กะพริบขึ้นทางตะวันออกเฉียงเหนืออย่างฉับพลัน พร้อมกับการปรากฏตัวของสตีเว่นและมินนี่
ทันทีที่เห็นแกรนด์เมจยืนอยู่ สตีเว่นก็เปล่งเสียงร้องออกมา “อาจารย์เฟย์ ในที่สุดข้าก็ได้พบท่าน !” ชายหนุ่มแสดงท่าทางปีติยินดีอย่างสุดซึ้งเมื่อได้เจอกับเฟย์
เขาวิ่งตรงมายังจุดที่เฟย์ยืนอยู่ก่อนโค้งตัวทำความเคารพอย่างกระตือรือร้น มารยาทของเขานับว่าโดดเด่นมากกว่าเด็กคนอื่น ๆ ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา เมื่อดูจากพื้นฐานตระกูลรวมถึงพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของเขาแล้วก็ถือว่าเขาวางตัวได้อย่างน่าชื่นชมมากเมื่อเทียบกับนักเรียนของชารอนอีกสองคนที่เหลือ ซึ่งนั่นก็หมายถึงมินนี่ผู้เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและริชาร์ดผู้ที่ไม่เคยสนใจใคร แม้แต่ตอนที่อยู่ในห้องเรียนริชาร์ดก็มักจะจดจ่ออยู่แต่กับบทเรียนโดยที่ไม่ใส่ใจสิ่งอื่นใดรอบข้างทั้งสิ้น และแม้ว่าจะมีหลายคนที่อยากเป็นเพื่อนกับเขา แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีใครที่เข้าถึงตัวเขาได้
“อาจารย์เฟย์ ข้าสร้างสิ่งนี้ขึ้นจากแรงบันดาลใจที่ข้าได้รับมาเมื่อคืนนี้ ได้โปรดช่วยประเมินให้ข้าด้วย !” น้ำเสียงของสตีเว่นเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น แม้แต่ความอ่อนน้อมถ่อมตนของเขาก็ไม่สามารถปิดบังความภาคภูมิใจที่เขารู้สึกต่อความสำเร็จครั้งในนี้ได้ และนั่นทำให้เฟย์รู้สึกอยากรู้สิ่งที่เขาจะนำเสนอ ชายหนุ่มเปิดกระเป๋าหนังเวทมนตร์ในมืออย่างระมัดระวังแล้วหยิบเอาหนังอสูรรูปหกเหลี่ยมออกมายื่นให้แกรนด์เมจพิจารณา
หนังอสูรสีแดงเข้มนี้มีกลิ่นของกำมะถันที่ฉุนจนแสบจมูก บนแผ่นหนังเต็มไปด้วยรอยด่างสีดำเข้มและทึบเป็นดวง ๆ ที่ดูเหมือนคราบเลือด และจุดสีดำเข้มขนาดใหญ่ที่ปรากฏให้เห็นบ่งบอกได้ชัดเจนว่ามันถูกลอกออกมาจากอสูรที่อันตรายอย่างมากตนหนึ่ง — มังกรดิน
หนังมังกรดินเป็นวัสดุที่มีความทนทานมากเป็นพิเศษทำให้มันถูกใช้เป็นวัสดุในระดับมาตรฐานสำหรับการวาดรูนที่มีประโยชน์ในระดับ 2 ลงไป ทว่าจากผลงานที่เห็นชี้ชัดว่าสตีเว่นทำได้ยอดเยี่ยมกว่าปกติมาก นี่แทบจะเรียกได้ว่าเขาสามารถสร้างรูนระดับ 3 ซึ่งเป็นทักษะในระดับของรูนมาสเตอร์ได้เลยทีเดียว
การปรับแต่งเป็นไปอย่างปราณีตราวกับไม่ใช่ผลงานของสตีเว่น ส่วนตรงกลางถูกวาดไว้ด้วยวงเวทย์ขนาดเท่ากำปั้นที่มีความซับซ้อนวิจิตรบรรจง และมันยังเปล่งออร่าที่ดุร้าย ออกมาอย่างน่าเกรงขาม
เส้นและองค์ประกอบของโครงสร้างของภาพร่างชี้ให้เห็นได้ชัดว่าผู้วาดมีความเชี่ยวชาญสูง ตามมาตรฐานโดยทั่วไปแล้วนี่ถือว่าทำออกมาได้ดีทว่ารูปทรงของมันกลับยังดูไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นัก เนื่องจากนี่เป็นรูปแบบที่หลอมรวมสิ่งเล็ก ๆ 3 อย่างเข้าด้วยกัน จึงต้องการความแม่นยำและความเข้าใจของภาพรวมที่ไม่สามารถวัดได้ด้วยมาตรฐานทั่วไป แม้ว่าการสร้างภาพร่างนี้จะยังไม่เสร็จสมบูรณ์แต่แสงที่กะพริบเป็นครั้งคราวจากผลงานชิ้นนี้แสดงให้เห็นว่าบางส่วนของมันมีประสิทธิภาพ
แกรนด์เมจเฟย์พิจารณาวงเวทย์บนหนังมังกรดินนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แต่บนใบหน้าเขานั้นก็ยังแสดงความแปลกใจอย่างชัดเจน “[สเตร็งค์ขั้นพื้นฐาน] (ความแข็งแกร่งขั้นพื้นฐาน) มันดูเหมือนจะสำเร็จไป… 20% อืม ไม่เลวเลยสำหรับอายุและความสามารถของเจ้า รูนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นสไตล์ของเซนต์เคลาส์ ดูเหมือนว่าเขาค่อนข้างใส่ใจที่จะฝึกเจ้านะ อืม… ข้าจะให้ลูซดูมันหลังจากที่เขากลับมาก็แล้วกัน เพื่อดูว่าเจ้าจะสามารถพัฒนาส่วนไหนเพิ่มเติมได้อีกบ้าง”
เมื่อพูดจบ เฟย์ก็ยื่นหนังมังกรดินนั้นไปให้ศิษย์ที่อยู่ข้าง ๆ ก่อนที่เขาจะเดินตรงไปยังจุดเทเลพอล์ต แกรนด์เมจเฒ่าหยุดยืนตรงหน้าสตีเว่น เขากวาดสายตามองเด็กหนุ่มดราก้อนวอล็อคก่อนพูดว่า “อ้อ ยังมีอีกอย่าง หนังมังกรดินน่ะค่อนข้างดี แต่นี่มันดูเสียของไปหน่อย”
เมื่อพูดจบร่างของเฟย์ก็หายวับไปในแสงแห่งเวทมนตร์ ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำอีกครั้งขณะที่สายลมแห่งฤดูหนาวเริ่มพัดผ่านเข้ามา