การใช้เวลาในการจดตัวเลขเพียงแค่ 2 รายการนั้น ไม่ว่าจะใจจดใจจ่อหรือเชื่องช้ามากแค่ไหนก็ย่อมใช้เวลาเพียงไม่นาน คนแคระเกรย์ปิดสมุดบัญชีลงอย่างไม่เต็มใจนักก่อนหยิบรายงานที่เกี่ยวข้องกับริชาร์ดขึ้นมาอ่าน รายงานประจำวันเล่มนี้บันทึกกิจกรรมในแต่ละวันทั้งหมดของริชาร์ด วิชาเรียน และค่าใช้จ่ายทุกประเภทจัดเรียงกันตามเวลา รายงานนี้จะมีมาทุกวันและเนื้อหาภายในนั้นก็ไม่ได้หลากหลาย หลังจากเห็นตารางเรียนที่หนาแน่นและการทดลองเหล่านี้ คนแคระเกรย์ก็รู้สึกตาลายขึ้นมา บางครั้งเขาถึงขั้นสงสัยว่าริชาร์ดเป็นคนหรือเป็นหุ่นเวทมนตร์ที่มีโครงสร้างหลักเป็นเหล็กกันแน่ เขาสามารถทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการเรียน เรียน และเรียนในทุก ๆ วัน โดยไม่มีเวลาส่วนตัวเพื่อความบันเทิงใจใด ๆ เลยได้อย่างไรกัน ?
อย่างไรก็ตาม ตารางของแบล็คโกลด์เองก็แน่นเช่นกันทว่าเขาก็รู้ดีว่างานบางอย่างที่เขาทำนั้นเป็นเหมือนเรื่องบันเทิงใจ ยกตัวอย่างเช่น การประเมินค่าอัญมณี ในทางตรงกันข้าม ริชาร์ดกลับใช้ชีวิตอย่างเข้มงวดที่สุดโดยที่เขาสามารถจัดสรรเวลาได้อย่างเหมาะสมโดยไม่มีงานอดิเรกส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง
เมื่อได้เห็นรายงานประจำวันที่แน่นหนาเล่มนี้ ลมหายใจของเขาก็เริ่มไม่สม่ำเสมอ มันทำให้เขารู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก หากใครต้องมาอ่านรายงานแบบนี้ทุกวัน ความกดดันที่สะสมนี้อาจทำให้เสียสติได้เลย
เขารู้สึกเห็นใจสตีเว่นขึ้นมาทันที นึกย้อนกลับไปแล้วการกระทำของสตีเว่นนั้นไม่ได้โง่เขลาอย่างที่คิด หากเขาและสตีเว่นอยู่ในสภาวะที่แตกต่างกัน เขาอาจลงมือทำอะไรสักอย่างไปนานแล้วก็ได้ ริชาร์ดเป็นเหมือนอสูรกายที่เก่าแก่ ทุกอย่างที่ขวางทางเขาล้วนต้องถูกกำจัดไปอย่างโหดเหี้ยม และสตีเว่นดันโชคร้ายที่ไปอยู่ตรงนั้นพอดี หากไม่มีริชาร์ด ดราก้อนวอล็อคจะได้เฉิดฉายอยู่ในดีพบลูอย่างแน่นอน มันไม่ใช่ความผิดของเขาเลยที่ชารอนมีกฎแปลก ๆ ที่ว่า ผู้ฝึกหัดเพื่อเป็นรูนมาสเตอร์จะต้องมีเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งในบางครั้งสำหรับกรณีเช่นนี้โชคชะตามักจะเป็นตัวตัดสินทุกอย่าง เห็นได้ชัดว่าสตีเว่นเป็นคนโชคร้าย และด้วยความแข็งแกร่งของเขานั้น…
คนแคระเกรย์หยิบรายงานประจำวันขึ้นมาอ่านอีกครั้ง เขาพบว่าสตีเว่นไม่ได้ถือไพ่เหนือกว่าอีกต่อไปแล้ว หากเทียบพัฒนาการของริชาร์ดในปัจจุบัน เมื่อเขามีอายุเทียบเท่าสตีเว่นในตอนนี้ เขาจะเอาชนะสตีเว่นได้อย่างขาดลอย
ตระกูลอาเครอนเป็นเสมือนกลุ่มคนที่เสียสติ และริชาร์ดเองก็เป็นหนึ่งในนั้นอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ทางด้านเวทมนตร์ของเขาจะอยู่แค่ระดับค่าเฉลี่ยเท่านั้นทว่าเขาสามารถพัฒนาทักษะในด้านอื่น ๆ ให้สอดคล้องกับมานาได้อย่างรวดเร็วด้วยเพราะความขยันหมั่นเพียร นอกจากนี้ พรสวรรค์ที่น่ากลัวในด้านการสร้างรูนของเขานั้นยอดเยี่ยมจนยากเกินกว่าที่ใครจะเข้าใจได้
‘ถ้ามันเป็นอย่างนั้นล่ะก็… ‘ คนแคระเกรย์เกิดความคิดขึ้นในหัวมากมาย หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นด้วยความตื่นเต้น ในสายตาของเขา สตีเว่นเป็นเสมือนกับเหมืองที่ใกล้จะร้างเต็มที ทว่าแม้เหมืองอาจเริ่มจะเหนื่อยล้า แต่มันก็ยังคงมีมูลค่าอยู่มากมาย ยกตัวอย่างเช่น ชิ้นส่วนของแร่ที่กระจัดกระจายอยู่รอบเหมืองหลัก แร่ผสม และแม้แต่กากแร่ที่สามารถเอาไปสกัดโลหะหายากได้มากมาย แน่นอนว่าต้องใช้เทคนิคการถลุงแร่ของคนแคระเท่านั้นสิ่งเหล่านั้นจึงจะยิ่งมีมูลค่ามากขึ้นได้ ซึ่งเมื่อก่อนนี้ แบล็คโกลด์เองก็เคยเริ่มต้นการหาเงินทองด้วยการกว้านซื้อเหมืองร้างมาในราถาถูกเชนกัน
หากเขาขุดสำรวจสตีเว่นได้ล่ะก็… สตีเว่นอาจจะมีมูลค่ามากกว่าเหมืองร้างนับสิบเหมืองเลยก็ได้
ตอนนี้ในหัวของแบล็คโกลด์เต็มไปด้วยแผนการมากมาย เขาคิดไตร่ตรองอย่างดีและพบว่าแผนเหล่านั้นพอจะเป็นไปได้ แม้ท้ายที่สุดแล้วในอนาคต ดยุกโซแลมคงจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่เขาจะทำอะไรได้ล่ะ ? ต่อกรกับดีพบลูอย่างนั้นรึ ? นั่นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลย หรือเขาจะเปลี่ยนเป้าหมายของความเกลียดชังนี้ไปที่ลงที่ริชาร์ด ? นั่นเป็นความคิดที่ดีที่เดียวทว่าเพียงแค่ไวเคานต์ของตระกูลอาเครอนก็สามารถเอาชนะกองทัพที่ผนึกกันของโซแลมและไนออลได้ แล้วทีนี้เขาต้องทำอย่างไรล่ะ ? จะทำให้กาตอนผู้ซึ่งใช้รูนไนท์แค่ 13 คนในการสร้างฐานอำนาจในเฟาสต์โกรธงั้นหรือ ? จนถึงตอนนี้แบล็คโกลด์เริ่มคิดได้แล้วว่าคนที่เป็นตำนานคงจะไม่โง่เขลาขนาดนั้น
วันนั้น สถานการณ์ภายในดีพบลูดำเนินต่อไปอย่างสงบและเป็นระเบียบราวกับไม่เคยมีเหตุการณ์ความขัดแย้งใด ๆ เกิดขึ้นมาก่อน วันถัดไปก็เช่นกัน และไม่ว่าจะเป็นวันถัดไปหลังจากนั้น หลังจากนั้น และหลังจากนั้นไปอีก… มันก็ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดเกิดขึ้นทั้งสิ้นราวกับว่าบลัดแพร์รอทและคนของนางไม่เคยปรากฏตัวขึ้นที่ดีพบลู
และวันเวลาก็ได้ดำเนินมาถึงวันที่ชารอนตัดสินรางวัลของทุกคนอีกครั้ง การประชุมยังคงเกิดขึ้นในห้องประชุมที่มีภูเขาและแม่น้ำอย่างเคยทว่ามีความเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่ทุกคนสังเกตได้นั่นก็คือ
เลเจนดารี่เมจของพวกเขากลับสู่โหมดปกติแล้ว
เหล่าแกรนด์เมจรู้สึกดีใจมากที่เห็นว่าในเวลานี้ข้าหลวงของพวกเขากลับสู่โหมดปกติ… เอ่อ… อย่างน้อยการลิ้มรสของนางก็ได้จบไปแล้ว หม้อผลไม้ใบใหญ่สีทอง 2 ใบที่วางอยู่ข้างโซฟานุ่มนั้นเป็นนับว่าหลักฐานยืนยันได้ชิ้นหนึ่ง
ใบหน้าของชารอนเปล่งประกาย ดวงตาชัดเจนและสดใส พลังมากมายอันน่าประหลาดใจที่หลั่งออกมาจากทั่วร่างของนางนั้นเป็นหลักฐานยืนยันชัดเจนซะจนแม้แต่คนตาบอดก็ยังบอกได้ เลเจนดารี่เมจผู้ที่ไม่มีใครสามารถพิชิตได้นั้นไม่เพียงแต่กลับมา ทว่าพลังมหาศาลที่นางมีในตอนนี้มันดูราวกับว่านางเพิ่งกัดกินมังกรบำรุงกำลังขนาดใหญ่มาเลยทีเดียว
‘บำรุงกำลังและมีขนาดใหญ่…’ เหล่าแกรนด์เมจต่างก็มีความคิดนี้อยู่ในหัว
วันนี้แบล็คโกลด์มีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ เขาบรรยายรายงานที่ยืดยาวด้วยความเร็วที่มากกว่าปกติถึง 3 เท่า และมีการใช้ภาษากายที่กระฉับกระเฉงเป็นครั้งคราวเพื่อสร้างความหนักแน่นให้กับคำพูดเหล่านั้น นั่นเป็นเพราะวันนี้เขาคิดว่าเขาจะต้องเจอกับการต่อต้านจากเมจทุกคนเลยก็ว่าได้ ความตั้งใจในการต่อสู้ในเรื่องนี้ของเขาจึงมีมากเป็นพิเศษ
แท้จริงแล้ว หัวข้อหลักในรายงานของเขานั้นง่ายมาก เขาพร่ำพูดเพื่อให้ชารอนให้โอกาสกับสตีเว่น ในขณะที่จนถึงวันนี้การกระทำของสตีเว่นถือว่าข้ามเส้นของกฎที่สำคัญที่สุดของดีพบลูไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เขายังคงเสนอให้คนอื่น ๆ ลองมองในมุมที่ต่างออกไป
เขามองว่าไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าบลัดแพร์รอทและคนของนางจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสตีเว่น แต่เอรินและมินนี่นั้นแน่นอนว่ามีส่วนร่วมในแผนการลอบสังหารริชาร์ด และด้วยบลัดแพร์รอทกับคนของนางก็ตายไปหมดแล้ว จึงไม่มีพยานที่จะเอาผิดสตีเว่นได้ แต่อย่างไรก็ตามมีหลักฐานบ่งชี้ว่าสตีเว่นทำหลาย ๆ อย่างอยู่เบื้องหลังโดยพุ่งเป้าหมายไปที่ริชาร์ด ทว่านั่นสามารถทำโทษได้โดยใช้วิธีการที่นุ่มนวลอย่างเช่น ปรับเป็นเงินในปริมาณที่ ‘เหมาะสม’
นอกจากนี้เขายังพูด ‘ย้ำ ๆ’ ให้ทุกคนฟังว่าสตีเว่นเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก ซึ่งคนแบบนั้นไม่สมควรที่จะถูกทอดทิ้งอย่างง่ายดาย ส่วนริชาร์ดเองก็ยังไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถมากพอที่จะเป็นรูนมาสเตอร์ ซึ่งนั่นหมายถึงสตีเว่นน่าจะยังมีโอกาสอยู่
แกรนด์เมจทุกคนต่างตกใจกับความกระฉับกระเฉงของแบล็คโกลด์ อย่างไรก็ตาม พวกเขาคิดว่านอกเหนือจากโทนเสียงแล้ว ตรรกะของแบล็คโกลด์นั้นใช้ไม่ได้เลย หากว่าความสำเร็จของริชาร์ดก่อนหน้านี้ไม่ใช่หลักฐานยืนยันความสามารถของเขาในการที่จะเป็นรูนมาสเตอร์ แล้วอะไรถึงจะใช่ล่ะ ? บลัดแพร์รอทหายสาบสูญไปในเขตพื้นที่ของนายาซึ่งริชาร์ดก็ศึกษาวิชาจากเขาอยู่ นั่นแปลว่ามีโอกาสมากถึง 90% ว่าใบมีดแห่งความพิบัติเป็นคนทำเรื่องนี้ ดังนั้น หากว่าแกรนด์เมจคนใดไปดูสถานที่เกิดเหตุแล้วล่ะก็ คงจะปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดในคืนนั้นได้อย่างง่ายดาย จากรายงานในเรื่องที่เมจผู้คุมกฎถูกนำตัวออกไปนั้นไม่สามารถถูกลบไปได้ และเห็นได้ชัดว่าพวกเขาถูกสั่งไว้ว่าไม่ให้พูดอะไร นั่นเป็นเรื่องที่ถูกจัดการได้ด้วยคำสั่งของท่านชารอนเท่านั้น
เหล่าแกรนด์เมจทุกคนล้วนไม่ใช่คนโง่เขลา ขณะที่พวกเขาฟังคำสาธยายที่เต็มไปด้วยช่องโหว่และความขัดแย้งในตัวเองของแบล็คโกลด์นั้น จุดโฟกัสที่พวกเขาสนใจจึงพุ่งไปยังเลเจนดารี่เมจ และแกรนด์เมจบางคนก็เริ่มสงสัยแล้วด้วยเช่นกันว่าเขาอาจทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัว
ท่าทางของชารอนที่แปลกไปนี้บ่งบอกกับเหล่าแกรนด์เมจว่ายังมีความลับอื่นซ่อนอยู่ในใจของนางอีก พวกเขาจึงรออย่างสงบว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น และเมื่อคนแคระเกรย์พูดเสนอแนะครั้งสุดท้าย ทุกคนก็ได้เข้าใจได้ในทันที…