เห็นได้ชัดว่ากระต่ายหิมะตัวนี้ได้กลายพันธุ์ไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง มันไม่เพียงแต่มีเขี้ยวและกรงเล็บที่แหลมคมเท่านั้น แต่หลายส่วนของร่างกายของมันที่เคยถูกปกคลุมไปด้วยขนนุ่ม ๆ กลับกลายเป็นเกล็ดแข็ง ๆ มาแทนที่ และร่างกายส่วนอื่นที่ไม่มีเกล็ดปกคลุมอยู่ก็ถูกป้องกันด้วยชุดเกราะที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน
แบล็คโกลด์มองภาพตรงหน้าก่อนที่จะเปล่งเสียงออกมาด้วยความแปลกใจ “นั่นมันอะไรกัน ? มันสามารถสวมใส่อุปกรณ์ได้ด้วยรึ ?”
“มันคือกระต่ายหิมะ! เข้าใจแล้วนะ ถ้าเข้าใจแล้วก็เงียบซะ ! เอาล่ะ เริ่มได้แล้ว ! ” ชารอนว่าพลางใช้มือปิดปากก่อนที่จะหาวออกมาหวอดใหญ่
สตีเว่นส่งสายตาไปยังเลเจนดารี่เมจ ในเวลานี้เขารู้สึกได้ว่าชารอนมีใจเอนเอียงมาที่เขาอยู่ไม่น้อย ก่อนหน้านี้ตระกูลโซแลมได้เตรียมคำอธิบายไว้แล้วในกรณีที่พวกเขาถูกตรวจสอบเกี่ยวกับกระต่ายหิมะหุ้มเกราะของพวกเขา แต่ทันทีที่ชารอนกล่าวออกมา ความกังวลก่อนหน้าที่เขาคิดไว้ก็มลายหายไปจนหมด ถึงแม้ว่าคำพูดของนางจะช่วยเขาไว้ ทว่าในเวลานี้นางกลับไม่แม้แต่จะจ้องมองมาที่เขาเลย และดูเหมือนนางจะไม่ได้สนใจที่จะเข้ามาดูการต่อสู้ของเขาเสียด้วยซ้ำ เขารู้สึกสับสนแต่ก็อดทนและพยายามตั้งสมาธิ
หมาป่าฤดูหนาวส่งเสียงคำรามไปทั่วสนามทดลอง มันเลือกที่จะหมอบลงกับพื้น ระมัดระวัง และเฝ้าสังเกตฝ่ายตรงข้ามก่อนที่จะเริ่มการโจมตี คงเป็นเพราะนี่เป็นศัตรูที่มันไม่เคยพบเจอมาก่อน และในฐานะที่มันเป็นเพศผู้ มันจึงมีทั้งความดุร้ายและความเฉลียวฉลาดอยู่ภายในตัวของมัน
ในทางตรงกันข้าม กระต่ายหิมะกลายพันธุ์กลับแสดงอาการหวาดกลัวออกมา มันพยายามกระโดดไปทั่วสนามทดสอบเพื่อหลบหนีคู่ต่อสู้ตามสัญชาตญาณ ทว่าพฤติกรรมของมันเป็นการเพิ่มโอกาสให้หมาป่าฤดูหนาวโจมตีมันได้ง่ายขึ้น
หมาป่าฤดูหนาวกระโจนไปยังด้านหลังของกระต่ายหิมะแล้วกัดเข้าไปที่สะโพกของมันอย่างรวดเร็ว แต่เกราะที่กระต่ายหิมะสวมอยู่นั้นก็ทำหน้าที่ปกป้องมันไว้ มันจึงหลุดรอดจากความตายมาได้ ถึงแม้ในตอนนี้คมเขี้ยวของหมาป่าฤดูหนาวจะไม่สามารถฆ่ากระต่ายหิมะได้ ทว่ามันก็สามารถสร้างความเสียหายให้กับเกราะที่กระต่ายหิมะสวมใส่อยู่ได้ไม่น้อย
ความเจ็บปวดที่รุนแรงกระตุ้นให้กระต่ายหิมะเกิดความดุร้ายขึ้นอย่างฉับพลัน มันถีบหัวของหมาป่าฤดูหนาวอย่างแรงพร้อมทั้งเปล่งเสียงคำรามก่อนกระโดดขึ้นไปบนตัวของมันแล้วกัดเข้าไปที่ไหล่อย่างดุเดือด อย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณที่โหดร้ายของหมาป่าฤดูหนาวก็เกิดขึ้นเช่นกัน มันต่อสู้กลับอย่างไม่รีรอ
เหล่าคนดูต่างมองเห็นถึงเอฟเฟกต์จาก[รูนอจิลิตี้ขั้นพื้นฐาน]และ[รูนสเตร็งค์ขั้นพื้นฐาน]ที่ใส่ลงไปในตัวของกระต่ายหิมะ แต่เหนือสิ่งอื่นใดการโจมตีเช่นนี้ก็ยังต้องพึ่งพาเกล็ดและเกราะที่แข็งแกร่งของมันอยู่ดี เหล็กที่สร้างเกราะนั้นเป็นวัสดุแบบเดียวกับที่สร้างเกราะของรูนไนท์ ทว่าได้ถูกดัดแปลงเพื่อให้เหมาะสมกับความแข็งแกร่งและสรีระทางร่างกายของกระต่ายหิมะ เกราะนี้ทำให้กระต่ายหิมะของสตีเว่นแข็งแกร่งกว่ากระต่ายตัวอื่น ๆ อย่างมาก ความแข็งแรงของเกราะนี้ทำให้หมาป่าฤดูหนาวต้องกัดเข้าซ้ำ ๆ หลายครั้งจึงจะสามารถกัดเข้าไปถึงร่างกายของมันได้
ในเวลานี้กระต่ายหิมะมีความแข็งแกร่งพอ ๆ กับสุนัขล่าเนื้อ มันเป็นตัวที่ถือว่าสมบูรณ์แบบและดีที่สุดจากที่เขาเลือกมา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงสามารถรองรับรูนได้ถึง 2 อันบนร่างกายของมัน ความสามารถในการต่อสู้บางอย่างของมันทำให้มันมีความสามารถเหนือกว่าหมาป่าฤดูหนาว ยิ่งไปกว่านั้นเกล็ดบนตัวของมันก็มีความสามารถในการต้านทานความหนาวเย็นได้เป็นอย่างดี ดังนั้นมันจึงรับรู้ได้ถึงลมหนาวที่หมาป่าฤดูหนาวส่งออกมาน้อยลงอย่างมาก
ตระกูลโซแลมต่างพากันกลั้นหายใจกับภาพตรงหน้า ในขณะที่สตีเว่นเองก็กำราวบันไดที่อยู่ใกล้ ๆ กับเขาเอาไว้แน่น เหงื่อตรงฝ่ามือของเขาไหลออกมามากมายอย่างควบคุมไม่ได้ การกัดแต่ละครั้งของหมาป่าฤดูหนาวทำให้เขาตัวสั่น เขารู้สึกราวกับว่าเขี้ยวที่แหลมคมของมันกำลังฝังลงที่ร่างของเขาเสียเองแทนที่จะเป็นร่างของกระต่ายตัวนั้น ! ในเวลานี้ร่างของหมาป่าฤดูหนาวมีสภาพที่แตกต่างไปจากเดิมอยู่ไม่น้อย รอยกัดจากกระต่ายหิมะที่เกิดจากการกัดอย่างต่อเนื่องนั้นทำให้ผิวหนังของมันฉีกออก ทว่าด้วยธรรมชาติของมัน ยิ่งมันถูกกระทำมากเท่าไหร่ การโจมตีของมันก็จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามระดับความโมโห
ในเวลานี้ความแตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตทั้งสองเริ่มปรากฏขึ้นแล้ว กระต่ายหิมะที่ในชีวิตของมันไม่เคยล่าสิ่งมีชีวิตมาก่อน ในเวลานี้กลับสู้กับหมาป่าที่เป็นนักล่าตัวยงอย่างสุดความสามารถ กระต่ายหิมะยังคงง่วนอยู่กับการกัดและฉีกเนื้อของหมาป่าอย่างต่อเนื่องเพื่อความอยู่รอดของมัน ทว่ามันกลับไม่รู้เลยว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคืออะไร
ด้วยการผสมพันธุ์เพียงสองชั่วอายุของมัน จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ความฉลาดของมันจะเพิ่มขึ้นในทันที แม้ว่ารูนบางชนิดจะสามารถเพิ่มความฉลาดได้ แต่ก็ยังต้องใช้รูนมาสเตอร์ระดับ 4 อยู่ดีจึงจะสามารถสร้างรูนแบบนั้นได้ แต่ถึงอย่างไรในความเป็นจริงแม้แต่หมาป่าฤดูหนาวก็ไม่สามารถแบกรับสิ่งเหล่านี้ไหว ดังนั้นเมื่อพูดถึงกระต่ายหิมะจึงดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
หมาป่าฤดูหนาวเริ่มแสดงความฉลาดและเจ้าเล่ห์ของมันออกมาตามสัญชาตญาณ มันเริ่มวิ่งเป็นวงกลมรอบตัวของกระต่ายหิมะและเน้นการโจมตีไปที่ด้านหลัง หมาป่าฤดูหนาวเน้นไปที่ส่วนคอ ทวารหนัก หน้าท้อง และข้อต่อส่วนต่าง ๆ ของกระต่ายหิมะเพราะมันรู้ดีว่าบริเวณเหล่านั้นเป็นจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามที่จะทำให้มันสามารถฉีกเนื้อของศัตรูออกมาได้มากกว่าส่วนอื่น ๆ
แม้ว่าร่างของหมาป่าฤดูหนาวจะเต็มไปด้วยบาดแผล ทว่าบาดแผลเหล่านั้นกลับไม่ได้ทำให้มันอ่อนแอลงเลยแม้แต่น้อย ส่วนกระต่ายหิมะในเวลานี้ขาหลังข้างหนึ่งของมันที่ถูกกัดก่อนหน้านี้ก็ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งนั่นเป็นอุปสรรคที่ทำให้มันเคลื่อนไหวได้ช้าลงกว่าเดิม นอกจากนี้เกราะส่วนใหญ่โดยเฉพาะเกราะด้านหลังก็ถูกฉีกออกจนเผยให้เห็นจุดอ่อนของมันอย่างชัดเจนแล้ว
ทั้งหมดนี้ทำให้เหล่าคนดูสามารถมองเห็นและคาดเดาผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากการต่อสู้ในครั้งนี้ได้ และก็เป็นไปตามคาด หมาป่าฤดูหนาวจัดการจบทุกอย่างด้วยการกระโดดไปด้านหลังของกระต่ายหิมะ มันใช้น้ำหนักทั้งหมดของมันเพื่อพลิกกระต่ายหิมะให้หงายขึ้นแล้วกัดเข้าที่ท้องของมันอย่างรุนแรง
“อ๊ากก ! ” สตีเว่นร้องอย่างผิดหวัง กระต่ายหิมะของเขายังไม่เหมาะสมที่จะปะทะกับหมาป่าฤดูหนาวแม้ว่ามันจะกลายพันธุ์และมีเขี้ยวแล้วก็ตาม แต่การที่กระต่ายของเขาได้สร้างบาดแผลให้กับหมาป่าไปไม่น้อยก็ทำให้เขายังพอจะรู้สึกผ่อนคลายอยู่บ้าง หากกระต่ายหิมะทั้งของเขาและของริชาร์ดไม่สามารถที่จะเอาชนะหมาป่าฤดูหนาวได้ การตัดสินในรอบต่อไปก็คงจะเป็นเรื่องของขนาดและจำนวนของบาดแผลที่ทิ้งไว้บนตัวของคู่ต่อสู้
ริชาร์ดไม่ได้มีกระต่ายหิมะกลายพันธุ์แบบที่ตระกูลโซแลมลงทุนไปด้วยเงินมหาศาล ซึ่งนั่นหมายความว่ากระต่ายของเขาไม่สามารถที่จะรองรับรูน 2 อันได้ และในเมื่อกระต่ายที่รองรับรูนได้ถึง 2 อันยังไม่สามารถเอาชนะหมาป่าฤดูหนาวได้ กระต่ายที่รองรับรูนได้เพียงอันเดียวก็คงจะหมดโอกาสที่จะหวังเช่นกัน เซนต์เคลาส์กล่าวว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่กระต่ายหิมะจะสามารถเอาชนะหมาป่าฤดูหนาวได้หากมีเพียงช่องรูนระดับพื้นฐานเท่านั้น
หมาป่าฤดูหนาวเดินกลับไปยังกรงของมันในขณะที่เมจของดีพบลูได้เก็บซากกระต่ายของสตีเว่นออกไปจากสนามทดลองเพื่อที่จะตรวจสอบรูนเหล่านั้นว่าเป็นสิ่งที่สตีเว่นสร้างขึ้นด้วยตนเองหรือไม่ และหลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จ หมาป่าฤดูหนาวตัวใหญ่ก็ถูกส่งออกมายังสนามอีกครั้ง
— ถึงเวลาที่ริชาร์ดจะต้องแสดงฝีมือของเขาแล้ว !–
สตีเว่นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแม้ว่าเขาจะแอบมีความรู้สึกเศร้าหมองอยู่ภายในใจ แน่นอนว่าหมาป่าฤดูหนาวตัวใหม่สำหรับริชาร์ดย่อมมีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับตัวก่อนหน้านี้ของเขา นั่นแสดงให้เห็นว่าการแข่งขันของพวกเขาในครั้งนี้มีความเท่าเทียมกัน ทว่าเขาก็รู้สึกเศร้าใจที่ความเอนเอียงของชารอนที่จะมาทางเขานั้นดูเหมือนจะมีอยู่อย่างจำกัด อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก มันเหมือนเป็นแสงที่มอบความหวังให้กับเขาในยามที่เขารู้สึกหมดหวัง แต่มันก็สามารถหายไปได้ในพริบตาเช่นเดียวกันหากเขาหวังไว้มากเกินความพอดี