เป็นที่กล่าวขานกันว่าส่วนที่ลึกที่สุดของอบิสนั้นเชื่อมต่อกับนรก โดยมีเดม่อนและเดวิลมากมายนับไม่ถ้วนอยู่ท่ามกลางการต่อสู้กันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ข้อมูลนี้เผยแพร่มาจากเผ่าพันธุ์อื่นที่มนุษย์พบเจอขณะท่องไปตามเพลนจำนวนนับไม่ถ้วน แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนข้อมูลอันเล็กน้อยที่รวบรวมมาจากร่องรอยต่าง ๆ จากเรื่องเล่า เทพนิยาย และตำนานเท่านั้น
ส่วนสำคัญของเดม่อนคือหัวใจ ขณะที่พลังของเดวิลมาจากกะโหลกศีรษะของมัน เพียงแค่ชิ้นส่วนของกะโหลกศีรษะเดวิลนั้นก็มีราคาแพงมากแล้วในนัวแลนด์ ส่วนกะโหลกที่สมบูรณ์ของเกรทเทอร์เดวิลก็ยิ่งลืมไปได้เลยเพราะมันต้องแพงมากขึ้นไปอีกอย่างไม่ต้องสงสัย แม้กาตอนจะพูดถึงมันอย่างสบาย ๆ แต่กะโหลกเดวิลนี้จะต้องเป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าที่สุดของตระกูลอาเครอนอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม หัวใจของเลสเซอร์เดม่อนลอร์ดที่สดใหม่นั้นมีค่ามากจนอาจทำให้กะโหลกของเดวิลดูด้อยค่าลงไปบ้าง*
*ปกติแล้วเดม่อนจะมีความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นกว่าเดวิล แต่เดวิลจะได้เปรียบเดม่อนในด้านสติปัญญาและจำนวน เลสเซอร์เดม่อนมีพลังอำนาจที่เทียบได้กับเกรทเทอร์เดวิล ซึ่งทำให้หัวใจของเลสเซอร์เดม่อนลอร์ดมีค่าพอ ๆ กับหัวกะโหลกของเกรทเทอร์เดวิล แต่ถ้าหากหัวใจของเลสเซอร์เดม่อนลอร์ดสดใหม่จะทำให้มันมีมูลค่าสูงกว่าหัวกะโหลกของเกรทเทอร์เดวิล
ในเวลานี้ เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาได้ปรากฏตัวขึ้นในห้องนั่งเล่น ริชาร์ดมองไม่เห็นเขาจนกระทั่งเขาแสดงตัว ซึ่งเขาก็คือเวียร์ดธีฟ เซียร์เดน
เซียร์เดนยิ้มอย่างมีเสน่ห์และดูขี้เล่นแต่เมื่อเขาพูดออกมากลับใช้น้ำเสียงเคร่งขรึม “มาสเตอร์ ไฮพรีสเทสเฟอร์ลินเตรียมพร้อมแล้ว เราสามารถเริ่มพิธีกรรมได้ตลอดเวลา ส่วนขุนนางคนอื่น ๆ นั้นพวกเขารู้แผนการของเราแล้ว พวกเขาจึงรวบรวมยอดฝีมือมาและกำลังมุ่งหน้าไปยังวิหารมังกรนิรันดร ข้าสัมผัสได้ถึงยอดฝีมือที่ทรงพลังอย่างน้อยก็ 17 คน จะให้ข้าจัดการไล่พวกเขาออกไปก่อนหรือไม่ ?”
กาตอนสวมชุดเกราะเต็มยศ เขาตรวจสอบความเรียบร้อยของตนเองก่อนพูดขึ้น “ไม่จำเป็น ข้ารู้ว่าตอนนี้เรามีคนไม่พอ แต่เราไม่สามารถรอให้คนที่เหลือกลับมาได้ ออกเดินทางกันเดี๋ยวนี้เลย ว่าแต่ดาบข้าอยู่ไหน ?”
มอร์เดร็ดวางดาบโบราณเก่าแก่ลงตรงหน้ากาตอน มันไม่ได้ดูโดนเด่นอะไรเป็นพิเศษและปลอกสีทองแดงนั้นก็เริ่มขึ้นสนิมแล้ว นอกจากรูนที่อ่านไม่ออกหลายอันบนคมมีด มันก็ดูเหมือนดาบทั่ว ๆ ไป
กาตอนแขวนดาบไว้ที่เอวของเขาก่อนพูดขึ้นว่า “เอ่าล่ะ ไปกัน ไปดูว่าพวกคนแก่หัวโบราณจากชั้น 6 จะกล้าโจมตีเรารึเปล่า ! ริชาร์ด นำกล่อง 2 กล่องนั่นไปกับเจ้าด้วย อย่าลืมร่ายคาถาลอยตัวใส่แต่ละกล่องด้วยล่ะ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเคลื่อนย้ายมันไม่ได้”
หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มของไนท์ก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าวงเวทย์เทเลพอร์ต ภาพถนนเบื้องหน้าคือเส้นทางมุ่งสู่วิหาร พวกเขาเดินขึ้นไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยว มีต้นไม้สูงและงดงามเรียงรายอยู่ตามเส้นทางที่ทอดเงาบนพื้นดิน พวกมันส่องแสงระยิบระยับเพราะสายรุ้งแห่งดวงจันทร์ที่ส่องกระทบลงมา
วิหารแห่งนี้อยู่ห่างจากจุดเทเลพอร์ตเพียงไม่กี่กิโลเมตร เมื่อพ้นจากบริเวณที่มีผู้คุ้มกันก็มีเพียงโค้ง 2 โค้งและทางตรงอีก 1 กิโลเมตรเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะเดินทางถึงวิหาร อย่างไรก็ตามระยะทางอันสั้นในค่ำคืนนี้ดูราวกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด
กลุ่มนี้ประกอบไปด้วยรูนไนท์ 6 คนจากอัศวินทั้ง 13 คนของกาตอน ในเวลานี้กาตอนนำอยู่หน้าสุด ม้าที่เขาขี่อยู่นั้นสวมชุดเกราะสีดำที่ดูน่าเกรงขามและรอยเท้าในเกือบทุกย่างก้าวของมันก็ปล่อยเปลวไฟออกมาเป็นครั้งคราว นี่คือดาร์กมูนเอ็มเบอร์ ม้าแกร่งซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกาตอนที่เป็นฝันร้ายของขุนนางหลาย ๆ คนในสหพันธ์ ส่วนริชาร์ดนั้นในตอนนี้เขาถูกคุ้มกันโดยฝาแฝดเคย์เลนและเคย์ดี อีกทั้งยังมีเซนม่าอยู่ด้านหลังของเขาและมีมอร์เดร็ดทิ้งท้ายคอยคุ้มกันอยู่ด้านหลังสุดด้วย ลาวาแตกต่างจากม้าของกาตอนตรงที่กีบเท้าของมันกระทืบลงพื้นอย่างไม่หยุดหย่อนราวกับว่ามันกำลังหมดความอดทนกับการเดินทางที่ไม่เร่งรีบของกลุ่มคนเบื้องหน้า
ริชาร์ดนั่งอยู่บนหลังม้าหุ้มเกราะโดยมีกล่อง 2 กล่องซึ่งมีขนาดใหญ่และเล็กห้อยอยู่ข้างหลังเขาซึ่งไม่มีอะไรปกปิดหรืออำพราง หัวใจของเขาเต้นแรงผิดปกติเมื่อเขารู้สึกได้ถึงพลังจิตเย็นยะเยือกที่กวาดสายตาไปทั่วร่างของเขารวมทั้งกล่อง 2 กล่องที่นำมานี้ด้วย ดวงตาแหลมคมเหมือนเหยี่ยวหลายคู่จากในป่าลึกได้จับจ้องมาที่กลุ่มของพวกเขาพร้อมส่งข่าวออกไปยังโลกภายนอก
เหนือขึ้นไปในระยะทางไกลนั้นคือวิหารมังกรนิรันดรที่ปกคลุมไปด้วยประกายแสงสีทองราวกับเป็นราชวังของพระเจ้า ตัววิหารนั้นสูงตระหง่านบดบังแสงสีรุ้งจากดวงจันทร์ เหลือไว้เพียงเงาสลัวของนาฬิกาทรายที่มีอักขระลึกลับและดูสลัวหลายชั้นล้อมรอบอยู่ ภาพที่น่าอัศจรรย์นี้เป็นสัญลักษณ์ของวิหารมังกรนิรันดรที่เตรียมไว้พร้อมสำหรับจัดงานพิธีกรรมสังเวยระดับสูงที่สุด
พิธีกรรมสังเวยต่อมังกรนิรันดรแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ระดับสูงที่สุดนั้นจำเป็นจะต้องมีการเข้าร่วมของพรีสต์และเคลริคจำนวนมาก มังกรเฒ่าจะให้พรจำนวนมหาศาลแก่ผู้เสนอเครื่องสังเวยและยังมีข่าวลือว่าจะทำให้ผู้เสนอเครื่องสังเวยมีโอกาสพูดกับมังกรนิรันดรโดยตรงได้ด้วย อย่างไรก็ตาม แม้แต่ตระกูลของจักรพรรดิก็ยังไม่สามารถทำเช่นนั้นได้สักครั้งเลย
หรือบางที อาจเคยมีคนทำได้แล้วแต่พวกเขาเลือกที่จะปิดเป็นความลับตั้งแต่นั้นมาก็ได้
ระดับของพิธีกรรมสังเวยจะขึ้นอยู่กับผู้บูชาและเครื่องสังเวย ทว่าพิธีกรรมระดับที่สูงกว่าไม่ได้หมายความว่าผลตอบแทนจะดีกว่าเสมอไป ใครก็ตามที่ทำพิธีกรรมระดับสูงแต่สิ่งของที่สังเวยไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน พวกเขาก็จะไม่ได้รับพรเจ๋ง ๆ จากเทพเจ้ามังกรอยู่ดี เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่งในเฟาสต์ ดังนั้นเมื่อมองเห็นกลุ่มคนลักษณะแปลกประหลาดและปรากฏการณ์บนยอดเขา แม้แต่คนโง่เขลาก็ยังดูออกว่าพวกเขามีสิ่งของบางอย่างที่สามารถเข้าทำพิธีกรรมสังเวยระดับสูงสุดได้
คุณค่าของสิ่งของเหล่านี้สามารถทำให้ตระกูลทั้ง 14 ตระกูลของเฟาสต์เป็นบ้าไปได้เลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลที่อยู่ในอันดับท้าย ๆ ถึงแม้นับรวมตระกูลของจักรพรรดิและตระกูลขุนนาง 5 อันดับแรกของเฟาสต์ด้วยแล้วก็ตาม พิธีกรรมแบบนี้ก็ยังไม่ได้ถูกจัดขึ้นทุกปี
ตระกูลอาเครอนได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญโดยการยึดเกาะอันดับที่ 3 ของชั้นที่ 7 [7-3] แล้ว แต่ในระยะเวลาไม่ถึงปีในตำแหน่งนั้น การประเมินทั่วไปของพวกเขายังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำอยู่ดี พวกเขาคือตระกูลที่รุ่งเรืองขึ้นมาอย่างรวดเร็วทว่ายังไม่สามารถยืนหยัดด้วยตนเองได้ แต่ครั้งนี้พวกเขากลับต้องการที่จะเข้าร่วมพิธีกรรมสังเวยระดับสูงสุด ! แม้ว่าไม่มีความขัดแย้งทางผลประโยชน์โดยตรงแต่อาเครอนก็ได้สร้างความวุ่นวายและความรำคาญใจให้กับเหล่าขุนนางหลาย ๆ ตระกูล ยิ่งไปกว่านั้นพิธีกรรมสังเวยระดับสูงสุดอาจส่งผลกระทบต่อสมดุลอำนาจของเฟาสต์ในปัจจุบันได้
ระยะทาง 1 กิโลเมตรนี้ราวกับไม่มีที่สิ้นสุดอย่างแท้จริง และสถานการณ์ในปัจจุบันก็กำลังตึงเครียดราวกับสายธนูที่ง้างออกมาเตรียมยิงแต่ยังไม่ได้ยิงออกไป มันอาจจะทำให้ตึงมากขึ้นอีกหรืออาจถูกปล่อยออกไปในทันทีก็เป็นได้ซึ่งนั่นเป็นช่วงเวลาที่กดดันอย่างมาก
ตอนนี้ฝ่ามือของริชาร์ดชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็น ๆ แล้วและเขาก็รู้สึกว่าจิตสังหารที่อยู่รอบตัวทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก เขารู้สึกถึงแรงกดดันจากพลังจริง ๆ ซึ่งเป็นความกดดันปกติที่เกิดจากความแตกต่างของความแข็งแกร่งที่ทำให้เขารู้สึกไร้พลังเสมือนเป็นมนุษย์คนแรกที่ค้นพบเพลนไร้ขอบเขต และมันไม่เกี่ยวข้องกับความกล้าหาญเลย
‘สงบไว้ ทำใจให้สงบไว้…’ เขาพยายามย้ำคำเหล่านี้ในใจและพยายามรักษาท่าทางสงบไว้ขณะขี่ม้า ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมเช่นนี้เขาไม่กล้าใช้เวทมนตร์อะไรเลย การกระทำที่ไม่จำเป็นอาจจะทำให้สถานการณ์ปัจจุบันแตกต่างออกไปได้
เสียงชนและกิ่งไม้หักดังออกมาจากต้นไม้ในบริเวณใกล้เคียง ทันใดนั้น ! เขาก็รู้สึกว่ามีร่างที่ปกคลุมด้วยสีดำตรงเข้ามาที่กลุ่มของพวกเขาอย่างช้า ๆ ร่างกายของเขาเกร็งขึ้นมาทันที ทุกครั้งที่ประสาทสัมผัสของเขาเตือนถึงร่างที่กำลังใกล้เข้ามาทำให้ความกดดันจากความหวาดกลัวยิ่งเพิ่มมากขึ้น ยอดฝีมือที่มีความชำนาญเช่นนี้สามารถเหยียบย่ำบนกิ่งไม้ แต่ไม่สามารถปกปิดตัวเองในความมืดมิดได้อย่างไรกัน ? นี่คงเป็นการลองเชิงและยั่วยุ หากไม่รับมืออย่างเหมาะสม กลุ่มของเขาจะต้องเผชิญกับการโจมตีรอบด้านอย่างแน่นอน
ร่างมืดค่อย ๆ เข้ามาใกล้และดูเหมือนกำลังหมอบต่ำอยู่กับพื้น มันเหมือนเสือดาวที่กำลังคืบคลานเข้ามาและพร้อมที่จะโจมตีได้ทุกเวลา ในที่สุดเขาก็ออกมาจากการพรางตัวในป่าและปรากฏเป็นเงาขนาดใหญ่อยู่บนพื้น ร่างนี้เคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ภายใต้สายตาของทุกคน ตั้งแต่ 6 เมตร 5 เมตร และ 4 เมตร… และเมื่อกาตอนกำลังจะผ่านมันไป พวกเขาอยู่ห่างกันเพียงแค่ 1 เมตรเท่านั้น
ด้วยระยะห่างเพียงเท่านั้น ร่างสีดำจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าใกล้มากไปกว่านี้อีกแล้ว เพียงแค่ยื่นมือออกมามันก็สามารถโจมตีกาตอนได้ทุกเวลา จุดอันตรายบนร่างกายของกาตอนไม่มีอะไรกำบังอยู่ ด้านข้างลำตัวของเอ็มเบอร์รวมถึงแขนขาของมัน ต้นขาและข้อเท้าของกาตอน หรือแม้แต่ช่วงเอวก็เปิดเผยอยู่อย่างโจ่งแจ้ง ! ริชาร์ดที่อยู่ห่างออกไปหลายเมตรสามารถมองเห็นร่างสีดำที่สั่นสะท้านนั้นได้อย่างชัดเจนขณะที่ร่างกายของมันพองโตเต็มไปด้วยพลังเตรียมพร้อมที่จะทำการสังหาร
อย่างไรก็ตาม กาตอนกลับเคลื่อนที่ผ่านไปซะดื้อ ๆ และการโจมตีใด ๆ จากร่างสีดำนั้นก็ไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมา