ริชาร์ดลุกขึ้นก่อนยื่นมือของเขาออกไปเพื่อหยิบเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามที่ลอยอยู่กลางอากาศ เมื่อนิ้วของเขาสัมผัสเข้ากับมัน พลังอันลึกลับแห่งมังกรนิรันดรก็ปรากฏขึ้น
เขาสัมผัสนาฬิกาทรายชิ้นแรกที่เกิดขึ้นจากกะโหลกของเดวิล เมื่อมันถูกเปิดออก ทรายสีทองก็พุ่งเข้ามาในร่างกายของเขาก่อนที่จะกลายเป็นอักขระสีทองที่ซับซ้อนและหายเข้าไปในร่างของเขาทันที
เขารับรู้ได้ถึงพลังลึกลับแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย มันทำให้กล้ามเนื้อของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น ความหมายแห่งอักขระนั้นเกิดขึ้นในจิตใต้สำนึกพร้อมทั้งบอกเขาว่าสิ่ง ๆ นี้คือ พรศักดิ์สิทธิ์ —— ทอร์เรนต์ออฟไลฟ์ ในอีก 15 ปีข้างหน้า ร่างกายของเขาจะไม่แก่หรือเกิดการชราภาพ
พรนี้เป็นเหมือนกับการยืดอายุออกไปอีก 15 ปีซึ่งถือถือว่าวิเศษมากทีเดียว อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วมนุษย์ในนัวแลนด์จะมีโอกาสได้รับประสบการณ์เช่นนี้ 2 ครั้งในขณะที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่ ครั้งแรกคือตอนที่พวกเขาเข้าสู่ระดับเซนต์ และอีกครั้งคือช่วงที่พวกเขาเข้าสู่ระดับเลเจนดารี่ ซึ่งนอกเหนือจาก 2 อย่างที่กล่าวมา วิธีสุดท้ายที่จะสามารถยืดเวลาชีวิตของพวกเขาให้ยาวออกไปได้คือการได้รับพรแห่งมังกรนิรนดร
การยืดอายุชีวิตเป็นที่ปรารถนาของสิ่งมีชีวิตที่มีความชาญฉลาดเป็นอย่างมาก ดังนั้นพรของเม็ดทรายแห่งกาลเวลาจึงเป็นสิ่งล้ำค่ามากที่สุดที่ใคร ๆ ก็อยากได้รับ สำหรับความสำคัญของชีวิตนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะแม้แต่การต่อสู้เพื่ออำนาจในยุคแดซลิ่งสตาร์และบริลเลี่ยนท์ฮีโร่ ทุกคนต่างก็คิดว่าการมีชีวิตยืนยาวกว่าคู่ต่อสู้คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้
ริชาร์ดไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะได้รับพรนี้ตั้งแต่การทำพิธีครั้งแรก เขาพยายามควบคุมความอิ่มเอมใจที่เกิดขึ้นในใจก่อนเอื้อมมือไปสัมผัสกับเครื่องหมายศักดิ์สิทธิ์ชิ้นที่ 2
นาฬิกาทรายชิ้นที่ 2 แตกออกก่อนที่เม็ดทรายสีทองจะกลายเป็นแสง มันวิ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาทันทีโดยเป็นรูปแบบของอักขระ และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาได้รับพร พรศักดิ์สิทธิ์ —— อันเฮอร์รี่เนสส์ !
เมื่อเขาได้เข้าสู่เพลนระดับต่ำซึ่งเป็นที่ที่ไม่มีวิหารแห่งมังกรนิรันดร เวลาจะเดินเร็วขึ้นถึง 10 เท่าของเวลาปกติในนัวแลนด์ พรนี้จะสามารถใช้ได้ 30 ปี และมันจะไม่ส่งผลหากเขาอยู่ภายในนัวแลนด์หรือเพลนระดับสูง
นี่ทำให้…!? หากเขามีสิ่งนี้ วันใดที่เขาเข้าไปยังเพลนระดับต่ำ เขาจะรู้สึกว่าเวลาภายนอกช้าลงไป หากจะอธิบายให้เข้าใจง่ายก็คือเมื่อเขาเข้าไปในเพลนระดับต่ำ เขาสามารถใช้เวลาในนั้นได้ 10 ปี แต่หลังจากที่เขากลับมายังนัวแลนด์ เวลาในนัวแลนด์จะผ่านไปเพียง 1 ปีเท่านั้น ในโลกแห่งเพลนไร้ขอบเขตไม่ว่าจะเป็นเพลนใด ๆ หรือในนัวแลนด์ เวลาก็จะเดินช้าเร็วแตกต่างกันไป แต่สำหรับพรอันเฮอร์รี่เนสส์ที่เขาได้รับนี้ มันจะทำให้เขามีเวลาเพิ่มอีก 10 เท่า ! อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะมีเวลาเพิ่มขึ้นแต่การอยู่ภายในเพลนเล็ก ๆ เหล่านั้นก็สามารถกินพลังชีวิตและอายุขัยของเขาไปได้เช่นกัน การที่อยู่ภายในนั้น 30 ปี ร่างกายของเขาก็จะมีอายุเพิ่มไปอีก 30 ปีอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่หากมีพรทอร์เรนต์ออฟไลฟ์ควบคู่ไปด้วยนั้น เขาจะสามารถลบล้างข้อเสียนี้ของมันไปได้
แม้ว่าพร 2 ข้อแรกจะไม่ได้ให้พลังในการต่อสู้แก่เขา ทว่าสำหรับชีวิตและกาลเวลานั้นถือเป็นพรที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับมนุษย์
ริชาร์ดแทบจะควบคุมอาการตื่นเต้นและความปีติยินดีของตัวเองไว้ไม่ไหว เขารีบเอื้อมมือออกไปแตะนาฬิกาทรายชิ้นสุดท้าย ในเวลานี้เขามีความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากกับพรที่ 3 ที่เขาจะได้รับ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะมีความตื่นเต้นมากเพียงใด เขาเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าพรที่จะได้รับจะต้องเป็นพรที่สุดยอดมากกว่า 2 พรแรก เพราะสำหรับเขาแล้ว พร 2 ข้อก่อนหน้านี้ก็ถือว่าเขาโชคดีมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นาฬิกาทรายชิ้นที่ 3 ยังไม่ได้เปิดเผยพรที่มีค่าใด ๆ ออกมาแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจเพราะคิดว่าสิ่งที่เขาได้รับมานั้นเพียงพอแล้ว นาฬิกาทรายเปลี่ยนไปเป็นบอลแห่งแสงที่ดูดกลืนหัวใจของเดม่อนอย่างสมบูรณ์ซึ่งนั่นทำให้เห็นได้ว่าจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ยังไม่ทันที่มือซ้ายของริชาร์ดจะสัมผัสเข้ากับบอลแห่งแสง ทันใดนั้นแสงที่ส่องสว่างก็พุ่งเข้าใส่มือของเขาอย่างจัง ชิ้นส่วนที่ใหญ่ที่สุดตรงกลางเกิดประกายแสงขึ้นมาในทันทีก่อนที่จะดูดแสงสว่างนั้นกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างเกิดการเผาไหม้เร็วมาก และเปลวเพลิงสีทองเปล่งประกายที่เกิดขึ้นก็ได้เผาเข้าที่มือของเขาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
“อ๊ากกก !” เขาร้องตะโกนก่อนจะถอยไปด้านหลังพร้อมกับสะบัดมือซ้ายอย่างรวดเร็วไปด้วย โชคดีที่เพลิงนั้นค่อย ๆ หายไปในเวลาไม่นาน
เมื่อเพลิงหายไปจนหมดแล้ว เขาก็รีบถอดกำไลงาช้างออกก่อนจะพบว่ามีรอยแผลเป็นรูปงาช้างปรากฏอยู่บนข้อมือของเขาอย่างเห็นได้ชัด ความเจ็บปวดที่เขาได้รับจากเปลวเพลิงนั้นแตกต่างไปจากเพลิงธรรมดาอย่างมาก แม้ว่ามันจะรู้สึกเจ็บปวดเพียงแค่ครู่เดียวทว่ามันกลับทิ้งร่องรอยแผลเป็นไว้อย่างน่าทึ่ง เขาลองขยับมือซ้ายแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติแต่อย่างใดจึงมองไปที่กำไลข้อมือของเขาอีกครั้งและต้องประหลาดใจเพราะมันไม่ได้รับความเสียหายจากการถูกเผาไหม้เมื่อครู่เลย เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกจนทำให้เขาเองก็รู้สึกสับสนว่าเหตุใดเขาถึงได้เป็นห่วงกำไลเส้นนี้เป็นพิเศษนัก มันอาจเป็นเพราะอ้อมกอดของเม้าเทนซีในตอนนั้น หรืออาจเป็นเพราะคำพูดที่นางทิ้งไว้ให้กับเขาก่อนที่จะจากลา
เขาสวมกำไลกลับเข้าไปที่ข้อมืออีกครั้งก่อนที่จะหันกลับไปสนใจพิธีที่อยู่ตรงหน้า ทว่าในตอนนี้ได้มีบางอย่างแทรกขึ้นมา ออร่าที่ยิ่งใหญ่ปรากฏขึ้นบนแท่นบูชาอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้กลับดูแข็งแกร่งและมีอำนาจมากกว่า ทันทีที่ออร่าอันอันเก่าแก่สาดเข้าใส่ร่างของริชาร์ด เขาก็รู้สึกได้ถึงการกำเนิดและการทำลายภายในเพลนไร้ขอบเขตผ่านกาลเวลา
การมีอยู่ของพลังนี้ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีกต่อไป เขาค่อย ๆ คุกเข่าต่อหน้าแท่นบูชาอย่างช้า ๆ
“มนุษย์…” เสียงดังขึ้นภายใต้จิตสำนึกของเขาอีกครั้งทว่าในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเสียงที่เยือกเย็นไร้ความรู้สึกเหมือนครั้งก่อนแต่มันกลับเป็นเสียงเก่าแก่ที่ฟังดูน่าเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง
ทันทีที่เขาได้ยินเสียงนั้นก็เกิดอาการตัวสั่นขึ้นมา ในเวลานี้เขารับรู้แล้วว่าเสียงที่เกิดขึ้นไม่ใช่เสียงตอบรับอัตโนมัติอย่างที่เขาคิด แต่เป็นเสียงที่มาจากมังกรนิรันดรโดยตรง ! ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาอยู่ไม่น้อยในการอธิบายความรู้สึกที่ได้ยินเสียงของมังกรนิรันดรด้วยตัวของเขาเองในตอนนี้
ในเวลานี้ทุกสิ่งอย่างถูกสาดส่องไปด้วยแสงจากเสาหลักแห่งแสง กาตอนก้มลงมองนาฬิกาทรายสีทองที่เพิ่งปรากฏขึ้นในมือของเขา นาฬิกาทรายเรือนเล็กนี้ทำมาจากคริสตัลโปร่งใส เม็ดทรายสีทองที่อยู่ด้านในยังคงไหลลงมาเรื่อย ๆ ซึ่งขนาดของนาฬิกานี้หากนำมารวมกัน 10 เรือนก็ยังไม่ใหญ่เท่ากับฝ่ามือของกาตอน ทว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือของชิ้นนี้ไม่ได้ประดับตกแต่งอย่างเรียบง่าย รูปแบบของมันมาจากพลังงานศักดิ์สิทธิ์ของมังกรนิรันดร ใครก็ตามที่ทำลายมันได้จะได้รับพรที่อยู่ภายในนั้น
เวลาผ่านไปเพียงนาทีเดียวทว่าแสงสิบกว่าเส้นถูกยิงออกมาจากเสาจนทำให้นาฬิกาทรายขนาดจิ๋วตกลงสู่พื้น ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนแม้แต่กาตอนผู้มีร่างกายแข็งแกร่งพร้อมรับมือกับทุกอย่างก็ยังไม่สามารถตั้งรับได้ทัน เขาเกือบจะทำให้นาฬิกาทรายตกลงสู่พื้นถึง 2 ชิ้น ! โชคดีที่ไฮพรีสเทสเฟอร์ลินโบกข้อมือเพื่อสร้างแสง 2 เส้นมาจับมันไว้ได้ทัน และนางก็ได้ส่งมันกลับไปที่มือของกาตอน
“นี่คือ…” กาตอนมองไปที่นาฬิกาทรายในมือด้วยความมึนงง
เฟอร์ลินยิ้ม “ท่านมีบุตรชายที่ดี มาร์ควิสกาตอน” ก่อนหน้านี้นางได้ยินสิ่งที่กาตอนสั่งริชาร์ดก่อนที่เขาจะเข้าสู่พิธี ภายในโบสถ์แห่งนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีเรื่องใดเป็นความลับสำหรับนาง
สำหรับเฟอร์ลินแล้วเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นใครเต็มใจมอบพรที่ยิ่งใหญ่ให้กับตระกูลของพวกเขา เฟอร์ลินเป็นผู้ทำพิธีมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่นางแทบจะไม่ค่อยได้เห็นตระกูลที่ยอมจัดสรรทุกอย่างเพื่อให้บุคคลเพียงคนเดียวภายในตระกูลได้เข้าร่วมพิธี ทว่าในทางตรงกันข้ามกลับเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนสำหรับคนที่เต็มใจจะจัดสรรพรของตัวเองให้กับตระกูลของพวกเขา
กาตอนเงยหน้าขึ้นมองไปที่เสาหลักแห่งแสง ในเวลานี้เขามองไม่เห็นอะไร และเขาก็ได้แต่ยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
เฟอร์ลินสังเกตเห็นท่าทางของกาตอนที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง สายตาของนางสั่นไหวขึ้นก่อนจะกล่าวเตือนกาตอนว่า “มาร์ควิสกาตอน พรศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างที่มอบให้กับอาเครอนนั้นเกินกว่านาฬิกาทรายทั้ง 10 นี้อีก ข้าคิดว่าท่านควรจะกลับไปดูสถานการณ์บนเกาะของท่านจะดีกว่า”
กาตอนตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยินก่อนยกมือขึ้นมาเพื่อส่งสัญญาณให้คนของเขาทำตามที่เฟอร์ลินกล่าว เซนม่าหายไปจากวิหารอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกลับมาในไม่กี่นาที แม้ว่าเสียงของนางจะถูกควบคุมให้ดูปกติทว่าคนฟังก็รับรู้ได้ถึงความสั่นคลอนในเสียงนั้นอยู่ดี
“มาสเตอร์ ! เกาะของพวกเรากำลังดูดซับพลังงานธาตุ ! เส้นรอบวงของมันขยายขึ้น 50 เมตร และดูเหมือนว่ามันจะยังขยายต่อไปอย่างต่อเนื่องด้วย ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าเกาะจะขยับตัวออกจากที่เดิมไปเรื่อย ๆ จากสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าคิดว่าพวกเรากำลังจะเปลี่ยนไปเป็นเกาะลำดับที่ 2 ในเร็ว ๆ นี้ !”
หลังจากที่ได้ยินเรื่องที่สร้างความตกตะลึงจากปากของเซนม่า กาตอนกลับไม่ได้รู้สึกดีใจแม้แต่น้อย เขาชำเลืองมองไปทางที่บุตรชายน่าจะยืนอยู่ขณะที่ปากก็พึมพำว่า “เจ้าเด็กคนนี้นี่ !”