ความรู้สึกเมื่อผ่านประตูมิติของเพลนคือสติสัมปชัญญะจะวูบไปครู่หนึ่งก่อนกลับมาอีกครั้ง มันให้ความรู้สึกที่เนิ่นนานกว่าปกติมากแต่นั่นเป็นเพราะพวกเขาข้ามระยะทางไกลจนวัดค่าไม่ได้ภายในเวลาแค่เพียงไม่กี่วินาที
คนของอาเครอนเฝ้ารออยู่ที่อีกฟากหนึ่ง พวกเขาสร้างฐานลาดตระเวนและสร้างประภาคารแห่งกาลเวลาขึ้นเพื่อนำทางให้กับคนที่เข้ามาภายหลัง ในกระแสของเวลาอันยุ่งเหยิงและพื้นที่กว้างใหญ่วุ่นวายนั้น ประภาคารแห่งกาลเวลานี้จะเป็นตัวบอกพิกัดตำแหน่งที่มั่นคงแน่นอน อีกทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้นักเดินทางหลงหรือเบี่ยงเบนออกจากเส้นทางในการเทเลพอร์ตด้วย
จากข้อมูลที่ริชาร์ดได้มา ฐานนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่นัก แม้จะรวมเข้ากับชาวพื้นเมืองที่พวกเขาเอาชนะมาได้ด้วยแล้วก็ตาม จำนวนคนที่อาศัยอยู่ก็ยังไม่ได้มีมากไปกว่า 50 คน และสถานที่นี้ก็แทบจะไม่ได้ใหญ่ไปกว่าค่ายของกลุ่มนักผจญภัยธรรมดา ๆ เลย เหล่าอาเครอน 17 คนที่ถูกส่งออกไปสำรวจกลุ่มแรกที่มีชีวิตรอดกลับมา พวกเขาได้สำรวจเส้นทางน้อยกว่า 50 กิโลเมตร จึงเรียกได้ว่าพวกเขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ในเพลนนี้เลย
อย่างไรก็ตาม เพลนที่มีความมั่นคงทางด้านพิกัดนั้นถือว่าเป็นเพลนที่ล้ำค่ามาก เมื่อเพลนถูกพิชิตได้แล้วจะทำให้ผู้ที่พิชิตได้รับผลตอบแทนที่เป็นทรัพยากรมหาศาล กาตอนเหลือเพลนระดับต่ำอีกเพียงเพลนเดียวที่เขายังไม่ได้พิชิต ดังนั้นริชาร์ดจึงไม่มีทางเลือก
ริชาร์ดอยากได้ฐานตั้งมั่นที่มีความปลอดภัยซึ่งเขาจะไม่ผิดหวังเพราะกลุ่มคนที่เดินทางมาถึงก่อนหน้านี้ได้ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมรอบตัวไว้ก่อนแล้ว และความอันตรายขั้นต้นจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปยังเพลนก็ได้ถูกกำจัดออกไปบ้างแล้วเช่นกัน
แสงสีขาวสว่างเป็นประกายปรากฏในสายตาของริชาร์ด มันบดบังสายตาและทำร้ายเขาโดยกำจัดแสงสีสันต่าง ๆ ที่กระจายอยู่ในวิสัยทัศน์ของเขาให้หายไป อย่างไรก็ตาม เมื่อสายตาของเขากลับเป็นปกติก็ไม่ได้มีแสงวิบวับใด ๆ หลงเหลืออีก ทว่าเขากลับเห็นท้องฟ้าที่มีเมฆปกคลุม รวมถึงต้นไม้มากมายและภูเขาอยู่รอบ ๆ แทน สายลมอ่อนโยนที่พัดผ่านใบหน้าของเขาได้บอกเขาว่าโลกใหม่ได้เปิดขึ้นตรงหน้าเขาแล้ว
นอกเหนือจากดอกไม้สีม่วงนั้น ทุกอย่างตรงนี้มีลักษณะที่ค่อนข้างเหมือนนัวแลนด์ ซึ่งไม่อาจทราบได้ว่าเป็นเพราะฤดูกาลหรือเป็นเรื่องปกติตลอดทั้งปีกันแน่ ทว่าเทือกเขาที่ทอดยาวอย่างไม่รู้จบภายใต้ท้องฟ้าสีฟ้าไร้เมฆนั้นปกคลุมไปด้วยเฉดสีม่วงหลากหลายที่เปล่งประกายไปทั่วจนให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา
อย่างไรก็ตาม ริชาร์ดแทบไม่มีเวลาชื่นชมทิวทัศน์ของเพลนนี้ จู่ ๆ สัมผัสอันแรงกล้าของเขาก็รู้สึกว่ามีอันตรายเกาะกุมไปทั่วทั้งจิตใจ และเสียงหวีดหวิวของลมที่แหลมคมก็ดังขึ้นในหู เกิดเสียงร้องแหลมดังขึ้นก่อนที่เขาจะมองเห็นจากหางตาว่าวอเตอร์ฟลาวเวอร์กำลังพุ่งตัวเข้าหาเขา
นางผลักเขาตรึงลงกับพื้นเพื่อหลบลูกธนูที่พุ่งผ่านมาซึ่งมันปักลงใกล้กับแก้มของเขา ลมแรงพัดกระทบดวงตาจนระคายเคือง ลูกธนูยังคงส่งเสียงรบกวนจิตใจของเขาขณะที่มันสั่นสะเทือนปักเข้าไปบนพื้น
แม้ว่านี่จะทำให้เฉียดใกล้กับความตายเพียงนิดเดียว แต่เหตุการณ์เมื่อครู่กลับทำให้เขานิ่งสงบมากขึ้น ‘ศัตรูโจมตี !’ นั่นคือสิ่งแรกที่ผุดขึ้นในความคิดของเขา
“ตามข้ามา !” วอเตอร์ฟลาวเวอร์พูดอย่างเคร่งขรึม นางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเหมือนเสือชีต้า ร่างของนางสลับไปมาเพื่อใช้ 2 เท้าวิ่งเป็นครั้งคราวระหว่างเส้นทาง นางเคลื่อนไปตามทางที่คดเคี้ยวขณะพุ่งไปยังต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลนัก เขาก็ทำตามนางเช่นกันและวิ่งไปข้างนางอย่างรวดเร็ว
ไนท์ฝึกหัดวิ่งตามพวกเขาทั้งสองไปเช่นกันโดยอยู่ไม่ห่างจากพวกเขามากนัก ทว่าเมื่อไนท์ผู้นั้นวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว ธนูดอกต่อมาก็พุ่งมาและตรึงเขาไว้ เสียงหวีดแหลมดังขึ้นในอากาศเมื่อลูกธนูพุ่งมาและปักเข้ากลางหลังของเขาอย่างจัง ไนท์ผู้นั้นร้องออกมาอย่างเจ็บปวดทรมานก่อนล้มลงบนพื้น
ในตอนนั้นเองที่ริชาร์ดสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างเสียงต่าง ๆ ที่เขาได้ยินในหูได้ เสียงกรีดร้องของการเข่นฆ่าที่สะท้อนมาจากทุกทิศทางนั้น ทำให้ชัดเจนแล้วว่าในตอนนี้พวกเขากำลังถูกล้อม เสียงโหยหวนอย่างทุกข์ทรมานมากมายดังออกมาจากในป่า หลายเสียงเป็นเสียงที่เขาคุ้นเคย แต่หลายเสียงที่เขาไม่คุ้นเคยนั้นฟังดูแปลกประหลาดซึ่งเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน นั่นหมายความว่าเสียงนั้นจะต้องมาจากศัตรู
ริชาร์ดสังเกตสภาพแวดล้อมรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว รอบตัวเป็นป่าโปร่งที่มีต้นไม้และพุ่มไม้หลากหลายชนิด มีต้นไม้ใหญ่ที่ดูเก่าแก่อยู่ประปราย มีทหารหลายคนกำลังวิ่งอยู่ท่ามกลางต้นไม้เหล่านั้นซึ่งคนเหล่านั้นพากันซ่อนตัวอยู่ทั้งหลังต้นไม้กับพุ่มไม้ และค่อย ๆ เคลื่อนตัวคืบคลานเข้ามาใกล้พวกเขา
ดูจากการเคลื่อนไหวของคนเหล่านั้น ริชาร์ดรู้ได้ทันทีว่าศัตรูทั้งหมดนี้อยู่ในระดับ 5 หรือสูงกว่า พวกเขาคุ้นเคยกับการต่อสู้ในป่า และยังมีอาเชอร์หลายคนอยู่ในกลุ่มของพวกเขาด้วย เรื่องดีเพียงอย่างเดียวคือยังไม่มีสัญญาณของเวทมนตร์ใด ๆ แสดงออกมาให้เห็น
ขณะที่เขามองดูทุกอย่างนี้ เขาก็กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ที่วอเตอร์ฟลาวเวอร์หาเจอ และเมื่อได้ที่ซ่อนตัวแล้ว หญิงสาวก็กระโจนไปข้างหน้าทันทีราวกับหมาป่าและพุ่งเข้าหาศัตรูที่กำลังใกล้เข้ามาในป่าลึกด้วยความแคล่วคล่องว่องไวที่โดดเด่น ริชาร์ดค่อนข้างมั่นใจในความสามารถของนางว่านางจะจัดการกับคู่ต่อสู้ระดับต่ำหลายคนในสภาพแวดล้อมที่เป็นผืนป่าได้แน่นอน
และก็เป็นไปตามที่เขาคาด เสียงกรีดร้องอย่างไม่มีที่สิ้นสุดดังก้องไปทั่วบริเวณ วอเตอร์ฟลาวเวอร์เป็นเหมือนหมาป่าที่แท้จริงซึ่งซ่อนตัวอยู่ในป่าและคอยตะครุบศัตรูแต่ละตัวไปเรื่อย ๆ ก่อนลงมือฆ่าสังหารหรือทำให้เจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างเลือดเย็น
ริชาร์ดตั้งสติอย่างรวดเร็วก่อนจะป้องกันตัวเองด้วยคาถาเมจิกชิลด์และสโตนสกิน จากนั้นเขาก็เริ่มเคลื่อนตัวไปตามทางไปยังบริเวณที่ดุเดือดที่สุดของสนามรบ
เขาได้ยินเสียงคำรามของแกงดอร์อยู่ข้างหน้า จากนั้นร่างใหญ่ก็พุ่งผ่านต้นไม้ 2 ต้นที่อยู่ติดกัน เถาวัลย์ที่แขวนอยู่นั้นไม่สามารถขัดขวางร่างกายที่ใหญ่โตของเขาได้เลย เขากระโดดผ่านต้นไม้ต้นแล้วต้นเล่าอย่างง่ายดาย ทว่าด้วยลำตัวท่อนบนที่โล่งไม่มีอะไรป้องกันทำให้ลูกธนูยาวที่ปักอยู่บนหลังของเขานั้นปรากฎให้เห็นอย่างเด่นชัด
อย่างไรก็ตามร่างกายของแกงดอร์แผ่กระจายความอาฆาตแค้นออกมา เห็นได้ชัดว่าลูกธนูไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการต่อสู้ของเขาแม้แต่น้อย ขณะที่เขาเหวี่ยงท่อนไม้ซึ่งหนากว่าแขนของเขาที่เลือกมาเป็นอาวุธ ไม้ท่อนนั้นเต็มไปด้วยสีแดงและขาว อีกทั้งยังมีลักษณะเหนียวซึ่งเกิดจากเลือดและชิ้นส่วนของสมองที่เปรอะไปทั่ว
มีการเคลื่อนไหวที่เดาได้ยากอยู่ในพุ่มไม้รอบ ๆ ตัวของเขา เหล่าศัตรูเข้ามาใกล้พวกเขาอย่างระมัดระวัง แต่อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บไม่ได้ส่งผลใด ๆ ต่อจิตวิญญาณการต่อสู้ของชายร่างยักษ์ใหญ่เลย ในทางตรงกันข้ามมันทำให้เขาดุร้ายมากขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ เขาก้าวเท้ายาว ๆ ไปข้างหน้าและควงท่อนไม้ที่ถืออยู่ในมือ ฝีเท้าอันหนักหน่วงของเขาทำให้พื้นสั่นสะเทือนไม่หยุดขณะที่เสียงคำรามของเขาดังกึกก้องไปทั่วป่า “พวกสัตว์ต่ำต้อย ! ออกมาและเผชิญหน้ากับความตายของพวกเจ้าซะ ! อย่าคิดว่าต้นไม้เล็ก ๆ ที่เหมือนไม้จิ้มฟันพวกนี้จะช่วยเจ้าได้ ข้าได้กลิ่นเหม็น ๆ ของพวกเจ้าจากระยะไกล ! ดูขวานนี้ในมือของข้าสิ มันไม่…”
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าการสังหารมีความสำคัญมากกว่าการโห่ร้องในสนามรบ แกงดอร์หยุดอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก่อนส่งเสียงคำรามต่อไป “ไม่มีอาวุธใดในมือข้าที่่สามารถรับมือกับความหิวโหยได้ ! ออกมาซะเถอะ พวกสัตว์ต่ำต้อย !”
*วืดดด !* คำตอบที่แกงดอร์ได้รับก็คือลูกธนูที่ยิงเข้าใส่ตัวเขาจากด้านหลัง อย่างไรก็ตาม เขาได้แสดงความว่องไวที่ไม่เหมาะกับรูปร่างใหญ่ของเขาเลย และในพริบตาเดียวเขาก็กระโจนไปด้านข้างและหลบหลีกลูกธนูได้อย่างง่ายดาย ท่อนไม้ในมือของเขาถูกขว้างออกไปในป่าอย่างโหดเหี้ยมและกระแทกตัวอาเชอร์ที่โผล่ตัวอยู่ครึ่งหนึ่งอย่างดุเดือด
เสียงกระดูกหักดังลั่นและร่างของอาเชอร์ก็บิดเบี้ยวไป ชายคนนั้นไม่ทันได้ร้องออกมาด้วยซ้ำก่อนที่จะสลบไป แกงดอร์มองไปรอบ ๆ เพื่อหาอาวุธอย่างอื่นทว่าไม่พบอะไร เขาจึงหักต้นไม้ที่อยู่แถวนั้นมาถือไว้ในมือ
ความโกลาหลของการต่อสู้ในอีกทิศหนึ่งรุนแรงขึ้นเช่นกัน ไนท์ 4 คนล้อมรอบโฟลว์แซนด์ไว้อย่างแน่นหนาเพื่อปกป้องนางและเตรียมพร้อมจะล่าถอย พวกเขาไม่มีอาวุธครบมือนัก มีเพียงหนึ่งในนั้นที่มีโล่อยู่ในมือขณะที่คนอื่น ๆ ถือดาบยาวและขวาน ลูกธนูแหลมคมจากในป่ากระหน่ำเข้าใส่พวกเขาและทำให้เหล่าไนท์ได้รับบาดเจ็บ แต่ถึงอย่างไรร่างกายของพวกเขาต่างก็เปล่งประกายจาง ๆ และทุกครั้งที่ปลายลูกธนูสัมผัสกับแสงนี้ พวกมันก็จะชะงักลงราวกับตกลงไปในน้ำ นอกจากนี้แรงของลูกธนูยังลดลงครึ่งหนึ่งเป็นอย่างต่ำด้วย
เรนจ์ชิลด์เป็นคาถาที่ใช้กันทั่วไปในกลุ่มเคลริคและเมจ โฟลว์แซนด์ยังคงดูสงบและใจเย็นได้แม้ในสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยเช่นนี้ แม้ว่านางจะเคลื่อนไหวไปด้วยทว่านางก็ร่ายคาถาได้อย่างแนบเนียนและแม่นยำไปบนร่างของไนท์ทีละคน คาถานั้นเสริมกำลังให้เกราะของพวกเขาแข็งแกร่งขึ้นและมันก็รักษาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปด้วย แม้ว่านางจะร่ายคาถาขั้นพื้นฐาน แต่มันก็ช่วยป้องกันลูกธนูเหล่านั้นได้เรื่อย ๆ จนมันเหมือนกับว่านางมีพลังที่ไม่จบไม่สิ้น
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะดังกึกก้องราวกับเสียงลับคมของโลหะดังขึ้นจากป่าฝั่งตรงข้ามกับโฟลว์แซนด์ เสียงที่ดังขึ้นพูดสิ่งเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก โฟลว์แซนด์จึงใช้คาถาความชำนาญทางภาษาทันทีเพื่อแปลสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“พวกผู้บุกรุกแปลกหน้า เจ้าเข้ามาอยู่ในเงื้อมมือของเซอร์โคโจ อย่าคิดที่จะขัดขืน ! ข้าจะสังหารพวกเจ้าทุกคนและแขวนร่างไร้ชีวิตของพวกเจ้าไว้หน้าปราสาทของบารอนเพื่อแสดงให้ทุกคนในดินแดนได้เห็นว่าผู้บุกรุกจะต้องลงเอยยังไง ! ฮ่า ๆ ๆ !”