นครแห่งบาป City of Sin – ตอนที่ 138 ความรับผิดชอบ ตอนที่ 2

นครแห่งบาป City of Sin

ตอนนี้บรู๊ดมาเธอร์เอนกายนอนลงบนพื้นบริเวณป่าใกล้ ๆ กับที่พวกริชาร์ดอยู่ เปลือกของมันแตกออกเป็นรอยร้าวทุก ๆ ส่วนในช่วงที่มันเติบโตขึ้น และท้องของมันก็ใหญ่ขึ้นจนเห็นได้ชัดว่าเวลานี้มันได้กินอาหารเข้าไปเต็มท้องแล้ว การเจริญเติบโตของมันทำให้ลำตัวมีความยาวมากกว่า 3 เมตรรวมถึงความสูงที่ดูเหมือนว่าจะสูงเท่ากับมนุษย์ ส่วนแขน ขา และหัวของมันนั้นเปลี่ยนไปจากเดิมเพียงเล็กน้อย

บรู๊ดมาเธอร์เดินโซเซไปด้านหน้าพร้อมทิ้งไข่ที่มีลักษณะโปร่งแสงไว้ด้านหลังของมันถึง 3 ฟอง ไข่เหล่านั้นเริ่มมีการเต้นของชีพจรทันทีที่สัมผัสลงกับพื้น ก้ามของพวกมันทะลุออกมาจากเปลือกไข่ก่อนที่สิ่งมีชีวิตตัวเล็ก ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับบรู๊ดมาเธอร์จะคลานออกมาโดยใช้เวลากว่า 10 นาทีจึงพ้นออกมาจากเปลือกได้และมันก็ทำเช่นเดียวกับที่บรู๊ดมาเธอร์เคยทำคือจัดการกินเปลือกของพวกมันเองเข้าไปจนหมด และหลังจากที่จัดการกับเปลือกแล้วพวกมันก็สะบัดตัวเองเพื่อให้เปลือกแข็งหลุดออกจากตัวเผยให้เห็นลำตัวของมันที่มีความยาวกว่า 1 เมตร

ทันใดนั้นมันก็กระพือปีกก่อนที่จะลอยตัวขึ้นจากพื้นและบินวนไปมารอบๆ บรู๊ดมาเธอร์แล้วพุ่งตรงออกไปยังป่าลึกในทันที ส่วนบรู๊ดมาเธอร์นั้นยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมราวกับก้อนหินสีดำที่อยู่ใต้แสงจันทร์ยามราตรี

อากาศในเวลานี้เป็นไปอย่างน่าประทับใจ ดวงดาวเปล่งประกายอยู่บนท้องฟ้า แสงจันทร์มืดสลัวราวกับว่ามีอะไรบางอย่างที่เป็นสีเทาครอบคลุมไปทั่วทั้งป่าผืนนี้ ทันใดนั้นบรู๊ดมาเธอร์ก็เคลื่อนตัวมันเข้าไปยังเงาของต้นไม้ราวกับว่าพยายามหลบหนีเสียงที่ดังมาจากมนุษย์ที่รุกล้ำเข้ามาพร้อมกับกลิ่นบางอย่างที่คุ้นเคย มันค่อย ๆ นอนหมอบลงในป่าอย่างเงียบ ๆ อีกครั้ง

ห่างออกไปร้อยกว่าเมตร พื้นที่โล่งในป่าสว่างไสวราวกับกลางวัน เชลย 10 คนกำลังขุดหลุมขนาดใหญ่และขนาดเล็กอย่างละหลุมก่อนจะนำร่างของเพื่อนร่วมกองทัพของพวกเขาใส่ลงในหลุมใหญ่โดยการควบคุมของวอริเออร์อาเครอน 2 คนที่สวมชุดเกราะเต็มตัว ในขณะที่ไนท์ของศัตรู 2 คนและเหล่าไนท์ฝึกหัดที่เหลือถูกฝังไว้ในหลุมเล็ก เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการแบ่งสถานะอย่างชัดเจนซึ่งไม่ได้เป็นธรรมเนียมของเพลนแห่งนี้เท่านั้น ทว่าภายในนัวแลนด์เองก็มีวัฒนธรรมแบบนี้เช่นกันเพราะไม่ว่าจะมีชีวิตหรือไม่ต่างก็ต้องแยกสถานะออกให้ชัดเจน

ศพของคนเหล่านั้นถูกฝังลงไปอย่างรวดเร็ว และหลังจากนั้นโฟลว์แซนด์ก็บอกให้เหล่าวอริเออร์อาเครอนพาเชลยกลับไปในขณะที่นางยังคงยืนอยู่ที่เดิมเพื่อกล่าวสวดต่ออีกครู่หนึ่ง การต่อสู้ในครั้งนี้ทำให้บทบาทของโฟลว์แซนด์เด่นชัดรองลงมาจากริชาร์ดซึ่งนั่นทำให้ไม่ว่านางจะออกคำสั่งอะไร คนที่อยู่ภายใต้การควบคุมต่างก็เชื่อฟังอย่างไม่มีข้อกังขา เหล่าคนที่มีชีวิตรอดกลับมาอีกครั้งหลังจากที่ได้รับการฟื้นฟูจากนางต่างก็รู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่มีนางร่วมต่อสู้ไปกับพวกเขา

โฟลว์แซนด์ยืนอยู่ในที่แห่งนั้นอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลานานขณะมองเชลยและทหารที่เดินออกไป ทันทีที่คนเหล่านั้นเดินจากออกไปจนลับสายตา นางก็หยิบหนังสือแห่งกาลเวลาออกมาพลิกเปิดที่หน้าหนึ่งขึ้น ในนั้นมีภาพประกอบบันทึกเรื่องราวที่ซับซ้อนของเหล่าพรีสต์แห่งมังกรนิรันดรที่เดินทางไปทั่วเพลน พวกเขาได้เผยแพร่คำสอนของมังกรไปทั่วทุกที่ซึ่งเหล่าพรีสต์ก็ได้ออกเดินทางเพื่อหาการรักษาโรคระบาดเวทมนตร์ที่เรียกว่ารั้วไม้ชราภาพ ภาพที่ปรากฏในหนังสือหน้านี้มีจุดแสงแปลก ๆ และโฟลว์แซนด์ก็มองไปยังสถานที่แห่งหนึ่งก่อนที่จะเดินหน้าตรงไปยังป่าลึก…

เสียงของหมีป่าดังคำรามออกมาจากที่ไหนสักแห่งในป่าลึก หนึ่งในตัวอ่อนบินมายังบรู๊ดมาเธอร์เพื่อโยนร่างของกระต่ายให้กับมันก่อนจะบินกลับไป ในเวลาเดียวกันพุ่มไม้ที่อยู่ด้านข้างก็สั่นสะเทือนขึ้นขณะที่ตัวอ่อนอีกตัวลากร่างของหมาป่าสีเทาที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวของมันออกมาให้บรู๊ดมาเธอร์กิน

เสียงคำรามปะทุขึ้นก่อนที่ร่างของหมีดำตัวใหญ่อวบอ้วนจะกระโจนออกมาทว่าตัวอ่อนที่บินอยู่ไม่ไกลจากหมีดำตัวนั้นยังคงบินไปมาอย่างผ่อนคลาย แม้ว่ามันจะบินอยู่ในระดับความสูงใกล้กับกรงเล็บของหมีดำแต่มันก็ยังสามารถหลบหลีกการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้ง่าย ๆ เห็นได้ชัดว่าหมีดำตัวนั้นได้รับบาดเจ็บตรงบริเวณหัวซึ่งรอยที่ปรากฏอยู่นั้นเป็นข้อยืนยันว่ามันได้ถูกตัวอ่อนกัดเข้าไปอย่างดุเดือด

เมื่อตัวอ่อนเห็นว่าหมีดำพยายามพุ่งกรงเล็บใส่มัน บรู๊ดมาเธอร์ก็ลุกขึ้นแล้วคลานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว และเมื่อหมีดำรับรู้ได้ถึงการจู่โจมของอีกฝ่ายที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา มันก็เกิดอาการแข็งทื่อทันทีก่อนที่ร่างของมันจะกลิ้งไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด หลังจากนั้นไม่นานร่างของมันก็แน่นิ่งไป

ในเวลานั้นเอง โฟลว์แซนด์ก็ได้เดินออกมาจากต้นไม้ใหญ่ต้นอื่น นางมองไปที่ร่างของหมีดำที่เกือบจะถูกกินในเวลานั้นขณะที่บรู๊ดมาเธอร์หยุดกินเหยื่อที่อยู่ตรงหน้าและหันมาจ้องมองไปยังโฟลว์แซนด์ด้วยสายตาเบื่อหน่าย มันเปิดปากขึ้นเล็กน้อยเพื่อปล่อยกรดเข้มข้มให้ไหลออกมา ซึ่งนั่นเป็นข้อบ่งชี้ที่เด่นชัดว่าหากเป็นศัตรูของมันก็จะได้รับการต้อนรับด้วยกรดพิษ

โฟลว์แซนด์หยุดก้าวเท้าของนางก่อนเอ่ยขึ้น “ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไม่สบายใจกับการต้องเจอกับข้า”

บรู๊ดมาเธอร์ขยับปากของมันช้า ๆ พร้อมกับที่เปลือกบนหัวของมันเปิดออกก่อนเผยให้เห็นเยื่อหุ้ม ‘ปาก’ ของมัน ปากนั้นกำลังขยับเพื่อให้สามารถสื่อสารออกมาได้เช่นเดียวกับมนุษย์ ทว่าถึงแม้จะเป็นภาษาที่มนุษย์สามารถเข้าใจได้แต่เสียงที่ถูกเปล่งออกมากลับเป็นเสียงแหบแห้งและแปลกประหลาดอย่างมาก “เจ้าไม่มีสัญญาวิญญาณกับมาสเตอร์”

โฟลว์แซนด์ยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “ความสัมพันธ์ของข้าและมาสเตอร์ของเจ้ามั่นคงมากเสียยิ่งกว่าผู้ที่ทำสัญญาเสียอีก”

“ข้าจะเชื่อแค่เพียงผู้ที่มีสัญญาเท่านั้น” บรู๊ดมาเธอร์ตอบกลับ

“ทำไมเจ้าถึงไม่เชื่อมต่อกับจิตของข้า ?” โฟลว์แซนด์แนะนำ “นั่นจะสามารถทำให้พวกเราสื่อสารกันได้ภายในความคิด”

บรู๊ดมาเธอร์ปฏิเสธทันที “พลังศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าทรงพลัง ก่อนที่ข้าจะพัฒนา ข้าจะไม่เชื่อมต่อกับจิตของเจ้าเด็ดขาด อีกอย่าง ข้าแนะนำให้เจ้าเอาหนังสือแห่งกาลเวลาเก็บไปซะ มันทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจและก็ทำให้ข้าพร้อมที่จะโจมตีเจ้าด้วย”

“นี่น่ะเหรอ ? ไม่มีปัญหา” โฟลว์แซนด์ชูหนังสือแห่งกาลเวลาขึ้นขณะตอบกลับไปแต่เมื่อนางยกมันขึ้นมาเปลือกหนาของบรู๊ดมาเธอร์ก็กระจายตัวออกทันที นางเห็นเช่นนั้นจึงนำหนังสือลงก่อนที่จะเก็บกลับไปไว้ที่เดิม

“เอาล่ะ เราสามารถพูดคุยกันได้ตามปกติแล้ว ข้าชื่อโฟลว์แซนด์”

“เรียกข้าว่าบรู๊ดมาเธอร์ โฟลว์แซนด์คนสวย เหตุใดเจ้าจึงตามหาข้า ?” เสียงของบรู๊ดมาเธอร์ถามขึ้น

ทันทีที่ได้ยินว่าบรู๊ดมาเธอร์พูดว่าอะไร เสียง ‘โอ้’ ก็ดังขึ้นในลำคอของโฟลว์แซนด์ก่อนที่นางจะถามกลับไปด้วยความสนใจว่า “หืมม เจ้าว่าไงนะ ข้าสวยจริงหรือ ?”

“เจ้านี่ช่างพูดเหลือเกินนะ” โฟลว์แซนด์ยิ้ม แม้แต่ในเวลาที่นางไม่ได้ยิ้มก็ยังสามารถมองเห็นได้ถึงความงดงามที่ลึกลับและศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกส่งออกมา นางเป็นดั่งซากปรักหักพังของโบสถ์มังกรนิรันดรโดยมีแสงอำพันส่องประกายระยิบระยับที่ซ่อนอยู่ภายใน ทว่าทันทีที่รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า ความงามที่ไร้ที่ติก็เพิ่มเป็นทวีคูณ ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสของนางบานสะพรั่งส่งผลให้สั่นสะท้านไปทั่วทุกพื้นที่

ไม่นานพรีสต์สาวก็หุบยิ้มลงก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ริชาร์ดมาสเตอร์ของเจ้าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่ดีเท่าไหร่ และเขาก็ต้องการความแข็งแกร่งจากเจ้าเป็นอย่างมาก”

“ข้าก็กำลังพยายามที่จะเจริญเติบโตอยู่” บรู๊ดมาเธอร์ตอบกลับ “ที่จริงแล้วการมาของเจ้าถือเป็นการขัดขวางมื้ออาหารของข้านะ”

โฟลว์แซนด์มองไปที่หมีดำตรงหน้าที่ดูเหมือนว่าเกือบจะถูกทำลายเต็มที่แล้วก่อนเอ่ยถามขึ้น “นี่เป็นอาหารที่เจ้าชื่นชอบรึ ? อีกนานแค่ไหนเจ้าถึงจะเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ ?”

“หมีดำเป็นอาหารที่ดีและทรงพลังมาก ตอนนี้ข้าเจริญเติบโตขึ้นถึง 3 ใน 4 แล้ว”

“ทรงพลังมาก…” โฟลว์แซนด์พยายามจับประเด็นจากคำพูดของมันก่อนที่จะถามต่อไป “อาหารของเจ้าในช่วงแรกนอกจากเนื้อและโลหะแล้วเจ้ายังต้องการสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังด้วยงั้นรึ ?”

“เนื้อและโลหะเป็นอาหารพื้นฐานที่ทำให้ข้าเจริญเติบโต ยิ่งอาหารของข้าทรงพลังมากเท่าใด มันก็จะยิ่งมีประโยชน์กับข้ามากเท่านั้น ข้าสามารถวิเคราะห์แหล่งพลังงานของพวกมันได้และก็สามารถทำมันได้กับตัวข้าเองเช่นกัน เมื่อข้าเจริญเติบโตขึ้น ข้าจำเป็นที่จะต้องหาอาหารที่มีมานาอยู่ภายในตัวของพวกมันด้วย”

“เยี่ยม” โฟลว์แซนด์พยักหน้า “เจ้ามากับข้า ข้าเชื่อว่าที่ที่ข้าจะพาเจ้าไปมีอาหารที่มีประโยชน์ต่อตัวเจ้าอยู่เพียบ”

บรู๊ดมาเธอร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตามพรีสต์สาวไปแต่โดยดี ในขณะเดียวกันร่างของหมีดำก็ไม่ได้ถูกทิ้งให้เสียเปล่าเพราะมันได้สั่งให้ตัวอ่อนตัวอื่น ๆ ลากมาด้วย

โฟลว์แซนด์นำบรู๊ดมาเธอร์มาด้านหน้าก่อนจะเปิดพื้นที่ว่างซึ่งเต็มไปด้วยศพของวอริเออร์ที่ตายแล้วฝังอยู่ บรู๊ดมาเธอร์แยกเปลือกของมันออกจากกันด้วยความตื่นเต้นก่อนที่จะพุ่งตรงไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วทว่าหลังจากที่มันก้าวออกไปได้ไม่กี่ก้าวมันก็หยุดลง

“มาสเตอร์บอกข้าว่าห้ามล่ามนุษย์ มนุษย์ไม่ใช่อาหาร” มันกล่าวขึ้น

“มนุษย์สามารถเป็นได้ทั้งเพื่อนและศัตรู ไม่มีความจำเป็นจะต้องลังเลที่จะกินคนที่คิดจะฆ่าเจ้า และที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือริชาร์ดต้องการความแข็งแกร่งของเจ้าในเวลานี้”

“แต่มาสเตอร์…” บรู๊ดมาเธอร์ยังคงนิ่งไป ทว่าหลังจากที่มันเดินทางมาถึงที่แห่งนี้แล้ว หมีดำที่มันล่าก่อนหน้านี้ก็หมดความน่าสนใจไปโดยปริยาย

“ริชาร์ดปฏิบัติตามความคิดและหลักการของเขาเองซึ่งมันเป็นเจตจำนงที่น่าเหลือเชื่อและทำให้คนมากมายเชื่อและทำตามเขา แต่ข้าจะเป็นคนรับช่วงต่อในเรื่องที่จำเป็นแต่เขาไม่มีความสามารถหรือมีความกล้าพอที่จะทำ บรู๊ดมาเธอร์ เจ้าไม่จำเป็นต้องลังเล นี่เป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของข้า ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตที่เฉลียวฉลาดและเจ้าเองก็รู้ดีว่ามันดีทั้งต่อตัวเจ้าและมาสเตอร์ของเจ้าด้วย หลักการของเจ้าจะมีความสำคัญก็ต่อเมื่อเจ้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้เท่านั้น”

บรู๊ดมาเธอร์ยังคงไม่เคลื่อนไหวทว่าตัวอ่อนอีก 2 ตัวที่ลากหมีดำมาพร้อมกับพวกเขาก่อนหน้านี้ได้ทิ้งร่างของหมีดำก่อนจะพุ่งตัวไปยังหลุมตรงหน้า พวกมันขุดดินขึ้นมาจนเผยให้เห็นศพจำนวนมากที่ถูกฝังอยู่ในนั้น ตรงกลางเป็นร่างของเมนต้าซึ่งยังสวมชุดเกราะเต็มตัวพร้อมทั้งหมวกป้องกันของเขา เกราะที่ถูกทำลายจนเสียหายถูกวางปิดตรงบริเวณร่างในขณะที่มอนิ่งสตาร์ยังอยู่ในมือของเขาเช่นเดิม

บรู๊ดมาเธอร์เคลื่อนตัวคลานไปยังหลุมที่ฝังร่างของผู้ไร้วิญญาณ เงาใหญ่ค่อย ๆ ปกคุลมร่างของไนท์ผู้ที่ถูกส่งไปสู่การพักผ่อนอันเป็นนิรันดร์

นครแห่งบาป City of Sin

นครแห่งบาป City of Sin

Status: Ongoing
เด็กหนุ่มที่เกิดมาพร้อมกับสายเลือดของเอลฟ์และปีศาจ ต้องเดินบนสมรภูมิแห่งการทำลายล้าง เพื่อที่จะลากพวกที่สูงส่งให้ลงมา วันหนึ่งเมื่อเขาสำรวจรอบๆตัวเอง และจะพบว่า—-ไม่หลงเหลือศัตรูให้ฆ่าอีก

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท