มาร์วินทิ้งทุกอย่างในคืนที่ 3 ก่อนที่จะมุ่งหน้าออกจากฐานทัพ เขาใช้ประโยชน์จากความมืดเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปยังดินแดนของเซอร์โคแคท
โคแคทคือบิดาของมาร์วินและเป็นลูกพี่ลูกน้องของบารอนฟอร์ซ่า แม้ว่าเขาจะไม่สามารถก้าวข้ามระดับ 9 ได้ในช่วงสูงสุดของวัยรุ่นของเขาทว่ามรดกและการแต่งงานทำให้เขาสามารถรักษาตำแหน่งไนท์ติดยศไว้ได้ ในความเป็นจริงแล้ว โคแคทสำคัญกับบารอนมากกว่าฮิวเบิร์ตและโคโจเสียอีกแต่ก็ยังด้อยกว่าเมนต้าทว่าด้อยกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เพลนแห่งนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวายที่เกิดจากความดิ้นรนในการแย่งชิงอำนาจ แม้ว่าสงครามจะไม่ได้มีบ่อยหรือยิ่งใหญ่เท่ากับสงครามในนัวแลนด์ทว่าพวกเขาก็ยังคงมีการต่อสู้อยู่เรื่อย ๆ เป็นเรื่องปกติ เหล่าชนชั้นสูงต่างใช้ประโยชน์จากข้ออ้างเพื่อสร้างสงครามระหว่างกันขึ้นมา แม้แต่การเหยียบย่ำพืชผลจากพวกม้าก็สามารถที่จะทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างพวกเขาได้ ! ที่แห่งนี้ไม่ได้มีตรรกะใด ๆ มากมายนัก ขอเพียงแค่มีข้ออ้างและข้อแก้ตัวเพียงเล็กน้อยพวกเขาก็สามารถทำสงครามกันได้ทันที
ทว่านอกจากเหตุผลเหล่านั้นแล้ว เหตุผลที่แท้จริงที่จะทำให้เกิดสงครามได้คือการเข้ามาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอม ซึ่งอาจจะเป็นการครอบครองดินแดน แร่ธาตุ อาหารพื้นเมือง หรือแม้แต่เส้นทางการค้า และแน่นอนว่าในเพลนก็ยังมีคนโง่ที่ต่อสู้เพื่อแย่งชิงภรรยาและบุตรของศัตรูเพื่อให้ตัวเองได้ครอบครองแต่ในไม่ช้าพวกคนเหล่านั้นก็จะถูกกำจัดให้หายไปในที่สุด
เมนต้าคือนักรบและผู้บัญชาการที่ไม่เคยทำผิดพลาดมาก่อนเลยซึ่งโคแคทเองก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เขาจึงค่อนข้างจริงจังต่อการวิเคราะห์เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นและเขาเองก็รู้ดีว่าการแต่งงานของเขาเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาสามารถควบคุมดินแดนแห่งนี้ได้
มาร์วินตัดสินใจที่จะไปหาโคแคทเพราะเหตุผลนี้ หากมีใครที่อยากเกลี้ยกล่อมให้เขายืนอยู่ฝั่งของผู้บุกรุกก็จะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่มากพอ ริชาร์ดเชื่อว่าเขาสามารถเชื่อใจโคแคทได้หลังจากที่โคแคทรู้ว่าบุตรชายของเขาได้กลายเป็นพรีสต์เสื่อมเสียและกลายเป็นศัตรูของเทพเจ้าแห่งความกล้าหาญแล้ว
สิ่งที่มาร์วินมั่นใจว่าจะสามารถโน้มน้าวบิดาของตนเองได้คือการที่โฟลว์แซนด์สามารถเสนอเส้นทางแห่งความศรัทธาใหม่ให้กับพวกเขาได้ เทพเจ้าของผู้บุกรุกนั้นแข็งแกร่งมากซะจนสามารถแทรกซึมเข้ามาสู่เพลนของพวกเขาได้ไม่ยากนัก เหตุผลหลักที่ชาวบ้านภายในเพลนทำทุกอย่างเพื่อกำจัดผู้บุกรุกก็เป็นเพราะเทพเจ้าของพวกเขามีจุดยืนที่ชัดเจน ไม่ว่าพลังของผู้บุกรุกจะแข็งแกร่งสักเพียงใด ตราบใดที่เทพเจ้ายังเต็มใจที่จะมอบสิ่งตอบแทนให้พวกเขา พวกเขาก็จะพยายามกำจัดผู้บุกรุกออกไปอย่างสุดความสามารถ
ทว่าผู้บุกรุกเหล่านี้แตกต่างจากกลุ่มอื่น แม้ว่าพวกเขาจะอ่อนแอกว่ากลุ่มที่เคยบุกรุกในครั้งก่อนแต่พวกเขามีความสามารถในการมอบความเชื่อ ! อีกทั้งยังสามารถทำให้เทพเจ้าของเพลนนี้สูญเสียผลประโยชน์ในการที่จะได้รับความเคารพด้วย สถานการณ์ตอนนี้พวกเขาอาจจะเสียเปรียบฝ่ายผู้บุกรุกแต่นั่นเป็นสิ่งที่เขารู้ดีจากประสบการณ์ที่เขาเคยพบเจอมาก่อนแล้ว
หลังจากที่มาร์วินได้ออกจากฐานทัพไปแล้ว ริชาร์ดยังคงดูแผนที่เพื่อพยายามหาจุดโจมตี ในเวลานี้บนแผนที่มีจุดที่เขียนกำกับอยู่ซึ่งเป็นข้อมูลจำนานมากที่เขาได้รับมาจากการสอบสวนเหล่าเชลย
ขณะที่เขากำลังพิจารณาแผนที่ตรงหน้าอยู่นั้น ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขา เขาเงยหน้าขึ้นก่อนมองออกไปยังป่ามืดที่อยู่ด้านนอกหน้าต่าง เขาเพิ่งจะได้รับเรื่องมาว่าบรู๊ดมาเธอร์โตเต็มวัยแล้วและในเวลานี้มันก็อยู่ในระดับ 1 แล้วด้วย ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องตัดสินใจถึงเส้นทางของมันในอนาคต
เขาวางงานทุกอย่างในมือลงบนโต๊ะก่อนที่จะคว้าชุดคลุมและเดินออกจากที่พักไป บรู๊ดมาเธอร์อยู่ห่างจากเขาออกไปไม่กี่กิโลเมตรโดยต้องใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเพื่อให้เดินทางไปถึงตำแหน่งของมัน ทันทีที่เขาเดินออกจากฐานทัพ ลูกสมุนทำงานขนาดใหญ่ 2 ตัวก็บินมาตรงหน้าเขาทันทีจนทำให้เขาตกใจ แม้ในเวลากลางวันสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่เหล่านี้ก็ยังสามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ที่พบเห็นได้ ต้องขอบคุณที่เขารู้มาก่อนหน้านี้แล้วว่าลูกสมุนทำงานเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากบรู๊ดมาเธอร์ซึ่งมีหน้าที่ในการออกตามหาอาหารให้กับมันเขาจึงไม่ค่อยตกใจ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเดินออกจากฐานทัพเพื่อไปหาบรู๊ดมาเธอร์ สิ่งมีชีวิตตัวนี้ยังคงถูกปกคลุมไปด้วยเกราะสีดำมันวาว ท้องของมันกินพื้นที่ไปกว่า 2 ใน 3 ของร่างกายทั้งหมดแต่มันก็ยังไม่ได้ผิดรูปร่างไปจากตอนแรกเกิดเท่าไหร่นัก ตัวของมันสั่นเล็กน้อยเวลามันหายใจในขณะที่หัวของมันแทบจะมีขนาดเท่ากับตอนแรกเกิดซึ่งยากที่จะมองเห็น ส่วนก้ามของมันนั้นมีลักษณะคล้ายกับใบมีดและยังคงมีขนาดเท่าเดิมโดยมีไว้เพื่อเป็นอาวุธ
จากการสังเกตความแข็งแกร่งของบรู๊ดมาเธอร์ในเวลานี้ มันพัฒนาขึ้นในด้านการโจมตีทางจิตใจและการพ่นกรดออกมาจากปากซึ่งดูเหมือนว่าจะมีประโยชน์เสียยิ่งกว่าก้ามที่อยู่บนหัวของมันเสียอีก ยิ่งไปกว่านั้นขาทั้ง 6 ของมันก็ดูเหมือนว่าจะมีความมั่นคงมากขึ้นและอวบอ้วนมากกว่าเดิมเช่นกัน ประโยชน์จากขาที่มีขนาดใหญ่ของมันนั้นก็คงจะเป็นการช่วยพยุงน้ำหนักรวมถึงเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวให้มากยิ่งขึ้น
‘มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงหลังจากที่เจ้าเติบโตหรือไม่ ? เจ้าได้รับพลังการโจมตีหรือพลังในการป้องกันอื่น ๆ รึเปล่า ?’ ริชาร์ดถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น
เสียงของบรู๊ดมาเธอร์ดังขึ้นภายในจิตของเขาว่า ‘ไม่ มาสเตอร์ ข้าไม่ได้ตั้งใจต่อสู้ การโจมตีทางจิตใจและการพ่นพิษเป็นทางเดียวที่จะสร้างความเสียหายต่อศัตรูได้ แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงกลไกในการป้องกันตนเองเท่านั้น ซึ่งข้าสามารถใช้ได้ก็ต่อเมื่อศัตรูอยู่ห่างจากข้าออกไป 30 เมตรและหากศัตรูเลือกที่จะหลบหนี ข้าเองก็ยังไม่สามารถไล่ตามพวกมันได้ทัน ตอนนี้ข้าเติบโตแล้วและมีความสามารถในการสร้างลูกสมุนจู่โจมได้ ข้ามีความยินดีที่จะบอกท่านว่าท่านสามารถใช้พวกมันให้เป็นทหารของท่านได้เช่นกัน’
‘ลูกสมุนจู่โจมรึ ?’ สิ่งที่มันพูดยังไม่สามารถทำให้ริชาร์ดเข้าใจได้เขาจึงถามต่อไป ‘เจ้าหมายถึงผึ้งงานพวกนั้นน่ะหรือ ?’
บรู๊ดมาเธอร์อธิบาย ‘ก็ทำนองนั้น แต่มันไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว พวกผึ้งงานพวกนั้นเป็นเพียงลูกสมุนทำงานที่ข้าสร้างขึ้นมาในตอนที่ข้ายังไม่โตเต็มวัย พวกมันมีพลังงานที่จำกัดจึงทำได้เพียงสู้กับเหล่าหมาป่า หากเป็นวอริเออร์ที่มีอาวุธในมือแม้ว่าจะอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากก็อาจจะสามารถทำลายพวกมันได้ วัตถุประสงค์หลักของพวกมันคือการหาอาหาร ไม่ใช่ป้องกันให้ข้า’
ริชาร์ดพยักหน้ารับ เหล่าลูกสมุนทำงานนั้นเป็นเหมือนสุนัขที่เห่าแต่ไม่กัดซึ่งต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวอีกมากมายเพื่อหาอาหารกลับมา นอกจากความสามารถในการสร้างพิษอัมพาตแล้วพวกมันก็ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอื่นใดสำหรับใช้ในการโจมตี และวอริเออร์ระดับ 5 ก็สามารถทำลายพวกมันหลายตัวในเวลาเดียวกันได้อย่างง่ายดาย
บรู๊ดมาเธอร์ยังคงอธิบายต่อไป ‘ลูกสมุนจู่โจมแตกต่างจากพวกลูกสมุนทำงานเพราะวัตถุประสงค์หลักของพวกมันคือการต่อสู้และมันสามารถที่จะรักษาสภาพของมันไว้จนนาทีสุดท้ายของชีวิตได้ ในเวลานี้ข้าเติบโตเพียงพอจนก้าวเข้าสู่ระดับ 1 แล้ว การสร้างลูกสมุนจู่โจมจะสามารถสร้างได้วันละ 3 ตัวซึ่งในตอนนี้ข้าอาจมีพลังเพียงพอที่จะสร้างออกมาได้ 10 ตัวเลยทีเดียว ปกติแล้วข้าสามารถวางไข่เพื่อสร้างลูกสมุนจู่โจมแบบปกติได้เท่านั้น แต่เนื่องจากอาหารพิเศษบางอย่างที่ข้าได้กินเข้าไปในช่วงระยะดักแด้ มันจึงทำให้ข้าสามารถปรับปรุงคุณสมบัติของพวกมันให้ออกมาดีขึ้นกว่าระดับปกติได้
และนี่คือข้อมูลของพวกมัน แบบพิมพ์เขียวของพวกมันถูกสร้างขึ้นตามสภาพแวดล้อมในเพลนแห่งนี้ แต่เมื่อข้าเติบโตขึ้นในระดับต่อ ๆ ไป ท่านสามารถที่จะแก้ไขหรือปรับปรุงมันได้ตามที่ท่านต้องการ’ เมื่อบรู๊ดมาเธอร์อธิบายจบ แบบพิมพ์เขียว 3 มิติก็ปรากฏขึ้นในใจของริชาร์ดซึ่งมาพร้อมกับข้อมูลจำนวนมาก
สิ่งมีชีวิตบนบกคล้ายกับแร็พเตอร์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์เหล่านี้มีขาหลังที่แข็งแรงทำให้สามารถวิ่งได้เร็ว แขนด้านหน้าของมันมีใบมีดคล้ายกับก้ามปูเช่นเดียวกับบรู๊ดมาเธอร์ เมื่อพวกมันเจริญเติบโตขึ้นแล้ว คมเขี้ยวของพวกมันก็แหลมคมพอที่จะใช้เจาะทะลุเกราะของทหารมนุษย์ได้ แต่ละตัวมีขนาดเท่ากับหมาป่าขนาดใหญ่และพวกมันก็สามารถที่จะปะทุพลังออกมาได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นอกจากนี้แล้ว ในเวลา 1 ชั่วโมงมันสามารถเดินทางไปได้ไกลถึง 60 กิโลเมตรซึ่งถือว่าเร็วยิ่งกว่าม้าศึกเสียอีก
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น บรู๊ดมาเธอร์ยังสามารถที่จะปรับปรุง ‘แร็พเตอร์’ เหล่านี้เพื่อเพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้กับมันได้มากขึ้นถึง 20% ซึ่งแร็พเตอร์เหล่านี้จะแข็งแกร่งมากกว่าแร็พเตอร์ตัวอื่น ๆ ที่จะมีพลังโจมตีเท่ากับวอริเออร์ระดับ 5 ได้อย่างง่ายดาย พวกมันจะมีระดับประมาณ 6 ถึง 7 แต่อย่างไรก็ตามบรู๊ดมาเธอร์จะต้องใช้พลังงานที่มากขึ้นเพื่อการสร้างแร็พเตอร์ในแบบปรับปรุง แต่บรู๊ดมาเธอร์ก็ยังสามารถที่จะสร้างแร็พเตอร์ประเภทนี้ได้วันละ 3 ตัวหากมันมีพลังงานที่เพียงพอ
เป็นที่น่าเสียดายที่ในข้อดีของมันก็ยังมีข้อเสียอยู่นั่นก็คือเหล่าแร็พเตอร์จะมีช่วงอายุเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น
ริชาร์ดคาดหวังในตัวบรู๊ดมาเธอร์ไว้สูงมาก ทว่าเขาเองก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่ามันจะช่วยเขาได้มากขนาดนี้ จากเวลาที่คำนวณแล้ว ภายใน 1 เดือนบรู๊ดมาเธอร์จะสามารถสร้างฝูงแร็พเตอร์ได้มากถึง 100 ตัวซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอสำหรับสู้กับพวกทหารระดับสูงได้ ! และนั่นก็คงไม่เป็นปัญหาสำหรับริชาร์ดในการพิชิตเพลนแห่งนี้เลย เขาจะสามารถก้าวไปยังดินแดนต่าง ๆ และเอาชนะอำนาจทางทหารในที่เหล่านั้นได้ง่ายขึ้น สำหรับริชาร์ดแล้วเขาคิดว่าบรู๊ดมาเธอร์ได้แก้ปัญหาที่เขามีอยู่ในเวลานี้ได้เป็นอย่างดีโดยข้อกำหนดเพียงอย่างเดียวที่เขามีคือจะต้องแน่ใจว่าบรู๊ดมาเธอร์ได้กินอาหารที่ดีและเพียงพอซึ่งก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ลูกสมุนจู่โจมจำนวนมากไม่ใช่สิ่งเดียวที่บรู๊ดมาเธอร์สามารถสร้างได้ เมื่อมันก้าวเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้น มันยังสามารถที่จะปลดล็อกความสามารถอื่น ๆ ได้อีก และร่างกายของมันก็จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในเวลาเดียวกัน กระบวนการเหล่านี้สามารถเร่งได้โดยการให้อาหารพิเศษบางอย่างแก่มันเช่นคริสตัลที่มีมานาอยู่ในนั้นหรืออะไรที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน นอกจากนี้มันยังสามารถดูดซึมพลังจากสิ่งมีชีวิตอย่างเช่นไวเวิร์น ดราโกเนี่ยน หรือแม้แต่งูหลายหัวได้ และมันยังมีโอกาสที่จะไขความลึกลับของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นโดยใช้คุณสมบัติของพวกมันในการเสริมประสิทธิภาพให้กับเหล่าลูกสมุน ยกตัวอย่างเช่นความสามารถที่แข็งแกร่งของเหล่าลูกสมุนจู่โจมที่ได้มาจากการที่บรู๊ดมาเธอร์กินสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งเป็นอาหาร
แน่นอนว่ามีสิ่งหนึ่งที่ริชาร์ดไม่รู้ก็คือเบื้องหลังของคนที่มีส่วนช่วยให้การเติบโตของบรู๊ดมาเธอร์เป็นไปอย่างก้าวกระโดดในครั้งนี้ก็คือร่างของเซอร์เมนต้าที่โฟลว์แซนด์ชี้นำให้มันกินเข้าไป
เมื่อริชาร์ดได้พิจารณาแล้วว่าโฟลว์แซนด์จะช่วยสนับสนุนกองกำลังของเขาได้เป็นอย่างดี เขาจึงตัดสินใจว่าจะมุ่งเน้นไปยังพลังส่วนบุคคลมากกว่าจำนวนคน ‘พรุ่งนี้จะมีการฟักชุดกองกำลังแร็พเตอร์ที่ปรับปรุงความแข็งแกร่งหรือไม่ ? ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะเริ่มการโจมตีในเช้าวันรุ่งขึ้น’
‘อดทนรออย่างใจเย็นเถิดมาสเตอร์ ท่านจะมีกองกำลังชุดแรกภายใน 10 นาทีหลังจากนี้แหละ’ บรู๊ดมาเธอร์ตอบกลับ