ซือหยูขมวดคิ้วเบาๆ บอกตามตรง เขากลัวที่จะอยู่ใกล้องค์หญิงหก
นางไม่เพียงหลักแหลมแต่นางยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย!
ก่อนหน้าเมื่อเทพพ่อค้ารับมือกับนาง เขาไม่มีโอกาสเอาชนะนางได้เลย!
ลำพังจากพลังการต่อสู้นางน่าจะรับมือกับฑากิณีได้
ไม่รู้ว่าเป็นคำสาปหรือฟ้าประทานพรที่มีนางอยู่ข้างกาย
แต่นี่เป็นการตัดสินใจจากเหล่ารัชทายาทซือหยูไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับ
ตกลง!วันที่ก่อกบฏจะเป็นวันที่ข้าเดินทางไปยังเมืองหลวง
ทางเดียวในการหนีจากแดนอสูรก็คือผ่านแท่นบูชาโบราณที่อยู่ในเมืองหลวง
พวกเขาจะไปพบกันที่นั่น หลังจากส่งรัชทายาทกลับไปแล้วก็เหลือองค์หญิงหกที่อยู่ที่นี่
หึหึเจ้ากำลังจะได้หนีตามรัชทายาททุกคนไปแล้วนะ
องค์หญิงหกพูดแหย่นางยิ้มอย่างสดใส
ซือหยูถามนาง
เจ้ามั่นใจรึว่าเจ้าจะแพ้?ข้าไม่คิดเช่นนั้น ตัดสินใจก่อกบฏแล้ว ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะอยู่เฉยไม่ทำสิ่งใด
องค์หญิงหกยิ้ม
แน่นอนว่าข้ามีแผนแต่ข้าไม่บอกเจ้าหรอก!
นางย่างเท้าไปที่หน้าเจ้าหมาราวกับกวางด้วยรอยยิ้มแต่เจ้าหมากลับแยกเขี้ยวตอบกลับ
หลายเดือนก่อนองค์หญิงหกต้องการที่จะดับลมหายใจของเจ้าหมา
ซือหยูไม่สนใจว่ารัชทายาทวางแผนอะไรมีเพียงเรื่องเดียวที่เขาต้องการรู้ องค์หญิงหกเมล็ดไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำอยู่กับเจ้างั้นรึ?
ซือหยูหันไปถามนางตรงๆ
องค์หญิงหกหลอกตาด้วยความตกใจเล็กน้อยนางยิ้มตอบ
เรียกข้าว่าจิงเสวียนสิ
ซือหยูตอบ
นั่นมันเรื่องเล็กข้าไม่ได้ล้อเล่นเจ้าอยู่น…
ข้าอยากได้ยินเจ้าเรียกข้าว่าจิงเสวียน
องค์หญิงหกเจ้าจริงจังให้มั…
เรียกข้าว่าจิงเสวียน!
จิง…เสวียนเมล็ดไม้ต้องห้ามเพลิงทองคำ…
ฮี่ฮี่แน่นอน ข้ามี! เจ้าอยากได้รึ?
ซือหยูไม่ค่อยสบายใจกับองค์หญิงขี้เล่นเช่นนี้เขาพูด
ใช่!ข้าอยากจะแลกมันกับสิ่งอื่นที่เจ้าอยากได้…
ขอปฏิเสธ!
องค์หญิงหกวางมือไพล่หลังนางยิ้มปฏิเสธเสียงแข็ง
ซือหยูคาดเดาไว้แล้วมันคือเมล็ดของต้นไม้วิเศษแห่งโลกอสูร เหลือเพียงเมล็ดเดียวบนโลก มันจะแลกกับสิ่งอื่นได้ง่าย ๆ รึ?
ไม่เป็นไร
เมล็ดจะเปลี่ยนเงื่อนไขบางประการได้เท่านั้นมันจะไม่มีผลต่อการต่อสู้สุดท้าย
หากมีมันก็ดีแต่ถ้าหากไม่มีก็ไม่เป็นไรเช่นกัน
เจ้ามาหยิบเองสิ!
องค์หญิงหกฉีกยิ้มด้วยแววตาซุกซน
เมล็ดที่กำลังจะตายไม่มีค่าใดถ้าอยากได้ก็มาหยิบเองซะ
เอ๋?ซือหยูตาลุกวาว องค์หญิงหกไม่ได้น่ารังเกียจอย่างที่เขาคิด ที่ไหนล่ะ?
ตรงนี้!
องค์หญิงหกแอ่นอกชี้หน้าอกคู่ขนาดเท่ากำปั้นของนาง
ที่ลำคอขาวราวหิมะมีสร้อยสีแดงบางสวมอยู่ สร้อยห้อยลงไปถึงหน้าอกของนาง
เมล็ดอยู่แนบกายนางมาโดยตลอด
เห็นเช่นนี้ซือหยูถึงกับปวดหัวเพราะนางนางกำลังแหย่เขาอีกแล้วรึ?
ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไรข้าจะหยิบล่ะนะ
ซือหยูเดินเข้าใกล้เขาจับไหล่นางด้วยมือข้างเดียว ขณะที่มืออีกข้างตรงไปที่คอของนางอย่างไม่ลังเล
องค์หญิงหกคิดจะไม่ให้มันกับเขานางไม่คิดว่าเขาจะเด็ดเดี่ยวเช่นนี้
นางผงะนางเอามือปิดอกและถอยหลังกลับด้วยความเขินอายและโมโห
เจ้ากล้าดียังไ… เจ้าไม่ได้อนุญาตให้ข้าหยิบมันเองหรอกเรอะ?
องค์หญิงหกรู้สึกขัดแย้งในใจนางดึงสร้อยออกและขว้างให้ซือหยูจากระยะหลายสิบศอก นางไม่กล้าเข้าใกล้ซือหยูอีกแล้วเพราะกลัวว่าเขาจะฉวยโอกาสนางอีกครั้ง
หลังจากโยนสร้อยนางกระทืบเท้าและเตือนซือหยูขณะที่เดินออกไป
ข้าจะจับตาดูเจ้าอย่าคิดว่าจะรอดพ้นสายตาข้าได้!
ซือหยูคว้าสร้อยที่ลอยอยู่กลางอากาศมันยังมีความอบอุ่นจากกายและกลิ่นอันหอมหวานจากนางหลงเหลืออยู่ด้วย
เขาทุบสร้อยและนำเมล็ดสีเหลืองทองออกมา
พลังชีวิตในเมล็ดอ่อนแอมากหากไม่สังเกตอย่างละเอียดก็แทบจะสัมผัสไม่ได้
มันเสียหายถึงขนาดนี้แล้วรึ?
ซือหยูขมวดคิ้วเขาเข้าสู่มุกวิญญาณเก้าหยกและฝังมันลงในดินเพาะบ่มชั้นสูง
ซือหยูสังเกตมันสักครู่และโล่งใจขึ้นบ้างเมื่อพลังของเมล็ดเริ่มกลับมามันส่งสัญญาณการเจริญเติบโต
โชคดีที่ยังไม่สายเกินแก้หากช้ากว่านี้ไม่กี่วัน ต่อให้ดินเพาะบ่มก็ช่วยอะไรไม่ได้
ซือหยูโชคดีมากดูจากการเติบโต มันน่าจะใช้งานได้ในอีกครึ่งเดือน
ซือหยูให้จางตี๋เก้อดูแลเมล็ดและไม่ให้ผีเสื้อโกลาหลเข้าใจผิดว่ามันคืออาหารจากนั้นจึงกลับสู่กายหยาบ
ทันทีที่ลืมตาขนปุยก็อยู่ตรงใบหน้าเขา
ซือหยูตกใจ
ทำอะไรของเจ้า?
ซือหยูเคาะหัวเจ้าหมาด้วยความรำคาญ
เจ้าหมาลูบหัวและพูดเบาๆ
ไม่มีอะไร!
เจ้าหมาเห็นองค์หญิงหกยั่วซือหยูและได้เห็นว่าซือหยูเล่นตามนางอีกด้วยเจ้าหมารู้สึกว่าองค์หญิงหกแย่งสิ่งที่เป็นของมันไป
ความรู้สึกไม่สบายใจนี้เป็นความรู้สึกที่ประหลาดมากสำหรับเจ้าหมา
เมื่อวิญญาณของซือหยูออกจากร่างมันก็เข้ามาหาซือหยูด้วยความสงสัย แต่ก็ตกใจเมื่อซือหยูลืมตาตื่น
ซือหยูมองเจ้าหมาไม่นานก่อนจะยืนขึ้นคลื่นพลังเทพสั่นไหวต่อหน้าเขา
อสูรขนนกทำไมเจ้าถึงไม่ไปหามเหสี? เวลาผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว
เสียงเย็นชาของไค่หลินดังขึ้นนางยังคงยิ้มดว้ยความใจดี แต่เทียบกับคราวก่อน นางระแวงขึ้นเล็กน้อย
รัชทายาทรวมตัวกันที่นี่แต่องค์หญิงหกยังคงอยู่ไม่ไปไหน นั่นทำให้นางเคลือบแคลงสงสัย
ซือหยูถาม
ท่านไค่หลินกลับมาเร็วขนาดนี้เลยหรือ?
เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าตนโดนล้อม
ไค่หลินแสยะยิ้มเทพอสูรเนตรม่วงค้นหาตัวตนของพวกนางทั้งสี่มาแล้ว พวกนางจะไม่รู้ได้อย่างไร?
เมื่อเห็นว่าซือหยูทำเป็นไม่รู้เรื่องไค่หลินถอนหายใจแรง ดูเหมือนว่าเขาจะรู้และระวังตัวต่อนางแล้ว!
ท่านมเหสีสั่งเจ้าให้ไปพบนางที่เมืองหลวงเดี๋ยวนี้
ไค่หลินเร่งเร้า
ขอบอกท่านตามตรงมีเรื่องสำคัญที่ข้าต้องจัดการเสียก่อน ข้ายังไม่มีเวลาไปเมืองหลวง
เรื่องสำคัญอะไรกัน?แดนจิงหยูสงบสุขแล้ว ภาระในเมืองมีอสูรจันทร์ผ่องรับมือ ไม่มีอะไรสำคัญอีกแล้ว เจ้าต้องไปกับข้าเดี๋ยวนี้
ใบหน้าของไค่หลินไม่มีความเป็นมิตรอีกแล้ว
ซือหยูกล่าว
ข้าต้องบ่มเพาะพลัง!ข้าเพิ่งจะเป็นเซียน พลังข้ายังไม่มั่นคงพอ ถ้าหากข้าไม่รีบ ข้าเกรงว่าพลังของเขาจะเสื่อมสลายไป มันคือเรื่องอนาคตของข้า ไม่ใช่ความตั้งใจของข้าที่จะรีรอ โปรดอภัยให้ข้าด้วย
ไค่หลินหัวเราะในโลกอสูรแห่งนี้ หากมเหสีหยุนเซี่ยต้องการพบใคร ใครกันที่จะกล้าปฏิเสธ!
มีเพียงซือหยูจากธารดาราเท่านั้น!
แต่มเหสีหยุนเซี่ยเองก็ย้ำนางว่าไม่ให้บังคับซือหยูนัก
แม้นางจะไม่พอใจไค่หลินก็ไม่ฝืนเขาต่อ นางถามอย่างไร้อารมณ์
อีกนานเท่าไหร่?
อืม…ครึ่งปีเห็นจะได้
นานเกินไป!ท่านมเหสีรอนานขนาดนั้นไม่ได้หรอก! ถ้าอย่างนั้นข้าขอสามเดือน
ไค่หลินคิดครู่หนึ่ง
สองเดือนไม่นานไปกว่านี้!
ก็ได้!
ไค่หลินจ้องซือหยูตาเขม็ง
เจ้าดูแลตัวเองให้ดีก็แล้วกัน!
ฮื่ม!หยาบคายนัก!
เจ้าหมาจ้องนางที่กำลังกลับไป
ซือหยูแววตาเย็นชา
อดทนไปก่อนเมื่อถึงเวลา เราจะได้เอาคืนกับนาง
เจ้าไม่ต้องไปไหนข้าจะบ่มเพาะพลังในช่วงเวลานี้
ซือหยูบอกเจ้าหมา
เหล่ารัชทายาทกำลังจะทำการยึดอำนาจโลกอสูรแล้ว
ไม่แน่ใจนักว่าจะมีรัชทายาทและเจ้าเมืองกี่คนที่เข้าร่วมคณะปฏิวัติไม่ต้องพูดถึงกองทัพเล็กที่จะเข้าร่วมด้วย
สิ่งเดียวที่มั่นใจได้ก็คือโลกอสูรแห่งนี้กำลังจะสั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง!
ทีแรกซือหยูคิดจะสร้างความวุ่นวายในโลกอสูรด้วยตัวเอง เพื่อยื้อเวลาให้กับฝ่ายธารดารา แต่ไม่คิดเลยว่าโลกอสูรจะปั่นป่วนวุ่นวายอยู่แล้ว
เมื่อการยึดอำนาจเริ่มขึ้นไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แดนอสูรจะต้องเปลี่ยนแปลงราวพลิกฝ่ามือ
ถ้าหากภายในไม่มั่นคงโลกอสูรจะไม่มีทางบุกไปยังพันธมิตรบูรพา นั่นจะทำให้พวกเขามีเวลาเตรียมการ
ซือหยูเข้าห้องลับและเริ่มบ่มเพาะพลัง
ซือหยูที่บ่มเพาะพลังมิอาจใช้สมบัติจากแดนจิงหยูได้อีกแล้ว
เมฆาอสูรให้กะโหลกแดงกับเขาซึ่งมันสามารถเลียนแบบสมบัติศักดิ์สิทธิ์ได้
ส่วนเจ้าเมืองอีกคนก็ให้แหล่งพลังเทพบริสุทธิ์กับเขามา
และยังมีแมลงวิญญาณมรณะมาอีก!
ทั้งสามเป็นของล้ำค่าโดยเฉพาะแหล่งพลังเทพบริสุทธิ์และแมลงวิญญาณมรณะ
ซือหยูดูดซับแหล่งพลังเทพเข้าสู่ร่างอย่างเชื่องช้าพลังได้แบ่งเป็นสองส่วนหลอมรวมกับวิถีเทพของซือหยูในแต่ละด้าน
แหล่งพลังเทพขนาดเท่าเมล็ดข้าวเติบโตเป็นห้าเท่ามันกลายเป็นสิ่งที่โคจรรอบธารดาราในขนาดดัชนี
พลังเซียนมหาศาลถูกดูดเข้าสู่แหล่งพลังเทพทั้งสองและปลดปล่อยพลังเทพกลับคืนมา
ว่าที่เทพทั่วไปมีแหล่งพลังเทพเดียวแต่ซือหยูมีถึงสอง เขาสามารถปลดปล่อยพลังเทพออกมาได้เป็นสองเท่า
แม้เขาจะยังไม่เป็นเทพพลังของซือหยูก็อยู่ในระดับของว่าที่เทพขั้นสูงแล้ว
ตอนนี้หากไร้ของวิเศษช่วยเหลือ ซือหยูสามารถต่อสู้กับว่าที่เทพขั้นสูงได้ด้วยตัวคนเดียว
สมบัติของพวกมันยอดเยี่ยมนักประหยัดเวลาบ่มเพาะข้าได้เป็นปี!
ซือหยูยิ้ม
ต่อมาคือแมลงวิญญาณมรณะมันมีหนอนโบราณผนึกเอาไว้ในน้ำแข็งก้อนนี้!
เขาจำได้ดีว่าเมฆาอสูรกับเทพอีกคนหวาดกลัวมันมาก
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาเห็นแมลงตัวนี้ หม้อเก้ามังกรยังส่งสัญญาณเตือนมาถึงเขา
แม้จะอยู่ต่อหน้าเทพหม้อเก้ามังกรก็ไม่เคยส่งสัญญาณเตือนเช่นนั้นมาก่อน!
สมบัติที่ดีที่สุดของซือหยูคือแมลงตัวนี้!
ซือหยูถือน้ำแข็งในมือเขาคิด…เจ้าแมลงนี้จะแข็งแกร่งเพียงใดกัน?
ทันทีที่เขาคิดเขาปล่อยสายพลังวิญญาณเข้าสู่น้ำแข็งเพื่อทดสอบหนอน แต่ในขณะเดียวกันหม้อเก้ามังกรสั่นอย่างแรงเพื่อเตือนเขา
ที่หน้าผากเงาดำของเทพปีศาจปรากฏออกมา มันรีบพูด
ปลดปล่อยดวงวิญญาณของเจ้าเร็วเข้า!
ทั้งหม้อเก้ามังกรและเทพปีศาจเตือนพร้อมกันซือหยูตกใจและสละวิญญาณออกจากร่าง
ทันทีที่ถอยออกมาซือหยูสัมผัสได้ถึงความเยือกเย็นที่ปล่อยออกมาจากหนอนวิญญาณมรณะ
เขารู้สึกราวกับเป็นกระต่ายขาวที่ถูกพยัคฆ์ตัวใหญ่จ้องมอง
อึก!
ซือหยูตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
มันอันตรายแค่ไหนกันแน่?
ซือหยูบ่มเพาะมาเนิ่นนานไม่มีอะไรที่ทำให้ดวงวิญญาณของเขาหวาดกลัวเช่นนี้ เทพปีศาจถอนหายใจด้วยความโล่งอกและจ้องมองแมลงในน้ำแข็งโบราณเทพปีศาจมองซือหยูด้วยสีหน้าหม่นหมอง
เจ้าประมาทเกินไป!เจ้าเกือบตายอยู่แล้วเชียว! โชคดีที่เจ้าถอยออกมาทัน! มิเช่นนั้น ต่อให้อาจารย์เจ้าอยู่ที่นี่ อาจารย์เจ้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้!