ซือหยูมองมเหสีหยุนเซี่ยด้วยใบหน้าสงบนิ่ง
ไม่คิดเลยว่าสตรีที่ท่านเทียนจี่จื้อเฝ้าคิดถึงจะเป็นคนอย่างเจ้า!
ซือหยูส่ายหน้าแม้จะไม่เต็มใจ ซือหยูก็บอกสิ่งที่เทียนจี่จื้อต้องการกับนาง
เทียนจี่จื้อขอให้ข้ามาบอกคำสั่งเสียว่ายังไม่เคยลืมเจ้า…เมฆากุหลาบ
ความรู้สึกเล็กๆ แสดงผ่านใบหน้าของนาง ก่อนมันจะหายไปและแทนที่ด้วยความไม่ใยดี
ซือหยูรู้สึกว่านางไม่คู่ควรสำหรับความรู้สึกของเทียนจี่จื้อ
ซือหยูบอกนางตามที่เทียนจี่จื้อขอเขาคิดว่ามันจะเป็นความรักอันลึกซึ้งระหว่างบุรุษและสตรี แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมามีเพียงความไม่สนใจ ถึงจะอย่างนั้นซือหยูก็มาบอกคำสั่งเสียแล้ว เขาคลายมือ สัมผัสราวกับว่าทรายดาราทางช้างเผือกได้กลายเป็นเถ้าถ่าน
มันคือสิ่งสุดท้ายที่ฉุดรั้งทรายดาราเอาไว้ทรายดาราทางช้างเผือกกลายเป็นของซือหยูโดยสมบูรณ์แล้ว
ท่านพ่อคือยักษ์ทะเลขม?มันเป็นไปได้ยังไง?
เมื่อมเหสีหยุนเซี่ยสารภาพองค์ชายหนึ่ง องค์หญิงสอง และองค์หญิงหกตกใจจนพูดไม่ออก
ตั้งแต่เริ่มต้นการมีอยู่ของโลกอสูรยักษ์ทะเลขมก็มีอยู่มาก่อนแล้ว
แต่จักรพรรดิอสูรยุคปัจจุบันเพิ่งจะถือกำเนิดเมื่อไม่กี่ร้อยปีเขาไม่น่าจะเป็นยักษ์ทะเลขมที่มีตัวตนมานานหลายล้านปี ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม!
มเหสีหยุนเซี่ยมองด้วยความเวทนา
ความทะเยอทะยานของจักรพรรดิอสูรมีอยู่เป็นนิรันดร์มดปลวกอย่างพวกเจ้าไม่มีวันเข้าใจ!
เจ้าคิดว่าเป็นข้าที่หวังครองบัลลังก์และทำลายโลกอสูรคิดร้ายต่อพวกเจ้า แต่ข้าเพียงทำตามคำสั่งของพ่อเจ้า ซึ่งก็เป็นความปรารถนาของยักษ์ทะเลขม การส่งตัวพวกเจ้าไปสังเวยก็คือความต้องการของพ่อเจ้า!
เป็นไปไม่ได้!
องค์หญิงสองกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวนางมิอาจเชื่อเรื่องลักลั่นเช่นนี้
มเหสีหยุนเซี่ยมองนางด้วยใบหน้านิ่ง
ข้าถึงได้บอกเจ้ามดปลวกอย่างพวกเจ้าไม่มีวันเข้าใจความฝันของสิ่งที่อยู่สูงกว่า
เมื่อนางพูดจบนางหลับตาช้า ๆ อย่างเงียบเชียบที่บนแท่นบูชา
เทพฝั่งนางก้าวมาข้างหน้าทีละคนปิดทางเข้าแท่นบูชาเอาไว้
เทพตำรายืนอยู่ภายในก้มลงมองซือหยูอย่างไร้อารมณ์ มันคงจะถึงจุดจบแล้วซือหยู
ความบาดหมางระหว่างทั้งสองลากยาวตั้งแต่พันธมิตรบูรพามาจนถึงโลกอสูรทั้งสองต่อสู้กันอย่างเปิดเผยนับครั้งไม่ถ้วน สุดท้ายมันก็จะถึงจุดจบแล้ว
ซือหยูจ้องเทพตำรา
ไอ้ผีเฮี้ยนเอ้ย!
องค์หญิงหกปล่อยจิตสังหาร
ฮื่ม!เจ้าไปอยู่ฝั่งมเหสีหยุนเซี่ยจริง ๆ!
ผู้คนย่อมต้องใช้ปัญญาอยู่ข้างอำนาจเจ้าไม่เข้าใจรึ ฝ่าบาท?
เทพตำราตอบกลับ
คลื่นแสงเทพเปล่งประกายเข้ามาทัพกบฏที่ถูกไล่ต้อนจนมุมเริ่มต่อสู้กับศาลอสูร
เมื่อศาลอสูรยื่นมือเข้ามาพวกเขาก็ไม่มีหวังอีกแล้ว
องค์ชายหนึ่งมองซือหยูด้วยแววตาลึกล้ำและความสงสัย ถ้ารู้อยู่แล้วว่ายักษ์ทะเลขมคือจักรพรรดิอสูรแล้วทำไมซือหยูถึงไม่บอกพวกเขาเร็วกว่านี้เล่า? ถึงกับพาพวกเขามาที่นี่อีก!
ยึดแท่นบูชากลับมาคือทางเดียวที่เราจะหนีไปจากโลกอสูร
องค์ชายหนึ่งเหลือบมองทุกคน
ฝ่ายองค์ชายหนึ่งมีเทพเก้าคนนั่นก็คือเขา องค์หญิงสอง องค์หญิงหก เช่นเดียวกับเจ้าเมืองหกคนที่ยังภักดีต่อพวกเขา
ส่วนอีกฝ่ายคือมเหสีหยุนเซี่ยเทพตำรา แม่ทัพศาลอสูร และเทพอีกสี่คน รวมถึงเมฆาอสูร
หากต่อสู้กันพวกเขาอาจจะมีโอกาสชิงแท่นบูชากลับมาได้
แต่ซือหยูส่ายหน้า
ไม่ต้องเสียเวลาพวกมันได้แท่นบูชาไปแล้ว มันไม่มีวันปล่อยให้เจ้าได้กลับไปอีก! พวกมันจะต้องวางกับดักไว้ที่แท่นบูชา การที่เจ้าต่อสู้กับพวกมันคือสิ่งที่พวกมันต้องการ มเหสีหยุนเซี่ยปล่อยจิตสังหารออกมาเมื่อได้ยินซือหยู
แม้จิตสังหารจะหายไปในพริบตาองค์ชายหนึ่งและคนอื่น ๆ ก็มองเห็น!
ซือหยูพูดถูกที่แท่นบูชามีกับดักรอพวกเขาอยู่
ย้ายตำแหน่งเดี๋ยวนี้พวกมันกำลังยื้อเราและรอให้ศาลอสูรมาเสริมกำลัง
ซือหยูแตะลูกปัดรอบข้อมือ
ลูกหนึ่งเปล่งแสงสีม่วงเทพอสูรเนตรม่วงปรากฏตัวออกมาโดยที่ไม่มีใครคาดคิด
เทพอสูรเนตรม่วงมองดูสถานการณ์ตรงหน้า
สุดท้ายมันก็ต้องเป็นเช่นนี้สินะ?
เมื่อพูดจบเขาคว้าตัวซือหยูและปี้หวังชิงด้วยมือแต่ละข้างและก้าวพริบตาหนีไป
ทิศทางที่มุ่งหน้าไปก็คือทะเลขม!
องค์ชายหนึ่งองค์หญิงสอง และองค์หญิงหกลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะมองทัพกบฏที่อ่อนแอทุกขณะ ทั้งสามร้องคำรามเบา ๆ และไล่ตามเทพอสูรเนตรม่วงไป
มเหสีหยุนเซี่ยมีแววตาชั่วร้ายใบหน้านางเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง
ท่านมเหสีเราควรจะทำอย่างไร?
แม่ทัพศาลอสูรจ้องแผ่นหลังซือหยูเขายิ้มอย่างชั่วร้าย
ตอนที่ถูกไค่หลินขวางครั้งที่แล้วซือหยูรอดไปได้ แต่ตอนนี้น่ะหรือ หึหึ!
ช้าก่อน
มเหสีหยุนเซี่ยน้ำเสียงมั่นคง
แท่นบูชาคือทางออกเดียวของโลกอสูรตราบเท่าที่เราป้องกันที่นี่ มันก็ไม่ต่างจากเต่าในกระดอง พวกศาลอสูรมาถึงเมื่อใด นั่นก็เป็นเวลาตายของพวกมัน
เทพตำรายิ้มชื่นชม
ท่านมเหสีพูดถูกต่อให้มีปีก พวกมันก็หนีไม่รอด …
องค์หญิงหกและคนที่เหลือตามซือหยูทันในไม่นาน
ซือหยูบอกมาให้ชัด เรื่องท่านพ่อคือยักษ์ทะเลขมคืออะไรกันแน่?
องค์หญิงหกแววตาเยือกเย็นจิตสังหารอยู่ในตาคู่นั้น
องค์ชายหนึ่งและองค์หญิงสองเองก็ไม่พอใจเช่นกันซือหยูปิดบังเรื่องสำคัญนี้กับพวกเขาได้ยังไง?
มันหมายความตามที่พูดนั่นแหละ
ซือหยูที่มีเทพอสูรเนตรม่วงคุ้มกันไม่กลัวว่าทั้งสามจะทำร้าย
จักรพรรดิอสูรคือยักษ์ทะเลขม
ข้าถามเจ้าอยู่เจ้ารู้ได้ยังไง แล้วทำไมถึงไม่บอกพวกข้า?
ซือหยูตอบด้วยความใจเย็น
ตอนที่ข้าฝ่าวิบัติเทพข้าได้พบกับสามคนในเวลาเดียวกัน จักรพรรดิอสูรในอดีต จักรพรรดิอสูรในปัจจุบัน และเทพแห่งความตาย
แต่จากที่ข้าสืบมามีเพียงจักรพรรดิอสูรในอดีตเท่านั้นที่จะปรากฏตัวในโลกอสูร หากทั้งสามปรากฏตัวพร้อมกัน มันมิได้มีความเกี่ยวข้องกันหรอกรึ?
ซือหยูหรี่ตา
องค์หญิงหกคิดได้
เจ้าหมายความว่าทั้งสามคือคนเดียวกันงั้นเรอะ!
พูดให้ถูกก็คือทั้งสามแปลงร่างมาจากคนเดียวกัน! ไม่มีคำอธิบายอื่นแล้ว อดีตจักรพรรดิอสูรควรจะมาเท่านั้น แต่มีสามคนปรากฏตัวออกมาพร้อมกัน! ถ้าข้าไม่เข้าใจผิด ทั้งสามคือร่างแปลงจากคนคนเดียว
องค์หญิงสองโต้แย้ง
เหลวไหล!อดีตจักรพรรดิอสูรของเผ่าอสูรมีอยู่หนึ่งเดียว จะมีจักพรรดิอสูรที่แตกต่างกันมาจากคนเดียวกันได้ยังไง? ไม่ต้องพูดถึงเทพแห่งความตายที่ไม่ใช่อสูรเลย!
ซือหยูยักไหล่เขาไม่คิดจะอธิบายอีกแล้ว
องค์หญิงสองกำลังจะพูดอีกครั้งแต่องค์ชายหนึ่งพูดออกมาเบา ๆ หลังจากครุ่นคิด
เขาอาจพูดถูกจักรพรรดิอสูรสองคนอาจจะเป็นคนเดียวกันก็ได้
ความลับของราชวงศ์มีอยู่หนึ่งเรื่องที่ไม่เคยมีใครรู้ นั่นคือ…คำสาปอวตาลพันอสูร!
องค์หญิงสองและองค์หญิงหกไม่เข้าใจ
ทำไมพวกเราถึงไม่รู้?
มันคือตำราต้องห้ามที่มีเพียงผู้สืบทอดเท่านั้นที่จะอ่านได้
องค์ชายหนึ่งกล่าวอย่างไม่รีบร้อน
เขาคือผู้สืบทอด!
ตำราต้องห้ามบันทึกวิชาต้องห้ามที่ส่งต่อจากจักรพรรดิอสูรรุ่นแรก!เมื่อบ่มเพาะสำเร็จจะสร้างร่างแยกได้นับร้อยนับพันที่มีสติสัมปชัญญะเป็นของตัวเอง เพื่อที่จะเข้าสู่วงจรอื่นและกลายเป็นสิ่งมีชีวิตใหม่
สิ่งที่แยกร่างออกมาสามารถบ่มเพาะพลังได้เองเมื่อบ่มเพาะได้ถึงระดับหนึ่งจะถูกร่างต้นกลืนกิน ร่างต้นจะแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
หากซือหยูพูดถูกจักรพรรดิอสูรคนปัจจุบันอาจจะเป็นร่างแยกของอดีตจักพรรดิอสูรก็ได้! ทั้งสองอาจจะเป็นคนคนเดียวกัน!
องค์หญิงสองและองค์หญิงหกตัวแข็งทื่อจนพูดอะไรไม่ออก
จักรพรรดิอสูรรุ่นแรกทิ้งวิชาต้องห้ามที่น่ากลัวขนาดนี้เอาไว้รึ?
สร้างร่างแยกนับไม่ถ้วนเพื่อสร้างการเกิดใหม่ของตัวเองและกลืนกินกันเอง
เดี๋ยวก่อน!ต่อให้ท่านพ่อเป็นร่างแยกจากจักรพรรดิอสูรรุ่นแรก ท่านพ่อก็ไม่น่าจะเป็นยักษ์ทะเลขม เพราะจักรพรรดิอสูรคนก่อนเกิดเมื่อหมื่นปีก่อน มันห่างไกลจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของยุคสมัยที่ยักษ์ทะเลขมปรากฏตัวขึ้นมา
องค์หญิงหกเป็นคนแรกที่คิดได้
องค์ชายหนึ่งส่ายหน้าเบาๆ
นั่นก็เป็นสิ่งที่ข้าสงสัยอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน!
เขามองซือหยูรอคอยคำอธิบาย
ซือหยูยิ้มออกมา
ถ้าเจ้ายอมรับได้แล้วว่าจักรพรรดิอสูรคนนี้คือร่างแยกของจักรพรรดิอสูรคนก่อนเจ้าคิดต่อไปอีกสักหน่อย ใครกันที่เป็นร่างแยกของจักรพรรดิอสูรคนก่อน?
และคนก่อนหน้าใครกันที่ร่างอวตาลที่กลับมาเกิดใหม่…คนแรกสุดก็คือจักรพรรดิอสูรรุ่นแรก!
ส่วนเรื่องคำสาปอวตาลพันอสูรนั่นไม่ใช่สิ่งที่จักรพรรดิอสูรรุ่นแรกสร้างขึ้นมาหรอกหรือ?
อะไรนะ?ทั้งสามตกตะลึงจากความคาดการณ์ของซือหยู แม้แต่องค์ชายหนึ่งก็มิอาจเชื่อ
เจ้าจะบอกว่าจักรพรรดิอสูรในโลกอสูรของเราทุกคนล้วนเป็นร่างอวตาลของจักรพรรดิอสูรรุ่นแรกงั้นเรอะ?
ซือหยูพยักหน้า
ใช่แล้วนั่นคือจักรพรรดิอสูรรุ่นแรก!
ข้าสงสัยตั้งแต่มาถึงโลกอสูรโลกอสูรถูกสร้างโดยจักรพรรดิอสูรรุ่นแรก แล้วทำไมถึงได้มีสิ่งที่น่ากลัวและเป็นภัยต่อโลกอสูรอยู่ด้วย?
ในโลกทุกใบจะมีตัวตนสูงสุดเพียงคนเดียวและนั่นก็คือเทพรุ่นแรกที่สร้างโลกใบนั้นขึ้นมา!
และในเวลาต่อมาตอนที่ข้าฝ่าวิบัติเทพและได้เจอกับจักรพรรดิอสูรสองคนพร้อมกัน ข้าก็คิดได้!
ยักษ์ทะเลขมคือจักรพรรดิอสูรยุคแรก!คำสาปอวตาลพันอสูรบอกว่าร่างต้นได้สร้างอวตาลในทุกยุคสมัย ถ้าหากจักรพรรดิอสูรทุกคนเป็นร่างที่แยกออกมา แล้วร่างต้นจะมาจากที่ใดเล่า? จักรพรรดิอสูรมีชีวิตมาหลายแสนปีแล้ว!
ในโลกอสูรแห่งนี้มีเพียงสิ่งเดียวที่มีชีวิตได้ยาวนานหลายล้านปี นั่นก็คือยักษ์ทะเลขม!
องค์ชายหนึ่งองค์หญิงสอง และองค์หญิงหกสะพรึงกลัวและพูดไม่ออกเป็นเวลานาน
ทั้งสองแทบไม่อยากจะเชื่อบทสรุปของซือหยูแต่ทั้งสามไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับ เพราะมันคือคำอธิบายที่มีเหตุผลและมีความเป็นไปได้สูงสุด
การถือกำเนิดของยักษ์ทะเลขมกระจ่างชัดเพราะมันก็คือจักรพรรดิอสูรรุ่นแรก!
มันยังอธิบายเหตุผลที่ยักษ์ทะเลขมต้องการกลืนกินตระกูลราชวงศ์ก็เพราะว่าลูกหลานทุกคนในราชวงศ์เป็นเพียงร่างแยกของอวตาลเท่านั้น
ทั้งสามรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาดทั้งสามที่ก้าวพริบตาตามซือหยูมาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าซือหยูมุ่งหน้ามาที่ทะเลขม
ที่นี่เงียบกริบไม่มีแม้แต่เทพเดินทางผ่าน
ปี้หวังชิงที่เคยอวดดีรู้สึกเหมือนถูกสายฟ้าฟาดใส่เช่นกันบทสรุปของซือหยูสรุปประวัติศาสตร์ล้านปีของโลกอสูร มันก้าวเหนือกาลเวลา วิถีเทพที่นางได้รับสืบทอดมาไม่มีทางทำได้ถึงเพียงนี้
นางมองซือหยูเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เขาคือยอดคนที่น่ากลัวไม่มีผิดเพี้ยนไม่มีสิ่งใดบนโลกที่ถูกปิดบังจากเขาได้!
เทพอสูรเนตรม่วงมิได้หัวเราะรัชทายาททั้งสามที่ตัวแข็งทื่อเพราะซือหยูเคยบอกเขาในเรื่องนี้มาก่อนแล้ว
จนถึงวันนี้มเหสีหยุนเซี่ยยอมรับกับปากตัวเองว่าจักรพรรดิอสูรคนปัจจุบันคือยักษ์ทะเลขม ซือหยูจึงได้ยืนยันความคิดของตัวเอง
ความลับล้านปีได้ถูกขุดค้นขึ้นมา! เงาดำที่หลอกหลอนโลกอสูรมาล้านปีได้ปรากฏกาย!
จักรพรรดิอสูรรุ่นแรก!
ยักษ์ทะเลขม!
เขาใช้เวลาหลายล้านปีเพื่อบ่มเพาะคำสาปอวตาพันอสูร…อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มพลังของตัวเอง
เทพอสูรเนตรม่วงมองปี้หวังชิงที่นิ่งราวกับหินด้วยความโล่งใจมีเพียงบุรุษที่ฉลาดเหนือใครอย่างซือหยูที่จะมองเห็นผ่านทั้งมิติและเวลาชั่วกัปชั่วกัลป์ และควบคุมศิษย์ของเขาได้
ผ่านไปนานมากกว่าที่รัชทายาททั้งสามจะได้สติกลับมาจากความตกตะลึงที่ได้ยินความลับล้านปี
ใบหน้าแต่ละคนหม่นหมอง
องค์หญิงหกหน้าดำมืดราวกับในน้ำลึก
ถ้าเจ้ารู้เรื่องทั้งหมดนี่ทำไมเจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านี้?