ทารกที่โตกว่าดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาขยับแขนพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกบางสิ่งจับตาดูอยู่…
เฮ่อเหลียนเวยเวยสังเกตเห็นสายตาขององค์ชายเช่นกัน ไม่ใช่แค่นั้น นางยังรู้สึกได้อีกด้วยว่าเด็กในท้องของนางดูจะมีปฏิกิริยามากกว่าปกติในทุกครั้งที่องค์ชายอยู่ที่นี่
เหมือนกับว่าองค์ชายกับเด็กคนนี้กำลังมีปฏิสัมพันธ์กัน
แต่… ปฏิสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากลับดูไม่ค่อยเป็นมิตรต่อกันเท่าใดนัก
เฮ่อเหลียนเวยเวยลูบท้องตัวเองพร้อมกับหัวเราะขำ นางเชื่อที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดเมื่อครู่แล้วว่าลูกในท้องนางเป็นเด็กผู้ชาย
ถ้าเขาไม่ใช่เด็กผู้ชาย เขาก็คงไม่ต่อต้านองค์ชายตั้งแต่ก่อนเกิดเช่นนี้
พ่อลูกคู่นี้นี่จริงๆ เลย…
“วันนี้ท่านไม่ไปที่ห้องทรงอักษรทางทิศใต้หรือ” แม้ว่าเฮ่อเหลียนเวยเวยจะชอบนอนอยู่ในอ้อมแขนขององค์ชาย แต่นางก็รู้ว่าช่วงนี้ราชสำนักวุ่นวายเพียงใด
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยป้อนพุทราให้นาง แล้วตามด้วยน้ำชา ก่อนจะตอบว่า “ห้องทรงอักษรทางทิศใต้ยังไม่จำเป็นต้องใช้ข้า”
“หา?” เฮ่อเหลียนเวยเวยงง ปัจจุบันอดีตฮ่องเต้กำลังค่อยๆ ส่งมอบเรื่องต่างๆ มาให้เขาดูแล ดังนั้นนี่จึงควรเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งที่สุดสำหรับองค์ชาย
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังคงสุขุมเยือกเย็น เขาพูดให้นางมั่นใจว่า “พวกเราต้องรู้จักใช้ประโยชน์จากทรัพยากรมนุษย์ให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาเช่นนี้”
ในขณะเดียวกันนั้น นักปราชญ์คนหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าราชโองการกองเท่าภูเขาคำรามขึ้นด้วยความเดือดดาล เสียงของเขาดังก้องราวกับเสียงฟ้าผ่า “ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย เจ้ากล้าทำกับพี่น้องของตัวเองเช่นนี้ได้อย่างไร อ๊าก!”
“นายน้อยเลี่ยขอรับ ใจเย็นๆ ก่อนขอรับ อย่าฉีกเอกสารนะขอรับ!” ขันทีตัวน้อยรู้สึกกังวลอย่างมากเมื่อเขาเห็นอาการของอีกฝ่าย
หนานกงเลี่ยมองกองเอกสารตรงหน้าอย่างหมดหนทาง พร้อมกับคร่ำครวญด้วยความโมโหกับตัวเองในใจ
เฮ่อเหลียนเวยเวยเพิ่งได้ยินมาเมื่อไม่นานนี้ว่าหนานกงเลี่ยกำลังช่วยแบ่งเบาภาระงานให้กับองค์ชาย แต่พอนางนึกถึงชายผู้ไม่เคยอยู่นิ่งคนนั้นกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ห้องทรงอักษรทางทิศใต้ขึ้นมา นางก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา จากนั้นจึงถามเขาว่า “ท่านหมายถึงนายน้อยเลี่ยหรือ”
“ช่วงนี้อารมณ์เขาไม่ค่อยดีนัก เขาต้องอ่านเอกสารเพื่อพัฒนานิสัยและฝึกฝนความอดทน” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยพูดอย่างไม่รู้สึกผิด ราวกับว่าคนที่มอบหมายงานพวกนี้ให้เขาทำไม่ใช่เขา เขายิ้มแล้วจับมือเฮ่อเหลียนเวยเวยพร้อมกับมองเข้าไปในดวงตาใสกระจ่างอันงดงามของนาง แล้วเอ่ยว่า “ได้เวลาตัดเล็บแล้ว”
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ทันได้สังเกตเล็บตัวเอง แต่นางรู้สึกว่าเล่ห์เหลี่ยมขององค์ชายแพรวพราวขึ้นกว่าสมัยก่อนมาก คนนิสัยอย่างหนานกงเลี่ยคงไม่สัญญาว่าจะช่วยทำงานแทนองค์ชายง่ายๆ พวกเขาต้องตกลงอะไรกันเอาไว้แน่
แต่ละครฉากนี้ก็สนุกและน่าสนใจทีเดียว
เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ขัดข้องหากต้องรับชมสิ่งนี้ต่ออีกสักสองสามวัน นางหยิบกรรไกรตัดเล็บขึ้นเมื่อเห็นว่าเล็บของนางยาวขึ้นจริงๆ
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเร็วกว่า เขาฉวยกรรไกรตัดเล็บไปจากมือนาง แล้วจับนางเอนหลังลงในอ้อมแขนของเขา จากนั้นจึงตัดเล็บให้นางระหว่างมองนางอยู่ข้างๆ ใบหน้าของเขาหล่อเหลา สันจมูกของเขาโด่งรั้น เขาดูดีอย่างยิ่งตอนที่ยิ้มให้นางอย่างอ่อนโยน
เฮ่อเหลียนเวยเวยคิดว่านี่เป็นภาพที่งดงามที่สุดที่นางเคยเห็น
นางรู้ดีว่าองค์ชายหล่อเหลาเพียงใด
ทุกครั้งที่ได้เห็นเขาใกล้ๆ หัวใจของนางจะเต้นรัว วิญญาณของนางแทบจะหลุดออกจากร่าง
ตอนนี้เมื่อนางได้เห็นตัวตนของเขามากขึ้น และแม้ว่าความรู้สึกราวกับถูกสะกดจิตอย่างกะทันหันเหล่านั้นจะลดน้อยลงไปแล้วก็ตาม แต่การละสายตาออกจากใบหน้าของเขาก็ยังนับว่าเป็นเรื่องยากสำหรับนางอยู่ดี
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเหมือนกับหยกชิ้นงาม บรรยากาศที่เขามีสามารถสร้างความกดดันให้กับทุกคนได้อย่างง่ายดายไม่ว่าเขาจะอายุเท่าใดก็ตาม
“เจ้าพอใจหรือยัง” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเห็นนางหรี่ตาแล้วยิ้มให้กับเขา เขาจึงเคลื่อนสายตาลงแล้วประทับจูบลงบนเปลือกตาของนาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยแกล้งพูดกับเขาว่า “ก็ไม่เลว ท่านดูแลข้าดีทีเดียว หน้าตาท่านก็ไม่เลวเหมือนกัน”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเลิกคิ้วสวยของตัวเองขึ้น เขารู้ว่าใครบางคนกำลังทำตัวซุกซนกับเขาอยู่ ดังนั้นเขาจึงเคลื่อนริมฝีปากไปจูบเข้าที่ใบหูของนาง พร้อมกับถามอย่างหยอกล้อว่า “ทำไมเจ้าไม่บอกว่าเรื่องบนเตียงข้าก็เก่งเหมือนกันล่ะ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยอยากแกล้งองค์ชาย แต่ตอนนี้คนที่ถูกแกล้งกลับกลายเป็นนางเสียเอง ใบหน้าของนางขึ้นสีแดงระเรื่อขณะที่ตอบว่า “ท่านยังไม่ได้ตัดเล็บที่มืออีกข้างให้ข้า”
“ข้าจะตัดให้ทีหลัง” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยวางกรรไกรตัดเล็บลงแล้วสอดมือเข้าไปใต้เสื้อคลุมของนาง ลมหายใจของเขาเริ่มแรงขึ้นขณะที่เขาค่อยๆ จูบเข้าที่ลำคอนั้น
นางไม่สามารถหลบเลี่ยงเขาได้เมื่ออยู่ในท่านี้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงจับมือที่ปัดป่ายไปตามร่างของตัวเองเอาไว้เท่านั้น แต่นางก็ไม่สามารถห้ามไม่ให้เขาจูบนางได้
พวกเขาอยู่ด้วยกันมานาน ดังนั้นทั้งสองย่อมรู้จุดอ่อนไหวของกันและกันเป็นอย่างดี
เพียงครู่เดียวไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ทำให้ดวงตาเซื่องซึมของเฮ่อเหลียนเวยเวยพร่ามัวไปด้วยความตื่นเต้น
เขาปลดสายคาดเสื้อคลุมของนางออกพร้อมกับประทับริมฝีปากเข้ากับนางซ้ำๆ ลิ้นของเขาเกี่ยวพันกับลิ้นของนางอย่างช่ำชอง
ในไม่ช้า…
ร่างกายของเฮ่อเหลียนเวยเวยก็หมดเรี่ยวแรง นางรู้สึกชาหนึบไปทั้งร่าง และดวงตาของนางก็ยังชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำ การถูกไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจูบอย่างแผ่วเบาเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายอย่างมาก
ทุกครั้งที่เห็นสีหน้าเหม่อลอยของนาง ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจะรังแกนางอย่างแรงและทำให้นางสูญเสียการควบคุมเมื่ออยู่กับเขา
เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกได้ถึงสายตาดุดันและความร้อนระอุจากสิ่งที่กระตุกอย่างรุนแรงอยู่ใต้ร่างกายท่อนล่างของนาง ทันทีที่เขาขยับร่าง เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เริ่มรู้สึกปวดหนึบที่ช่วงเอว สติของนางยังแจ่มชัด แต่น้ำเสียงของนางกลับติดจะแหบแห้งตอนที่เอ่ยขึ้นว่า “หยุดก่อน มันไม่ดีกับลูกนะ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหยุดเพียงแค่นั้น ริมฝีปากบางของเขาสัมผัสกับริมฝีปากของนาง ลมหายใจของเขาเริ่มสงบลง แต่สายตาของเขากลับดำทะมึน
เฮ่อเหลียนเวยเวยนั่งนิ่งๆ เพราะนางรู้ว่าการข่มความต้องการนั้นเป็นเรื่องยากเพียงใดสำหรับเขา
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนิ่วหน้า ก่อนผลักนางออกแล้วปล่อยให้นางลุกขึ้นยืน จากนั้นเขาจึงจัดแจงกลัดกระดุมเสื้อทุกเม็ดให้กับนาง แล้วกอดนางอีกครั้ง เขาจูบนางอย่างร้อนแรงและบ่นออกมาว่า “เจ้าหนูนั่นไม่เป็นอะไรหรอก” น่ารำคาญจริงๆ เขาไม่ชอบให้มีคนอื่นอยู่ด้วยเวลาที่เขากำลังแสดงความรักกับใคร ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังเป็นห่วงอีกด้วยว่าร่างกายของนางจะรับไม่ไหว ดังนั้นเขาจึงจำต้องควบคุมตัวเองเอาไว้ แต่ยิ่งเขาพยายามข่มใจไว้เท่าใด ส่วนนั้นของเขาที่สัมผัสเฮ่อเหลียนเวยเวยอยู่ก็ยิ่งร้อนขึ้นเท่านั้น
เรื่องนี้ทำให้ใบหน้าของเฮ่อเหลียนเวยเวยเห่อร้อนจนเปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นนางก็หยิบกรรไกรตัดเล็บขึ้นมาแล้วพูดว่า “เรามาตัดเล็บกันต่อดีกว่า”
ใบหน้าขององค์ชายกลับมาเย็นชาและไม่แยแส แม้จะมีใครเข้ามาตอนนี้ พวกเขาก็คงไม่สามารถบอกได้ว่าเขามีความคิดชั่วร้ายซุกซ่อนอยู่ในใจ
เฮ่อเหลียนเวยเวยขยับตัวไม่ได้ เพราะนางกลัวว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้ไฟในร่างของเขาปะทุขึ้นมาอีก ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงแค่นั่งอยู่ในท่าเดิม
หลังจากสาวใช้เตรียมน้ำโรยกลีบกุหลาบสำหรับให้เขาอาบเสร็จ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็จัดการห่มผ้าให้กับนาง แล้ววางนางลงบนเตียง จากนั้นเขาจึงออกไปอาบน้ำเพียงคนเดียว
นางรู้สึกว่าคราวนี้องค์ชายอาบน้ำค่อนข้างนานกว่าปกติ
เฮ่อเหลียนเวยเวยเป็นคนฉลาด ดังนั้นนางจึงรู้ว่าทำไมเขาถึงใช้เวลานานเช่นนั้น นางไม่กล้าเข้าใกล้ที่ตรงนั้นเพราะกลัวว่าจะได้เห็นภาพที่ไม่ควรเห็นเข้า ดังนั้นนางจึงหยิบเสื้อคลุมตัวนอกขึ้นมาสวมแล้วเดินออกไปที่ห้องโถง หมอหลวงเตรียมตัวพร้อมแล้ว ทั้งสามคนยืนเรียงแถวรอจับชีพจรให้กับนาง
เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มให้กับพวกเขาอย่างใจดี นางดูเกียจคร้านแต่ก็ยังคงสุภาพต่อพวกเขา นางสั่งให้ข้ารับใช้นำชามาให้หมอหลวง แล้วจึงพูดว่า “ช่วงนี้พวกท่านทำงานกันอย่างหนัก ข้าขอบคุณมาก”
“พระชายาสุภาพเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นสิ่งที่พวกกระหม่อมควรจะ…” จู่ๆ หมอหลวงหลิวก็หยุดพูดไปอย่างกะทันหัน มือของเขาที่กำลังจับชีพจรให้นางอยู่ก็ชะงักไปเช่นกัน เขานึกว่าด้ายสีทองคงจะขาด ดังนั้นเขาจึงมองมือที่จับชีพจรให้นางด้วยความตกใจอย่างมาก!